คุณอามานพได้จากพวกเราไปอย่างสงบ
ในเช้าวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 สิริอายุรวม 86 ปี
ซึ่งต้องขอแสดงความอาลัย
และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
แม้กระนั้น ความทรงจำดีๆที่คุณอามานพฝากไว้ให้กับวงการ
ยังคงอยู่ตราบนิรันดร์
คุณอามานพแสดงหนังเก่งมากๆ แถมรูปร่างหน้าตาก็สมชายชาตรี
และยังหล่อและเท่อีกต่างหาก
ทำให้คุณอาเป็นที่ชื่นชอบของคนหลายกลุ่ม
การมีพื้นฐานทางเพาะกายมาก่อน
ทำให้คุณอารักษารูปร่างได้ดีและมีความแข็งแรง
เราแวะไปดูประวัติคุณอากันนิดนึงนะครับ
ซึ่งผมคัดมาจาก
https://www.facebook.com/ThaiMoviePosters/photos/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E-%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0-%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2477-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88/1294893680675639/
มานพ อัศวเทพ
ชื่อจริง วิริยะ จุลมกร (จึงมีชื่อเล่นว่า ยะ)
เกิดปี 2477 เป็นบุตรคนที่ 7 ของนายวิเวก-นางลมัย จุลมกร ชาวชลบุรี
-เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนประจำจังหวัดชลบุรี จนจบเมื่ออายุ 18 ปี
-มาเรียนต่อที่โรงเรียนจ่าทหารเรือที่สัตหีบจนได้ยศ
ย้ายมาประจำอยู่กองบัญชาการมหารสูงสุด จนได้ยศพันจ่าเอก
-ในปี 2505 ได้พบสนาน คราประยูร ผู้กำกับชื่อดังที่ร้านตัดผม
ด้วยความที่เป็นนักเพาะกายมาก่อน จึงหุ่นดี
สูง 177 ซ.ม.น้ำหนัก 68 ก.ก. อก 42 นิ้ว ลำแขนวัดรอบ 16 นิ้ว
เรียกว่าเป็นพิมพ์นิยมของหุ่นพระเอกหนังไทยในยุคนั้น
สนานจึงชวนมาแสดงหนัง โดยเริ่มจากการเป็นพระรอง
ประชันกับมิตร ชัยบัญชา และนางเอกตรึงใจ วิไลลักษณ์
ใน นางสมิงพราย (2506) โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า นาวิน เทพโยธี
-จากนั้นได้เป็นพระเอกเต็มตัวคู่กับอมรา อัศวนนท์ใน พิชิตทรชน (2507)
หนังไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เลยกลับไปเป็นนักแสดงประกอบต่อ
มีผลงานเช่น เพชรน้ำผึ้ง (2508), สุดแผ่นดิน (2510),
หลั่งเลือดแดนสิงห์ (2512)
-ปี 2512 พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
แห่งอัศวินภาพยนตร์ได้ติดต่อให้ไปเป็นพระเอก ละครเร่
คู่กับสุทิศา พัฒนุช นางเอกใหม่ที่ท่านเพิ่งปั้นมาจนดังจาก
เป็ดน้อย (2511) และยังมีดาราหน้าใหม่บนจอเงินอีก 3 คน
คือสายัณห์ จันทรวิบูลย์, จารุวรรณ ปัญโญภาส
และดาราทีวีชื่อดังกนกวรรณ ด่านอุดมร่วมแสดงด้วย
และท่านได้เปลี่ยนชื่อในการแสดงให้ใหม่ว่า มานพ อัศวเทพ
-เนื่องจากพระเอกในเรื่องนี้ต้องรำไทยเป็น
เขาจึงต้องฝึกรำกับครูกฤษณา ภักดีเทวา เป็นเดือนๆ
ละครเร่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
(ดวงของมานพจริงๆที่จะได้เป็นพระเอกเรื่องนี้
เพื่อที่จะเป็นบันไดทอดไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
เพราะผมว่าเป็นตัวเลือกที่แปลกมากที่เอาพระเอกหุ่นนักเพาะกายมารำละคร!)
