[CR] รีวิวถอดเล็บ ที่โรงพยาบาล (หลวง) แก้ปัญหาเล็บขบ จบไม่จบ!? มาดูกัน! (มีภาพประกอบ)

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิปทุกท่าน หลังจากที่นิลได้รีวิวร้านทำเล็บขบใน จ.อุดรธานี ไปแล้ว เมื่อนานมาก วันนี้ก็มีโอกาสได้รีวิวผลการถอดเล็บที่โรงพยาบาล เพื่อแก้ปัญหาเล็บขบค่ะ

หากถามว่า ทำไมนิลถึงต้องไปถอดเล็บ ทั้งที่พบเจอร้านทำเล็บขบดีๆ แล้ว แถมยังใช้บริการไปซะหลายรอบ หลายนิ้ว ก็คงต้องขอตอบว่า เนื่องจากทางช่างทำเล็บขบบอกกับนิลว่า เล็บโป้งเท้าข้างซ้ายของนิลค่อนข้างเป็นหลังเต่า ทำให้เกิดปัญหาเล็บขบง่ายกว่าคนอื่น และแก้ไม่มีวันจบ ตัดเล็บขบกันทุกเดือนไม่รู้จักจบสิ้น เนื่องจากเป็นคนเล็บยาวเร็ว พอเกิดเล็บขบในเดือนถัดมา นิลเลยลองไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งแน่นอนว่าได้รับคำแนะนำให้ถอดเล็บออกทั้งเล็บค่ะ (สามารถเลือกถอดครึ่งเล็บได้นะคะ แต่คุณหมอบอกเจ็บเท่ากัน)

ป.ล. ขออนุญาตแปะลิงก์กระทู้รีวิวร้านตัดเล็บขบที่ว่าค่ะ https://ppantip.com/topic/41462553

สภาพเล็บขบก่อนไปถอดเล็บ เริ่มเป็นหนองอีกแล้ว ช่างตัดเล็บขบบอกว่า นิ้วเท้านิลเป็นหนองไวกว่าคนอื่นมาก

โรงพยาบาลที่นิลไปปรึกษา โดยใช้สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท คือ โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ขอออกตัวว่าแม้จะเป็นโรงพยาบาลหลวง แต่การบริการดีมากถึงมากที่สุด (นิลไม่ได้มีคนในครอบครัวเป็นทหาร แค่เป็นคนในพื้นที่เขตโรงพยาบาลเท่านั้น) การถอดเล็บของที่นี่ (ในเวลานั้น ปัจจุบันอาจมีการเปลี่ยนแปลง) เริ่มจากการที่เค้าส่งตัวนิลเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ถามความพร้อม ฉีดยาชา โดยเพิ่มยาชาให้นิล 1 เข็ม เนื่องจากอาจเพราะเห็นนิลหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ตัวสั่นเป็นลูกหมา และเหงื่อแตกทั้งตัวราวกับเหงื่อกาฬของคนใกล้ซี้ม่องเท่ง (จำใจถอดแบบหวังว่ามันจะหายขาด ไม่ได้หมายความว่าอยากถอดเล็บนะคะ) รอจนยาชาออกฤทธิ์ ทดสอบความชา แล้วจึงเริ่มต้นถอดเล็บ ซึ่งแน่นอนว่าตอนฉีดยาชาคือเจ็บมาก เจ็บแบบฉีดยาชาทำฟัน แต่ตอนถอดเล็บคือไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ เพราะชากาแฟไปหมดแล้ว

***คำเตือน*** หลังจากนี้อาจมีรูปภาพที่ทำให้บางท่าน "สยดสยอง" อย่าง ภาพเล็บที่ถอดออกมาแล้ว (ไม่มีเลือด) กับภาพนิ้วเท้าที่ไม่มีเล็บ (ไม่มีเลือด) สามารถเลื่อนข้ามรัวๆ ไปอ่านรีวิวในย่อหน้าสุดท้ายได้เลยค่ะ***
V
V
V
V
V
V
V
V
V
V
V
V
V
V


ทางโรงพยาบาลให้เล็บที่ถอดมาด้วยนะคะ

หลังจากเสร็จสิ้นการถอดเล็บและพันแผลแล้ว ก็ได้เวลารับใบนัดและรับยา โดยนิลจ่าย 30 บาท ตามสิทธิ์รักษา บวกกับค่าอุปกรณ์ที่เบิกไม่ได้ คือผ้าพันแผลสีน้ำตาล 57 บาท รวมเป็น 87 บาทค่ะ และทางโรงพยาบาลให้นิลมาล้างแผลทุกวันจนกว่าแผลจะแห้ง (ขอย้ำว่าเกิน 7 วัน) ขอเท้าความนิดนึงว่า ก่อนคุณหมอจะพิพากษาให้ถอดเล็บนั้น นิลกับแฟนและญาติๆ แฟน มีแพลนไปทำบุญ 9 วัด 2 วัน 1 คืน (นับจากวันถอดเล็บไปอีก 3 วัน) แถมจองโรงแรมไปแล้ว ลองถามคุณหมอกับคุณพยาบาลดู ก็ได้รับคำตอบว่าไปได้ เดินได้ ทำให้ตัดสินใจถอดเล็บ มาถึงตรงนี้ ขอบอกทุกท่านไว้เลยว่า อย่าหาทำค่ะ

