แต่งงาน 3 เดือน สามีนอกใจและนอกกาย

สวัสดีค่ะ เราอายุ 28 ปี วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์(ระบายความเสียใจ)
 
เรากับแฟนแต่งงานกันมา 1 ปีแล้ว แฟนและเราอายุเท่ากันค่ะ ( คบก่อนแต่งประมาณ 8ปี ) ก่อนเดือนครบรอบแต่งงาน 1ปี เราได้รู้ความจริงว่า แฟนเราแอบมีความสัมพันธ์กับน้องคนนึง มาเป็นเวลา 8 เดือนแล้ว (นั่นแปลว่า เค้าเริ่มคุยกันตอนแต่งงานกับเราได้แค่ 3 เดือน) รู้เพราะมีเพื่อนมาบอกเพราะเค้าอดทนไม่ไหวแล้ว
 
เกริ่นก่อนว่า แฟนเราทำงานกลางคืน (ผู้จัดการร้าน) ส่วนเราเป็นคนไม่ชอบเที่ยวกลางคืน (หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเจอกันได้ยังไง ตอนเริ่มคบกันตอนนั้นเราเป็นนักศึกษาทั้งคู่ ไม่ได้เจอกันที่ร้านเหล้า) หลังแต่งงาน เราจะคอยดูแลงานบ้าน เสื้อผ้า และอาหารให้เค้า (ส่วนตัวเราทำงานส่วนตัว ทำที่ไหน ตอนไหนก็ได้ รายได้ดีมากๆ)  พยายามเป็นภรรยาที่ดี ยอมทำงานส่วนตัวแทนที่จะไปสอบราชการ เพราะอยากอยู่ด้วยกัน แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะรายได้เค้า และเรา โอเคทั้งคู่ ถือว่าลงตัวระดับนึง
 
เริ่มจากเราสงสัยในตัวผู้หญิงคนนึง เค้าเป็นลูกค้ามาที่ร้านแฟนเรา เราชอบเข้าไปส่องสตอรี่ลูกค้าที่เช็คอินร้านเรื่อยๆ และรู้สึกแปลกๆกับคนนี้ คิดว่าคงเป็นเซนส์ของผู้หญิง แต่เราก็ได้แต่สงสัยเพราะไม่มีหลักฐานอะไรมากไปกว่า เห็นเค้าถ่ายวิดีโอแฟนเราตอนทำงาน (ลูกค้าหลายคนถ่ายเป็นปกติค่ะ เพราะแฟนจะมีการโชว์ทักษะการทำงานให้ลูกค้าดู) แต่คนนี้เรารู้สึกว่าแปลกๆ เค้าชอบถ่ายหน้าตัวเอง แต่สายตามองไปหลังมือถือแบบส่งสายตาเยิ้มๆ ลงรูปเดี่ยวแต่มีแฟนเราติดด้านหลังไกลๆ แต่มันก็ไม่ใช่หลักฐานที่มากพอให้เราไปหยุมใครได้ ทำได้แค่สังเกตการณ์ เวลาเห็นอะไรแปลกๆ แล้วเราคาดคั้นแฟน แฟนก็จะบอกว่าคิดมาก แค่ลูกค้า ไม่ได้คุยอะไรมาก จนกระทั่ง เราได้มีโอกาสทำความรู้จักกับน้องลูกค้าคนนี้ เราก็ถือโอกาสแสดงตัวว่า เราเป็นภรรยาของคนนี้นะ เพราะการที่จะมีสาวๆมาชื่นชอบแฟนเรา เป็นอะไรที่ปกติมาก เพราะเค้าทำงานกลางคืน และต้องแพรวพราวเอนเตอร์เทนลูกค้า แต่เราเคยคุยกันไว้ว่า เป็นแฟนคลับได้ ชื่นชมได้ แต่ให้จบที่หน้างาน ห้ามล้ำเส้น ห้ามเกินเลย
 
