ฉัน(ไม่)เห็นผี แต่...ผีเห็นฉัน (7)

เรื่องของพ่อ....เหลือไว้แค่ความทรงจำ

พ่อ ในวัยรุ่น อายุ 74 ปี ยังคงมีคำพูดประจำตัวว่า “พ่อยังทำงานไหว”
พ่อตั้งใจทำบ้านใหม่ ปูกระเบื้อง ทำผนังบ้าน เพราะสงสารแม่ที่ต้องวิ่งเก็บของหนีละอองฝน
จากบ้านใต้ถุนสูงชั้นเดียว กำลังจะกลายเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น 

แต่..... การทำงานอย่างเดียวมันท้าทายความสามารถของพ่อน้อยเกินไป

19 ธ.ค 2565 ช่วงเย็น หลังจากปูกระเบื้องเสร็จ พ่อเห็นว่าต้นไม้ใหญ่หลังบ้านยืนต้นตาย จึงนำบันไดพร้อมเลื่อยไฟฟ้าขึ้นไปตัดกิ่งไม้ออก
แต่กิ่งไม้ไม่ยอมหล่นในทางที่ควรหล่น กลับหล่นลงกับบันไดที่พ่อปีนอยู่ ทำให้คน เลื่อย และบันได ร่วงลงพื้นพร้อมๆกัน 
โชคดีที่เลื่อยไฟฟ้า ไม่โดนพ่อ แต่โชคร้ายคือพ่อตกต้นไม้ความสูงประมาณ 5 เมตร

พ่ออยู่ในอาการไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ ความจำสุดท้ายคือพ่อกำลังจะไปตัดต้นไม้ โรงพยาบาลประจำอำเภอส่งตัวพ่อไปรักษาในตัวจังหวัด 

และนี่คือครั้งที่ 2 ที่พ่อต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล

ระหว่างที่เฝ้าพ่ออยู่โรงพยาบาล พ่อมักนอนตอนกลางวัน และตื่นตอนกลางคืน 
ซึ่งตอนกลางคืนนี่แหละที่พ่อมักจะคุยคนเดียว พ่อเล่าว่ามีคนมาหาเยอะแยะเลย เค้ามาเยี่ยม 
ฉันเคยได้ยินว่า เมื่อก่อน คนป่วยหนักมักจะเห็นคนที่ตายแล้วมาหา แต่พ่อก็ไม่ได้เล่าว่าใครมาเยี่ยมบ้าง

ทางญาติๆพ่อ ได้นำดวงพ่อไปดูดวง หมอดูมักจะคู่กับหมอเดา
ซึ่งหมอดูทายถูกว่า ต้นไม้ใหญ่ที่พ่อตัด โดนฟ้าผ่า เลยยืนต้นตาย และพ่อก็ไม่ได้ทำการจุดธูปบอกกล่าว ทั้งศาลพระภูมิที่อยู่ข้างต้นไม้ และต้นไม้ใหญ่เอง แต่พ่อไม่ตายหรอก เค้าแค่ทำให้เจ็บ 
(ฉันก็งงนะ พ่อก็เป็นคนเทปูนปรับที่  ศาลเก่าพังก็ซื้อศาลมาตั้ง ต้นไม้ใหญ่ พ่อก็เป็นคนปลูกเองกับมือ ยังจะใจร้ายทำกันได้ลง แต่จริงๆแล้วคืออุบัติเหตุ)

พ่อนอนติดเตียงอยู่ประมาณ 7 เดือน จึงกลับมาเดินได้ปกติ 

แต่ในระหว่างที่พ่อยังเดินไม่ได้ ก็นั่งรถวีลแชร์ไปซ่อมรถไถ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์เลาะตามทุ่งนา 
(พ่อฉันเก่งมั๊ยล่ะ มีความพยายามในการออกไปทำงานเก่งมาก)

หลังจากเดินได้ พ่อก็ทำงานฉ่ำๆ ไปนาบ้าง ซ่อมเครื่องบ้าง แต่เรื่องการทำผนังบ้าน พ่อบอกทำไม่ไหว เอาไว้ก่อน 
(ปัจจุบัน ใต้ถุนบ้านฉันก็มีฝาผนังครึ่งนึง อีกครึ่งนึงเปิดรับลมรับฝน)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่