ยาชาที่ฉีดไว้เริ่มหมดฤทธิ์ตอนกลับมาบ้าน เมื่อนั้นความเจ็บก็เริ่มบรรเลง นิลพยายามทำตามที่คุณหมอแนะนำ คือ กินยาให้ครบ ใช้หมอนรองขาให้ยกสูงเข้าไว้ และห้ามโดนน้ำเด็ดขาด เวลาอาบน้ำจึงต้องสวมถุงพลาสติก แล้วยกเท้าวางบนเก้าอี้พลาสติกแบบที่ใช้นั่งซักผ้าค่ะ (ส่วนตัวไม่ยอมให้นิ้วนี้โดนน้ำจนเล็บงอกออกมาเกือบเท่าตอนปกติ)

ภาพหลังถอดเล็บแล้วกลับมานอนที่บ้าน นิ้วบวมมากถึงมากที่สุด

วันรุ่งขึ้น แฟนพานิลไปล้างแผลที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ฯ โดยทางคุณหมอและคุณพยาบาลแนะนำไว้ก่อนหน้านี้ว่า ให้กินยาพาราก่อนมาล้างแผลครึ่งชั่วโมง (ทุกวัน) เพื่อไม่ให้ปวดมากเวลาล้างแผล การล้างแผลจะทำที่ห้องหัตถการค่ะ มีน้องพลทหารช่วยเข็นวีลแชร์พามาส่ง ส่วนคุณพยาบาลก็ล้างแผลให้เบามือมาก

สภาพตอนรอล้างแผลหน้าห้องหัตถการค่ะ ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระทึกว่าครั้งหนึ่งฉันต้องนั่งวีลแชร์เพราะถอดเล็บ

เป็นแบบนี้อยู่ 2 วัน ก็ถึงวันที่นิลต้องเดินทางไปทำบุญ 9 วัด ช่วงสาย แฟนพานิลมาล้างแผลก่อนออกเดินทาง นิ้วที่บวมเริ่มยุบไปบ้าง ปวดน้อยลงกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ก็พร้อมลุย พยายามฮึดสู้ด้วยการบอกตัวเองว่า ไปทำบุญสภาพนี้คงได้บุญเยอะแหละ ดูลำบาก ดูต้องใช้ความมานะมานีสูง และนี่คือรายชื่อวัดที่ไปในวันแรกค่ะ วัดป่าบ้านตาด (มีวีลแชร์ให้ใช้), วัดภูตะเภาทอง, วัดถ้ำเอราวัณ ลุยๆ ทั้งน้าาาาาาาา ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ ในเมื่อจุดหมายปลายทางของพวกเราคือ เชียงคาน และมีถนนคนเดินเชียงคานอยู่ในแพลน นิลก็เปรี้ยวพอที่จะลากเท้าที่พึ่งถอดเล็บไปเดินช้อป รวมระยะทางในการเดินทั้งวันเกือบ 3 กิโล (ตามรูปที่แคปมาจากรีวิวของนิลในต๊อกต๊อก) ถามว่าแผลอักเสบไหม ก็ไม่ได้รู้สึกปวดมากขึ้นนะคะ เพราะพยายามสรรหาวิธีเดินให้กระทบกระเทือนแผลน้อยสุด ใช้ส้นเดินบ้าง สไลด์รองเท้าแทนการยกเท้าบ้าง และใช่ค่ะ การทำแบบนี้ไปนานวันเข้า ทำให้วิธีการเดินของนิลผิดปกติไปจากเดิม จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันไปเลย กลายเป็นคนปวดขาง่าย รวมทั้งเดินท่าแปลกๆ ต้องหัดเดินใหม่ให้เหมือนคนปกติ

รุ่งขึ้น ทริปของเราต้องเดินทางไปทำบุญอีก 6 วัด จึงจะกลับ มีการปรับแพลนให้วัดอยู่แค่ภายในเชียงคาน เนื่องจากแฟนต้องพานิลไปล้างแผลตอนเย็น ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี นิลไม่ได้โดนคุณพยาบาลบ่นว่าผ้าพันแผลเคลื่อนที่จนจะหลุดออกมาจากนิ้ว (เพราะวิธีสไลด์รองเท้าเดิน) และแผลก็ไม่ได้ปวดมากขึ้น นี่เป็นวันที่ 4 แล้วค่ะ ที่นิลมาล้างแผล ถึงแผลจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแห้ง สรุปคือ นิลมาล้างแผลที่โรงพยาบาลรวม 10 วัน และแฟนล้างแผลให้ที่บ้านอีกหลายวัน กว่าจะไม่มีน้ำเหลืองติดผ้าพันแผล แต่... มันยังไม่จบแค่นั้นสิคะ