รู้จักกับน้องคนนั้นวันแรกเพราะน้องเค้าเป็นเพื่อนของเพื่อน เรากับน้องก็ไปเที่ยวกันต่ออีกร้าน (ใกล้ๆร้านแฟนเราแหละ) ไปด้วยกัน 4-5 คน แต่เราไม่ค่อยชอบเต้น หรือดื่มมาก เลยแอบหนีกลับไปนั่งพักที่ร้านแฟนคนเดียว เงียบๆกะจะพักสายตาเพราะดื่มมากรึ่มๆ น้องคนนี้เดินตามมานั่งด้วยกัน เราตกใจมาก แต่คิดว่าน้องคงอยากทำความรู้จักเรา เราก็นั่งคุยกับน้อง นั่งฟังเค้าพูดเรื่องตัวเองเรื่อยๆ จนร้านปิด เราก็กำลังจะกลับ เลยถามน้องว่ากลับยังไง น้องบอกว่าไปส่งได้ไหม เราก็โอเค กล้าขอก็กล้าไปส่งเรากับแฟนขับรถไปส่งน้องที่หอ ก่อนลงจากรถ น้องจุ้บแก้มเรา 1 ครั้ง ตอนนั้นเราตกใจมาก แต่ก็เริ่มคลายความกังวลว่า เราคงคิดมากไป น้องเค้าคงไม่มีอะไรกับแฟนเราหรอก 
 
หลังจากนั้น เรากับน้องก็คุยกันมากขึ้น น้องจะชอบชวนคุย เวลาไปเที่ยวไหนกัน ก็ชวนๆกันไปหลายๆคน อารมณ์แกงค์เที่ยวด้วยกันเลยก็ว่าได้ แต่ส่วนตัวเรา เราไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืน หลังๆเราเลยไม่ค่อยออก + เรารับแมวมาเลี้ยง (เพราะเหงาเวลาแฟนไปทำงาน) ทำให้เราออกจากบ้านยากขึ้นไปกว่าเดิมอีกเพราะหลงแมวสุดๆ  ระหว่างนี้ ถึงเรากับน้องไม่ค่อยไปเที่ยวด้วยกัน แต่ก็คุยแชทกันตลอด คุยสัพเพเหระ ให้กำลังใจจะกันไปมา แลกเปลี่ยนเรื่องราว ทั้งเรื่องส่วนตัวและทั่วไป ตามประสา เพื่อนสาว 
 
ระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของเรากับแฟนก็ดีเหมือนปกติ รักกันปกติ มีบ้างที่ทะเลาะกันเรื่อง เค้าไม่ค่อยมีเวลาให้เรา ชอบละเลย ไม่ใส่ใจ แต่เราคงเป็นคนโง่มั้งคะ เรื่องพวกนั้น เราก็มองว่า เอออแฟนคงทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาให้ เรื่องละเลย ไม่ใส่ใจ ก็ตามประสานิสัยผู้ชาย ทำให้เราไม่เคยโกรธแฟนจริงจัง และพยายามเข้าใจเค้าให้กำลังใจเค้าในการทำงานให้มากที่สุด  
 
เอาจริงๆถึงเราจะคลายความกังวลเรื่องน้องคนนี้ไปบ้างแต่เราก็ยังจับตาดูอยู่ตลอด เราสังเกตเห็นสตอรี่น้องเค้ากับแฟนเรา ดูสัมพันธ์กัน เหมือนตอบโต้กันไปมา เช่น น้องลงเพลงเกี่ยวกับคิดถึงกันไหม แฟนเราก็จะแชร์คลิปเด็กทารกทำหน้าน่ารักๆ แคปชั่นว่า เมื่อเธอถามว่าเราคืดถึงเธอไหม เราก็มีนอยแฟนนะ มีแบบ เอ้ยมีอะไรป่าวเนี่ย ทำไมลงสตอรี่แบบนี้ แฟนเราก็เหมือนเดิม ตอบว่า คิดมาก ไม่มีอะไร กับน้องนั้นก็ไม่ได้คุยไม่ได้เจอ เราไม่ชอบให้คุย เค้าก็เลี่ยงไม่คุยนะ เราก็ดันเชื่อที่เค้าพูดซะงั้น
 