-หลังจากละครเร่ มานพก็กลับไปเป็นพระรองหรือนักแสดงประกอบตามเดิม
มีผลงานเช่น เรารักกันไม่ได้ (2513), หวานใจ (2513), คนใจเพชร (2514)
-ปี 2515 เปี๊ยกโปสเตอร์ ก็ให้มานพเป็นพระเอกอีกครั้งใน ชู้
โดยประกบกับกรุง ศรีวิไล พระเอกใหม่ในขณะนั้น
ว่ากันว่าบทของเขาในเรื่องนี้ฉิวเฉียดที่จะทำให้เขาคว้าตุ๊กตาทองนำชายไปครอง
(ผู้ชนะนำชายคือนาท ภูวนัย จาก ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ
และกรุง ศรีวิไล ชนะสาขาสมทบจาก ชู้
นั่นหมายความว่าคณะกรรมการมองว่าบทของมานพเด่นกว่าและอยู่ในสาขานำชาย)
-แม้ว่าเปี๊ยกโปสเตอร์จะไม่สามารถทำให้มานพคว้ารางวัลตุ๊กตาทองจาก ชู้ ได้
แต่อีก 4 ปีต่อมา ในปี 2519 เปี๊ยกโปสเตอร์ได้มอบบทเด่นให้มานพอีกครั้ง
ใน เงาราหู และคราวนี้ไม่พลาด มานพคว้ารางวัลตุ๊กตาทอง
จากการกำกับของเปี๊ยกโปสเตอร์ได้ในที่สุด
แต่เป็นสาขาสมทบชายจาก เงาราหู (2519)
-มานพกลายเป็นนักแสดงสมทบยอดฝีมือและมีผลงานแสดงมากมายเนิ่นนานต่อมา
อีกหลายสิบปี เช่นทิวาหวาม (2517), ซำเหมา (2516),
ธิดาพญายม (2517), สามปอยหลวง (2517), ท้ามฤตยู (2519),
ดับสุริยา (2519), ขุนศึก (2519) ฯลฯ
-มานพรักความเป็นลูกประดู่มาก เขาเคยพูดว่า
ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์ในทางไหน เขาก็จะไม่ออกจากทหารเรือ
.................................................................................................................
เมื่อกล่าวถึงคุณอามานพ อีกท่านนึงที่ผมมักจะนึกถึงคือ คุณตา Yuzo Kayama
อาจเป็นเพราะท่านทั้งสองมีความแมนที่ทำให้เรานึกถึง
และบุคลิกสมชายชาตรี มีความเป็นสุภาพบุรุษ
คุณตา Yuzo Kayama ดังมากๆในประเทศญี่ปุ่นในยุค 60
ท่านเก่งทั้งการแสดงหนังและดนตรี
และมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง ท่านหล่อมากๆและเท่มากๆด้วย
เรามาชมภาพของท่านกันก่อนและจะแนบประวัติแถมท้ายนะครับ
ต้องขออภัยด้วยที่ประวัติท่านเป็นภาษาอังกฤษครับ.
Biography
From Wikipedia, the free encyclopedia.
Yūzō Kayama (加山 三 Kayama Yūzō) is a Japanese popular musician and film star, born on 11 April 1937. His father, Ken Uehara, was a film star during the 1930s. Yuzo Kayama became a big star in the 1960s in the Wakadaishō (Young Guy) film series.
He showed his ability for drama when Akira Kurosawa cast him for his 1965 film, Red Beard, starring Toshirō Mifune. Kayama reported that he found the two years spent making this film the most difficult, but proudest work of his life.
As a guitarist, he took inspiration from the American instrumental group The Ventures, and performed a form of psychedelic surf music in the 1960s with his Mosrite guitar. One of his best-known instrumentals is "Black Sand Beach". "Kimi to Itsumademo" ("Love Forever"), another of his compositions, sold over two million copies, and was awarded a gold disc in 1965. At that point it was the biggest selling disc in the Japanese recording industry's history.
