ผมมีโอกาสได้เข้าไปฟังการสัมนาของบริษัทb-hip ก็เสีย200เหมือนคนทั่วไปที่เข้าไปทำ แต่เวลาได้มาอ่านรีวิวของคนก่อนหน้าก่อนได้เข้าไปฟังผมรู้สึกขัดแย้งกับที่รีวิวมาก ในรีวิวเขียนว่า เข้าไปฟังพวกอวดรวยพูดแต่เรื่องอวดรวย ด้วยความเราสงสัยเลยเข้าไปบ้างเพราะไม่ลองเองไม่โดนเองเราจะรู้ได้ไง แต่พอได้ฟังที่อ่านจากรีวิวก็มีส่วนถูกที่มีอวดรวย แต่มันไม่ใช่แค่นั้นผมฟังละมันมีมากกว่านั้น เช่นเรื่องความฝัน อันนี้เขาพูดถูกบ้านเราเด็กส่วนใหญ่ต้องหยุดความฝันลงเพราะพ่อแม่หรือผู้ใหญ่จะมาขัดความฝันด้วยคำที่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ คิดอะไรอย่าคิดเกินตัว ซึ่งอันนี้ผมพูดจริงว่าคุณไมเคิลพูดถูกว่าเราควรมีความฝัน หรือ เพราะว่าผมโตมาในบ้านที่พ่อกับแม่ชอบพูดว่าทุกความฝันเป็นไปได้เสมอ เลยเห็นด้วยกับอันนี้ กับอีกอันคคือคุณไมเคิลบอกกับทุกคนตรงๆว่าถ้าตัดสินใจทำจริงๆมันไม่ง่ายนะมันเหนื่อยมันลำบากแต่ถ้าทำได้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นอันนี้เป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง และก็มีอีกอันที่ไม่เหมือนกับที่คอมเมนต์บอกกันคือ เขาไม่ได้บังคับทำใช่เขาไม่บังคับเดินกลับได้ตลอด แต่ทีมงานจะคอยตื้อตลอด ซึ่งผมเข้าใจทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตามจิตวิทยาที่พอเรียนรู้มานิดหน่อย เมื่อมีคนเล่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จมาก่อน ต่อมาพูดเรื่องความฝันให้เราเคลิ้มตามและมาตบท้ายด้วยว่า มันอาจไม่เหมาะกับทุกคน คนฟังส่วนใหญ่ที่ได้ยินก็จะไม่อยากเดินออกเพราะมีความหวังเล็กๆว่าเราจะเป็นส่วนน้อยที่สำเร็จ แต่ถ้ามีใครลุกออก ก็จะมีทีมงานตามตื้อ เมื่อเราโดนตื้อมากๆเราก็จะเกิดการเกรงใจหรือรำคาญเลยกลับไป (คนส่วนใหญ่ยิ่งอายุน้อยยิ่งเกิดอาการแบบนี้) สุดท้ายเราก็กลับเข้าไปถ้าใจไม่นิ่งหรือก็ยังมีหวังเพราะคิดว่าเขาเห็นแววละจะทำให้เรารวย ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรให้คนฟังที่ลุกออกกลับไปก็ช่างมันเถอะครับ แต่ให้รู้ไว้ว่ามันเป็นจิตวิทยา โดยยิ่งเราเติบโตมาในสังคมไทยด้วย แต่ผมว่าคุ้มนะ200ที่เสียไป ได้รู้หลักการคิดดีๆ แต่ก็ไม่มีจรรยาบรรณ ได้เห็นคนหลายๆรูปแบบ แต่มีเรื่องนึงที่ผมไม่เห็นด้วยสุดใจ เรื่องที่ตัดสินคนเป็นโรคซึมเศร้า คือถ้าคนในบริษัทได้มาอ่านช่วยกลับไปคิดทบทวนที่จะพูดเรื่องนี้ด้วย คือ คนที่เป็นซึมเศร้าจริงๆหลายคนไม่ได้มีสาเหตุเหมือนที่พูดเลยไม่ได้เพราะมายเซ็ตหรืออะไรเลยแต่มันคือเหตุการณ์ที่เขาเจอ ยกตัวอย่างผม เกิดมาในสภาพแวดล้อมสังคมที่ดีมาก พ่อแม่มีตังทำอสังหา ทำร้านอาหารร้านเหล้าบาร์ เป็นหลานนายพล หัวหน้าศาล เป็นหลานเจ้าของห้างนึงในพัทยา ชีวิตดีพร้อมทุกอย่าง มีความฝันที่คนรอบตัวไม่มาขโมยแต่สนับสนุน มีเพื่อนที่ดี ประสบความสำเร็จทุกอย่างที่วางแผนไว้ในทุกๆปี แต่ผมก็ยังเป็นซึมเศร้าได้ เพราะน้องชายคนกลางตายต่อหน้า พ่อตายต่อหน้า อาม่าตายหลังจาก1ชม.