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีอะไรแปลกๆตลอด แต่เราคงไว้ใจเค้ามากเกินไป พอเราถาม แล้วเค้าบอกไม่มีอะไร เราก็เชื่อ เช่น
ตอนเค้าเลิกงานขับรถกลับบ้าน เราโทรหาเค้าไม่ติด เค้าบอกบางช่วงสัญญาณมันไม่ดี เราก็เชื่อ / มีเพื่อนโทรมาบอกว่าเห็นแฟนเราขับรถซ้อนใครไม่รู้ เราโทรไปเค้ารับสาย และอยู่ที่ทำงาน เราก็ไม่เอะใจ คิดว่าเพื่อนตาฝาด ยังคุยขำๆกับเพื่อน
จุดใหญ่ที่สุดที่ทำให้เราเริ่มระแคะระคายคือ ตอนนั้นเรากลับบ้านไปทำธุระ แล้วคนส่งพัสดุถ่ายรูปหลักฐานการส่งไว้เป็นหลักฐาน แล้วอะไรดลใจไม่รู้เราดันเข้าไปดูว่าพัสดุมาส่งหรือยังแล้วดูหลักฐานการส่ง เห็นภาพถ่ายพัสดุอยู่หน้าบ้าน แต่!! มีรองเท้าผู้หญิง ซึ่งไม่ใช่ของเรา อยู่หน้าบ้าน ตอนนั้นเราทะเลาะกับแฟนใหญ่โตมาก สุดท้ายแฟนง้อกลับมาได้ ด้วยการ ถ่ายให้ดูว่ารองเท้าคู่นั้น กระจัดกระจายอยู่ข้างบ้าน (เค้าโทษว่าหมาคาบรองเท้าคนอื่นมา) ตอนนั้นคนรอบข้างเราเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่เรา โง่เหมือนเดิม พอเจอรองเท้าตัวต้นเหตุ ก็เชื่อว่า หมาคงคาบมาจริงๆมั้ง แล้วคนส่งพัสดุช่วยเก็บให้ ก็เลิกทะเลาะกัน (ตอนหลังมารู้ว่า แฟนเอารองเท้าผู้หญิงคนนั้นมาจัดฉาก เพราะง้อยังไงเราก็ไม่หาย เราบอกจะหายก็ต่อเมื่อ เจอรองเท้านั้นว่าเป็นของคนข้างบ้านจริงๆ)
 
ทุกอย่างดำเนินมาเรื่อยๆ โดยที่มีเรื่องเอะใจเล็กๆน้อยๆ แต่เรามองข้ามตลอด  เพราะหลักฐานมันไม่มัดตัว ได้แต่เอ๊ะในใจ สักพักก็ลืมเรื่องแปลกๆพวกนั้นไป
 
แล้ววันนึงก็มีเพื่อนคนนึงอดทนไม่ไหว มาบอกความจริงกับเรา ว่าแฟนเรามีความสัมพันธ์กับน้องคนนี้ ตอนแรกไม่เชื่อ แต่หลักฐานที่เพื่อนเอามาทำเราหน้าเสีย อยู่ไม่ติด ต้องเค้นหาความจริง เราไปหาน้องคนนั้นที่หอ สภาพน้องคือ นอนเมาอยู่บนเตียง เราก็ขอดูมือถือน้อง สิ่งที่เราเห็น คือ แชทที่คุยกับแฟนเรา (เราจำลักษณะการคุยได้) และรูปกับวิดีโอ ในแกลลอรี่ ถ่ายคู่กับแฟนเราเต็มไปหมด ตอนนั้นเราโกรธจัด ซัดมือถือน้องพัง แล้วขับรถไปหาแฟนที่ทำงาน เราไปอาละวาดใส่แฟนที่ทำงาน คุยไปคุยมา รู้สึกหมดแรง เหนื่อย เลยขับรถกลับบ้าน พอความแตกทุกคนรอบข้างที่รู้เรื่องแฟนกับน้องคนนั้นก็เล่าให้เราฟัง
วันนั้นสิ่งที่เราได้รู้คือ
 