Description above from the Wikipedia article Yūzō Kayama, licensed under CC-BY-SA, full list of contributors on Wikipedia
********** มานพ อัศวเทพ VS Yuzo Kayama **********
คุณอามานพได้จากพวกเราไปอย่างสงบ
ในเช้าวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 สิริอายุรวม 86 ปี
ซึ่งต้องขอแสดงความอาลัย
และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
แม้กระนั้น ความทรงจำดีๆที่คุณอามานพฝากไว้ให้กับวงการ
ยังคงอยู่ตราบนิรันดร์
คุณอามานพแสดงหนังเก่งมากๆ แถมรูปร่างหน้าตาก็สมชายชาตรี
และยังหล่อและเท่อีกต่างหาก
ทำให้คุณอาเป็นที่ชื่นชอบของคนหลายกลุ่ม
การมีพื้นฐานทางเพาะกายมาก่อน
ทำให้คุณอารักษารูปร่างได้ดีและมีความแข็งแรง
เราแวะไปดูประวัติคุณอากันนิดนึงนะครับ
ซึ่งผมคัดมาจาก https://www.facebook.com/ThaiMoviePosters/photos/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E-%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0-%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2477-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88/1294893680675639/
มานพ อัศวเทพ
ชื่อจริง วิริยะ จุลมกร (จึงมีชื่อเล่นว่า ยะ)
เกิดปี 2477 เป็นบุตรคนที่ 7 ของนายวิเวก-นางลมัย จุลมกร ชาวชลบุรี
-เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนประจำจังหวัดชลบุรี จนจบเมื่ออายุ 18 ปี
-มาเรียนต่อที่โรงเรียนจ่าทหารเรือที่สัตหีบจนได้ยศ
ย้ายมาประจำอยู่กองบัญชาการมหารสูงสุด จนได้ยศพันจ่าเอก
-ในปี 2505 ได้พบสนาน คราประยูร ผู้กำกับชื่อดังที่ร้านตัดผม
ด้วยความที่เป็นนักเพาะกายมาก่อน จึงหุ่นดี
สูง 177 ซ.ม.น้ำหนัก 68 ก.ก. อก 42 นิ้ว ลำแขนวัดรอบ 16 นิ้ว
เรียกว่าเป็นพิมพ์นิยมของหุ่นพระเอกหนังไทยในยุคนั้น
สนานจึงชวนมาแสดงหนัง โดยเริ่มจากการเป็นพระรอง
ประชันกับมิตร ชัยบัญชา และนางเอกตรึงใจ วิไลลักษณ์
ใน นางสมิงพราย (2506) โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า นาวิน เทพโยธี
-จากนั้นได้เป็นพระเอกเต็มตัวคู่กับอมรา อัศวนนท์ใน พิชิตทรชน (2507)
หนังไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เลยกลับไปเป็นนักแสดงประกอบต่อ
มีผลงานเช่น เพชรน้ำผึ้ง (2508), สุดแผ่นดิน (2510),
หลั่งเลือดแดนสิงห์ (2512)
-ปี 2512 พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
แห่งอัศวินภาพยนตร์ได้ติดต่อให้ไปเป็นพระเอก ละครเร่
คู่กับสุทิศา พัฒนุช นางเอกใหม่ที่ท่านเพิ่งปั้นมาจนดังจาก
เป็ดน้อย (2511) และยังมีดาราหน้าใหม่บนจอเงินอีก 3 คน
คือสายัณห์ จันทรวิบูลย์, จารุวรรณ ปัญโญภาส
และดาราทีวีชื่อดังกนกวรรณ ด่านอุดมร่วมแสดงด้วย
และท่านได้เปลี่ยนชื่อในการแสดงให้ใหม่ว่า มานพ อัศวเทพ
-เนื่องจากพระเอกในเรื่องนี้ต้องรำไทยเป็น
เขาจึงต้องฝึกรำกับครูกฤษณา ภักดีเทวา เป็นเดือนๆ
ละครเร่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
(ดวงของมานพจริงๆที่จะได้เป็นพระเอกเรื่องนี้
เพื่อที่จะเป็นบันไดทอดไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
เพราะผมว่าเป็นตัวเลือกที่แปลกมากที่เอาพระเอกหุ่นนักเพาะกายมารำละคร!)