ที่ไปหา ยายตายต่อหน้า ลูกผมตาย ละเป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนที่รักมากตายต่อหน้า แต่ที่มีพร้อมทุกอย่างก็ยังมีเหมือนเดิม แต่การที่เห็นคนที่รักตายต่อหน้าบ่อยๆทำให้รู้สึกแย่เรื่อยๆจนเป็น แต่ผมก็ยังประสบความสำเร็จทุกๆปีตามเป้าหมาย และการเป็นซึมเศร้ามันไม่ได้ส่งผลต่อความฝันหรือความสำเร็จที่ผมได้มา แต่มันเป็นแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จให้ไวขึ้นเพื่อคนที่ยังอยู่จะได้เห็น ต่อมาเรื่องลงทุน 52,000 อันนี้ผมว่าปกติ เพราะเขาไม่ได้มีหน้าร้านและการขายออนไลน์ก็ต้องสต็อกสินค้าอยู่แล้ว แต่แค่ว่ามันสต็อกเยอะเกินไป ถ้าสัก10ชิ้น ยังพอถูไถไปได้ แต่นี่29ชิ้น แต่สำหรับผมผมเข้าใจเพราะที่บ้านก็ทำธุรกิจ และสินค้าเขาทำมาขายแพงเพื่อเจาะกลุ่มเฉพาะ ที่มีกำลังซื้อและไม่ได้จะขายคนทั่วไป แต่ผมชอบนะการตลาดที่เขาใช้ทำการขาย ผมก็ลองไปเข้าเวิคช็อปในการขายผ่านแอปต่างๆ ถือว่าดีเลยเป็นความรู้ที่ดี ถือว่าคุ้มนะกับแค่200แต่ได้เรียนการตลาดออนไลน์ มันสามารถเอาไปต่อยอดในธุรกิจในอนาคตได้ 5วันที่ไปก็ถือว่าได้ความรู้เยอะนะสำหรับผม แต่แค่เราต้องจับใจความแยกหัวข้อที่มีประโยชน์กับไม่มีประโยชน์ออกจากกัน *****
ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ลงทุนแต่น้องชายอยากลองเลยให้ตังไปลองดูสัก6เดือน แล้วจะให้น้องชายมาเล่าว่าได้อะไรบ้างและไม่ดียังไง เพราะที่บ้านยังมี ถึงเสีย52,000ไป แต่ถ้าดีก็ถือว่ากำไรชีวิต แต่ถ้าไม่ดีก็ถือสะว่าเป็นประสบการณ์ แล้วในอนาคตจะได้ไม่พลาดอีก
ใช่ๆเกือบลืมมีอีกเรื่องที่ผมไม่โอเคคือความคิดของคนที่ประสบความสำเร็จบางคนที่พูดบนเวที คือ การดูถูกหรือแซะคนที่ไม่ทำหรือคนที่เดินออกคนนึงบอกออกได้เลยเพราะมันไม่เหมาะกับทุกคน แต่บางคนกับพูดว่าอยากจนต่อไปรึไงหรือบางคนอาจจะทำแล้วออกกลางทางละพูดว่าทนไม่ได้ก็ล้มเหลวต่อไป ผมอยากจะบอกว่าเราไม่สามารถตัดสินชีวิตใครได้เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเจออะไรมาบ้าง หรือว่าเขาจะไปประสบความสำเร็จในทางอื่น ทางสำเร็จไม่ใช่มีแค่บีฮิบที่เดียวนะแต่ผมก็เข้าใจนะว่าหลายๆคนลำบากมาก่อนแต่พอมาสำเร็จตอนโตก็อยากชวนคนมาสำเร็จด้วยแต่คุณใช้คำพูดผิดไปหน่อย แต่ผมชื่นชมมายเซ็ตคุณไมเคิลในหลายๆเรื่องนะดีจริงๆแต่ก็มีบางเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย แต่สินค้าเขาดีจริงนะผมกินทุกวันเห็นผลจริงๆ
ตอนนี้ก็มารอลุ้นกับคำตอบน้องชาย น้องชายผมเป็นเด็กที่เก่งมาก 2สัปดาห์หาเงินได้1แสนจากการทำอาหารการแข่งขันคิดเมนูต่างๆขาย ทำได้ตั้งแต่อายุ21 แต่ก็อยากรู้น้องชายไปทำจะเป็นไง เพราะน้องชายผมแทบจะตรงข้ามกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ที่บริษัทเป็น บริษัทจะปรับเปลี่ยนลุคให้ดูดีดูเป็นผู้ใหญ่แต่น้องผมตอนม.2เก็บกระเป๋าออกจากบ้านเพราะแม่บังคับให้แต่งตัวดีๆด้วยหน้าตาฐานะที่บ้านเลยอยากให้ดูดีในสังคมแต่น้องผมมันกลับอยากใช้ชีวิตชิวๆใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เสื้อบาส เดินไปห้างนู้นนี่ และมันเป็นพวกชีวิตผลักดันด้วยพลังลบมากกว่าพลังบวกต่างคนละขั้วกับแนวทางบริษัทมาก น้องผมเคยได้พลังบวกเยอะๆละมันไม่ทำห่าอะไรเลยจริงๆแต่พอมีแรงกดดันหรือคำด่าดูถูก