มุมที่น้องคนนั้น/คนรอบข้าง เล่าให้เราฟัง
- แฟนไปรับ-ไปส่งน้องคนนั้นบ่อยๆ โดยทิ้งมือถือไว้ที่ร้าน (เพราะเรากับแฟนแชร์ตำแหน่งที่อยู่กัน)
-ใช้ไอแพดร้านในการคุยกัน เป็นแอคหลุมที่สมัครไว้ (แอคเดียวกับที่เราเห็นในมือถือน้องเค้า)
-น้องคนนั้นมาที่ร้านทุกวัน ช่วงเวลาที่เราคิดว่าแฟนกำลังทำงานหนัก จริงๆแล้วคือ ใช้เวลากับน้องคนนั้นในที่ทำงานแฟนเรา
-มีการพาไปเที่ยวบ้าง แปปๆ เช่น เดินถนนคนเดิน ไปนั่งร้านแถวๆที่ทำงานแฟน (เวลาทำงานแฟนยืดหยุ่นเพราะเป็นผู้จัดการ)
-เวลากลับบ้านแล้วเราโทรไม่ติด เพราะไปส่งน้องคนนั้นที่หอ แล้วปืดเครื่อง เพราะกลัวมือถือ จับตำแหน่ง
-เรื่องรองเท้าที่เคยทะเลาะกัน ก็คือรองเท้าของเด็กคนนั้น แฟนพามาที่บ้าน ตอนเราไม่อยู่ ( ทั้งที่รูปแต่งงานเต็มบ้าน)
-น้องคนนั้นเล่าให้ฟังว่า เคยมีอะไรกันแล้ว ครั้งแรกนั่นคือ 3 เดือน หลังจากเราแต่งงาน น้องเค้าบอก ว่าสถานะเค้ากับแฟนเรา คือ เป็นแฟนกัน
-น้องเค้าบอกว่า แฟนเราตามจีบตามง้อเค้า จนเค้าใจอ่อน ยอมคุยด้วย (ฟังแล้วเหมือนน้องอยากบอกว่าตัวเองไม่ผิด ทั้งที่ผิดทั้งคู่)
 
มุมจากประสบการณ์ของเราและคนรอบข้าง(กลุ่มเดิมกับข้างบน) เล่าให้ฟังเพิ่มเติมคือ
 
-มันจะมีช่วงเวลาที่แฟนเราปรึกษาเพื่อนในกลุ่มว่า จะทำยังไงดี อยากถอยห่างแต่ไม่รู้จะทำยังไง พอแฟนเราเริ่มห่างๆ น้องคนนั้นจะโทรจิกเพื่อนรอบข้างของแฟนเราทุกคน 10-20สาย ว่าทำไมแฟนเราไม่ติดต่อไป ถ้าแฟนและเพื่อนๆไม่รับสาย เมินแชท ก็จะมาที่ร้าน มานั่งทำหน้าเศร้า บางทีก็นั่งร้องไห้ในร้าน
-เวลาเราไม่สบาย น้องก็จะลงสตอรี่ไม่สบายเหมือนกัน พอเรากลับไปดูแชทที่คุยกัน คือจริงด้วย น้องจะชอบทักมาถามเราว่า เป็นอะไรมากไหม ตัวน้องเองก็ไม่สบาย เราก็ปลอบน้องตลอดว่าให้กินยา / ช่วงไหนเราทำอาหารให้แฟนถ่ายลงสตอรี่ น้องคนนี้ก็จะทำอาหารเหมือนกัน และแอบเอาไปให้แฟนเราที่ทำงาน จริงๆเรื่องนี้เราสังเกตอยู่ แต่คิดว่าตัวเองประสาทแดกเกินไป คิดมาก หลังๆมาเราเลยไม่ค่อยลงสตอรี่ว่าทำอะไรอยู่ไหน เพราะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่อยากมองใครในแง่ร้าย
-น้องเริ่มซื้อเสื้อผ้าใส่ตามเรา อันนี้คนรอบข้างเล่าให้ฟัง(เพราะพวกเค้าจับตาดูอยู่ ว่าเรื่องจะแตกวันไหน)  และเราก็เห็นว่าการแต่งตัวน้องคล้ายๆเราในช่วงหลังๆ แต่เราก็โง่เหมือนเดิม คิดว่าตัวเองคิดมากไป ไม่มีอะไรหรอก เสื้อผ้าแนวนี้ใครๆก็ใส่  (แรกๆ น้องจะใส่แนวเดรสสั้นๆแฟชั่นตามกระแสทั่วไป หลังๆใส่ สแล็คกับบราลูกไม้แล้วคลุมด้วยเสื้อคลุมซีทรู (ซึ่งเป็นแนวการแต่งตัวของเรา) 
-เวลาเรากลับบ้านหรือไปเที่ยวกับแฟน น้องจะชอบทักมาถามว่ากลับวันไหน อยากไปเที่ยวกับเรา มาคิดทีหลังคือคงอยากรู้ว่าแฟนเรากลับวันไหน
 -เวลาขอให้แฟนเราพาไปเที่ยวไหน แล้วแฟนเราไม่พาไป น้องจะบอกว่า ทีกับเรายังพาไปได้เลย (สถานที่ที่น้องจะให้พาไปคือ สถานที่ที่เรากับแฟนไปด้วยกัน  เวลาไปเที่ยวที่สวยๆ กินอาหารดีๆ จะถ่ายรูป ถ่ายสตอรี่เก็บไว้ น้องเค้าก็ทักมาคุย แลกเปลี่ยนที่เที่ยวที่กินกันตลอด)