-หลังจากละครเร่ มานพก็กลับไปเป็นพระรองหรือนักแสดงประกอบตามเดิม
มีผลงานเช่น เรารักกันไม่ได้ (2513), หวานใจ (2513), คนใจเพชร (2514)
-ปี 2515 เปี๊ยกโปสเตอร์ ก็ให้มานพเป็นพระเอกอีกครั้งใน ชู้
โดยประกบกับกรุง ศรีวิไล พระเอกใหม่ในขณะนั้น
ว่ากันว่าบทของเขาในเรื่องนี้ฉิวเฉียดที่จะทำให้เขาคว้าตุ๊กตาทองนำชายไปครอง
(ผู้ชนะนำชายคือนาท ภูวนัย จาก ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ
และกรุง ศรีวิไล ชนะสาขาสมทบจาก ชู้
นั่นหมายความว่าคณะกรรมการมองว่าบทของมานพเด่นกว่าและอยู่ในสาขานำชาย)
-แม้ว่าเปี๊ยกโปสเตอร์จะไม่สามารถทำให้มานพคว้ารางวัลตุ๊กตาทองจาก ชู้ ได้
แต่อีก 4 ปีต่อมา ในปี 2519 เปี๊ยกโปสเตอร์ได้มอบบทเด่นให้มานพอีกครั้ง
ใน เงาราหู และคราวนี้ไม่พลาด มานพคว้ารางวัลตุ๊กตาทอง
จากการกำกับของเปี๊ยกโปสเตอร์ได้ในที่สุด
แต่เป็นสาขาสมทบชายจาก เงาราหู (2519)
-มานพกลายเป็นนักแสดงสมทบยอดฝีมือและมีผลงานแสดงมากมายเนิ่นนานต่อมา
อีกหลายสิบปี เช่นทิวาหวาม (2517), ซำเหมา (2516),
ธิดาพญายม (2517), สามปอยหลวง (2517), ท้ามฤตยู (2519),
ดับสุริยา (2519), ขุนศึก (2519) ฯลฯ
-มานพรักความเป็นลูกประดู่มาก เขาเคยพูดว่า
ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์ในทางไหน เขาก็จะไม่ออกจากทหารเรือ
.................................................................................................................
เมื่อกล่าวถึงคุณอามานพ อีกท่านนึงที่ผมมักจะนึกถึงคือ คุณตา Yuzo Kayama
อาจเป็นเพราะท่านทั้งสองมีความแมนที่ทำให้เรานึกถึง
และบุคลิกสมชายชาตรี มีความเป็นสุภาพบุรุษ
คุณตา Yuzo Kayama ดังมากๆในประเทศญี่ปุ่นในยุค 60
ท่านเก่งทั้งการแสดงหนังและดนตรี
และมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง ท่านหล่อมากๆและเท่มากๆด้วย
เรามาชมภาพของท่านกันก่อนและจะแนบประวัติแถมท้ายนะครับ
ต้องขออภัยด้วยที่ประวัติท่านเป็นภาษาอังกฤษครับ.
Biography
From Wikipedia, the free encyclopedia.
Yūzō Kayama (加山 三 Kayama Yūzō) is a Japanese popular musician and film star, born on 11 April 1937. His father, Ken Uehara, was a film star during the 1930s. Yuzo Kayama became a big star in the 1960s in the Wakadaishō (Young Guy) film series.
He showed his ability for drama when Akira Kurosawa cast him for his 1965 film, Red Beard, starring Toshirō Mifune. Kayama reported that he found the two years spent making this film the most difficult, but proudest work of his life.
As a guitarist, he took inspiration from the American instrumental group The Ventures, and performed a form of psychedelic surf music in the 1960s with his Mosrite guitar. One of his best-known instrumentals is "Black Sand Beach". "Kimi to Itsumademo" ("Love Forever"), another of his compositions, sold over two million copies, and was awarded a gold disc in 1965. At that point it was the biggest selling disc in the Japanese recording industry's history.
Description above from the Wikipedia article Yūzō Kayama, licensed under CC-BY-SA, full list of contributors on Wikipedia