มันก็เป็นคนที่ขยันขันแข็งมาทันที ละก็น้องผมเป็นไบโพล่า อารมณ์มันแปรปรวนมาก อยากทำก็ทำไม่อยากทำก็ช่างมัน มีความติสๆในตัวสูง แต่ยอมให้มันไปทำในบริษัท ที่ต้องพยายามขยันทุกวันเพื่อจะเติบโต ผมอยากรู้ว่าผลลัพธ์น้องชายที่ไปทำภายใน6เดือนจะเป็นไง จะทำต่อ หรือ ไม่ทำพอผ่าน6เดือน จะได้ประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ ต้องมารอลุ้นกับน้องชายผม แล้วเมื่อน้องชายทำครบละผมจะมีรีวิวต่อนะ
[SR] แชร์ประสบการณ์เข้าไปฟังงานของบริษัท B-hip
ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ลงทุนแต่น้องชายอยากลองเลยให้ตังไปลองดูสัก6เดือน แล้วจะให้น้องชายมาเล่าว่าได้อะไรบ้างและไม่ดียังไง เพราะที่บ้านยังมี ถึงเสีย52,000ไป แต่ถ้าดีก็ถือว่ากำไรชีวิต แต่ถ้าไม่ดีก็ถือสะว่าเป็นประสบการณ์ แล้วในอนาคตจะได้ไม่พลาดอีก
ใช่ๆเกือบลืมมีอีกเรื่องที่ผมไม่โอเคคือความคิดของคนที่ประสบความสำเร็จบางคนที่พูดบนเวที คือ การดูถูกหรือแซะคนที่ไม่ทำหรือคนที่เดินออกคนนึงบอกออกได้เลยเพราะมันไม่เหมาะกับทุกคน แต่บางคนกับพูดว่าอยากจนต่อไปรึไงหรือบางคนอาจจะทำแล้วออกกลางทางละพูดว่าทนไม่ได้ก็ล้มเหลวต่อไป ผมอยากจะบอกว่าเราไม่สามารถตัดสินชีวิตใครได้เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเจออะไรมาบ้าง หรือว่าเขาจะไปประสบความสำเร็จในทางอื่น ทางสำเร็จไม่ใช่มีแค่บีฮิบที่เดียวนะแต่ผมก็เข้าใจนะว่าหลายๆคนลำบากมาก่อนแต่พอมาสำเร็จตอนโตก็อยากชวนคนมาสำเร็จด้วยแต่คุณใช้คำพูดผิดไปหน่อย แต่ผมชื่นชมมายเซ็ตคุณไมเคิลในหลายๆเรื่องนะดีจริงๆแต่ก็มีบางเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย แต่สินค้าเขาดีจริงนะผมกินทุกวันเห็นผลจริงๆ
ตอนนี้ก็มารอลุ้นกับคำตอบน้องชาย น้องชายผมเป็นเด็กที่เก่งมาก 2สัปดาห์หาเงินได้1แสนจากการทำอาหารการแข่งขันคิดเมนูต่างๆขาย ทำได้ตั้งแต่อายุ21 แต่ก็อยากรู้น้องชายไปทำจะเป็นไง เพราะน้องชายผมแทบจะตรงข้ามกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ที่บริษัทเป็น บริษัทจะปรับเปลี่ยนลุคให้ดูดีดูเป็นผู้ใหญ่แต่น้องผมตอนม.2เก็บกระเป๋าออกจากบ้านเพราะแม่บังคับให้แต่งตัวดีๆด้วยหน้าตาฐานะที่บ้านเลยอยากให้ดูดีในสังคมแต่น้องผมมันกลับอยากใช้ชีวิตชิวๆใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เสื้อบาส เดินไปห้างนู้นนี่ และมันเป็นพวกชีวิตผลักดันด้วยพลังลบมากกว่าพลังบวกต่างคนละขั้วกับแนวทางบริษัทมาก น้องผมเคยได้พลังบวกเยอะๆละมันไม่ทำห่าอะไรเลยจริงๆแต่พอมีแรงกดดันหรือคำด่าดูถูก มันก็เป็นคนที่ขยันขันแข็งมาทันที ละก็น้องผมเป็นไบโพล่า อารมณ์มันแปรปรวนมาก อยากทำก็ทำไม่อยากทำก็ช่างมัน มีความติสๆในตัวสูง แต่ยอมให้มันไปทำในบริษัท ที่ต้องพยายามขยันทุกวันเพื่อจะเติบโต ผมอยากรู้ว่าผลลัพธ์น้องชายที่ไปทำภายใน6เดือนจะเป็นไง จะทำต่อ หรือ ไม่ทำพอผ่าน6เดือน จะได้ประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ ต้องมารอลุ้นกับน้องชายผม แล้วเมื่อน้องชายทำครบละผมจะมีรีวิวต่อนะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้