เรื่องพีคสุดท้ายที่คุยกับน้องแบบปกติคือ วันนั้นเราป่วยเข้าโรงพยาบาล แฟนเราไปทำงานปกติ แต่วันนั้นแฟนขอให้คนรอบข้างห้ามใครรับสายน้องคนนี้ น้องคนนี้ทำยังไงรู้ไหมคะ นางทักมาหาเรา ตอนตี 4 ครึ่ง ... ในขณะที่เราแอดมิดใส่น้ำเกลืออยู่ 
 
ทักมาระบายปรึกษาปัญหาหัวใจกับเรา เราก็ร่างกายไม่ค่อยไหวเพราะอยู่ในช่วงวันแรกๆของการเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์B
น้องทักมาว่า ทะเลาะกับแฟน ติดต่อแฟนไม่ได้ เสียใจมากๆ แฟนชอบทำให้ระแวง ตัวน้องเองก็รู้สึกเหมือนจะป่วยแล้วยังทะเลาะกับแฟนอีก (คือตอนนั้นเราป่วย น้องก็ป่วยด้วยเลย เหมือนเดิมทุกรอบ55555) ตอนนั้นเราไม่รู้ ว่าแฟนน้องที่พูดถึง คือ สามีเรา  ก็ปลอบน้องไปยกใหญ่ น้องบอก ขอโทรหาเราได้ไหม เครียดมากไม่ไหว เราบอกว่า ให้เราหายดีก่อนนะ เดี๋ยวคุยกัน น้องบอกว่า ตอนนั้นคงรบกันเสร็จแล้วล่ะ ....
 
ตอนนั้นเราปวดหัวมาก เพราะไข้ด้วยเลยปิดมือถือนอน มีนอยๆว่า เวลาป่วยน้องไม่เคยมาเยี่ยมเลย จนถึงตอนนี้ น้องก็ดูเหมือนจะสนใจแต่เรื่องตัวเองมากกว่าอีก เลยนอน แต่โดยปกติน้องเค้าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เค้าจะชอบชมตัวเอง แนวหลงตัวเองนิดๆ แต่เราก็จะฟังน้องเฉยๆ ถ้าเค้ามีความสุขอยากพูด เราก็ฟังๆไป 555555555 คอบเชียร์อัพด้วยว่า ดีแล้ว เก่งแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา
 
ออกจากรพ.ไม่กี่วัน เพื่อนก็มาบอกความจริงกับเรา วันนั้นเราขับรถกลับบ้านหลังจากไปอาละวาดน้องเค้า และแฟนเรา เรากลับมาเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ในใจตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก ร้องไห้ไม่ออก เหมือนโลกถล่มตรงหน้า คิดแค่อยากอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก แต่แฟนดันรีบขับรถกลับมา ยื้อแย่งกระเป๋าไปมา สุดท้ายเราเอากระเป๋าขึ้นรถ แล้วกำลังจะขับรถออกไป แฟนก็วิ่งลงมาจากบ้านกระโดดขึ้นฝั่งข้างคนขับ เราเลยทะเลาะกับแฟนต่อในรถ ตอนนั้นแหละเป็นตอนที่เราเริ่มร้องไห้ หลังจากจุกอยู่ในอกมา 3-4 ชั่วโมง  เดี๋ยวมาต่อนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่