ภาพนิ้วเท้าที่ถอดเล็บ หลังผ่านการถอดเล็บไปเกือบๆ 2 อาทิตย์

ช่วงที่เล็บเริ่มงอก

เป็นเวลาหลายเดือนกว่าเล็บจะเริ่มงอก แล้วพองอกออกมาได้ระดับนึง นิลก็มีอาการเจ็บนิ้วเท้าช่วงที่อากาศเย็น ตอนแรกเข้าใจว่าส่วนที่เล็บยังไม่งอกขึ้นมาปิด มันแห้ง ก็เลยทาปิโตรเลียมเจล แต่ทำยังไงมันก็ไม่หายเจ็บสักที จนต้องกลับไปหาคุณหมออีกรอบ คุณหมอส่งตัวไปห้องหัตถการอีกครั้ง เพื่อให้คุณพยาบาลตรวจเช็คแบบละเอียดๆ เพราะมันไม่มีแผล ไม่มีหนอง คุณพยาบาลแจ้งว่า เล็บที่งอกมันดันสู้กับเนื้อใต้เล็บ ทำให้บวมและอักเสบ จำเป็นต้องใช้เวลา เพื่อให้มันงอกพ้นเนื้อออกมา

ภาพประกอบของอาการเล็บดันสู้กับเนื้อใต้เล็บ จะสังเกตเห็นว่านิ้วเท้าตรงขอบเล็บบวมและแดง

ช่วงนั้นเป็นหน้าหนาวด้วย อากาศเย็นทำให้นิลเจ็บนิ้วบ่อยมาก เพื่อนที่เคยถอดเล็บเลยแนะนำให้ทาเบตาดีน ปรากฏว่าดีขึ้น เจ็บน้อยลง แต่ไม่หายขาดค่ะ ที่สำคัญคือ เล็บไม่ยอมงอกพ้นเนื้อออกมา แต่ดันทำท่าจะเชื่อมติดกับเนื้อ (ทุกวันนี้ก็ยังเป็นบ้าง) จนแฟนต้องช่วยแซะและตัดออกมาให้ หลังจากนั้นไม่นาน เล็บก็กลับมาขบเหมือนเดิม แม่นแล้วจ้า อ่านไม่ผิด เล็บนิลกลับมาขบเหมือนเดิม และไม่ได้หายเป็นหลังเต่า รวมทั้งสุขภาพเล็บก็แย่ลง วันดีคืนดีเล็บด้านข้างก็เชื่อมติดกับเนื้อ ต้องแซะออก รูปภาพด้านล่างนี้ คือเครื่องยืนยันว่าเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาหลังการถอดเล็บ เล็บของนิลยังคงขบเหมือนเดิม แม้จะตัดเล็บตามที่ช่างแนะนำแล้ว

จากภาพคือเล็บขบที่แฟนแซะออกมา สังเกตไหมคะว่าตรงหัวเล็บยังย่นๆ แบบเล็บที่พึ่งงอก แลดูยังไม่ปกติอยู่เลย นี่คือครั้งแรกที่ขบหลังถอดเล็บค่ะ



เล็บขบล่าสุดที่พึ่งงัดออกมาเมื่อวาน

ด้วยเหตุนี้ แฟนเลยตัดสินใจซื้อชุดตัดเล็บขบมาทำให้ เพราะเล็บเท้านิลขบทั้งหมด 4 เล็บค่ะ คือโป้งกับชี้ของทั้งสองข้าง หากไปตัดที่ร้าน เดือนนึงต้องเสียหลายพัน เพราะมันขบไม่พร้อมกัน (ก่อนหน้านี้ช่างตัดเล็บให้ทุกเดือน ก็ยังขบ ขีดฆ่าเรื่องตัดเล็บไม่ถูกวิธีทิ้งไปได้เลยค่ะ) สำหรับคนที่อยากจะตัดเล็บขบเอง สามารถทักมาถามแหล่งซื้ออุปกรณ์ได้นะคะ ไม่แพง เพียงแต่อยากเตือนว่า ถ้าเป็นเล็บที่ขบตรงโคนเล็บ ตัวเราจะไม่สามารถงัดออกเองได้ เพราะมันเจ็บมาก เจ็บจนบางครั้งต้องเอาผ้ามากัดไว้ หากไม่มีคนงัดให้ ไปร้านทำเล็บขบดีกว่าค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้นะคะ ไว้พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีค่ะ
ชื่อสินค้า:   วิธีแก้ปัญหาเล็บขบด้วยการถอดเล็บ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่