เมื่อก่อน เราเข้าใจว่า ยังไงโลกก็ต้องมุ่งสู่พลังงานสีเขียว
ยุโรป เมกา นำเรื่อง zero Carbon ทั้งในอุตสาหกรรมการผลิต รวมทั้ง ยานพาหนะ
set เป้าหมาย 2040 2050 2060 อะไรก็แล้วแต่
ไทยเราก็มุ่งสู่ตรงนี้สุดตัว โดยการให้ เกิดการผลิตรถ EV โดยอาศัยจีนเข้ามา (จากการที่จีนต้องหาช่องทาง ไม่ให้โดนกีดกันจากการผลิตในประเทศเขา เลยมาอาศัยผลิตที่ต่างประเทศและส่งออกแทน)
แต่ถ้าเกิดว่า ยุโรป เมกา เกิดไล่บี้อีกที
ยกเลิก ไม่เอาแล้วกับนโยบาย BEV ไปเอา soltion อื่นแทน เช่น การผลิต HEV เลื่อน zero carbon ออกไป
ทำให้ แบรนด์ต่างๆที่ผลิต EV (โดยเฉพาะจากจีน) ขายได้ยาก เพราะตลาดเรื่อง EV หลักๆ ถ้าไม่รวมในจีนเอง ก็จะมียุโรปเป็นหลัก
ถ้าถึงตอนนั้น โรงงานจีนที่ตั้งในไทยเกิดขายส่งออกไปยุโรป ไม่ได้ตามเป้าขึ้นมา
เท่ากับว่า ไทยเราเป๋ เสียศูนย์เลยหรือไม่
เพราะทั้งเรื่อง นโยบายนำเข้า EV ปลอดภาษี แลกกับการผลิตทดแทนในไทย ก็เท่ากับโดนเบี้ยว (หากเกิดขึ้นจริง)
ทำให้แบรนด์รถ ICE ดั้งเดิมในไทยที่ตั้งโรงงานผลิตอยู่ก่อนแล้ว ก็เสียขบวนไปด้วย (ตอนช่วง นโยบย EV xx.0)
และทั้งการคาดหวัง ว่าไทยจะเป็น hub EV ย่านนี้ในอนาคต
หากสิ่งที่ไทยกำลัง ลงเดิมพันกับ new S-Curve ผิด (BEV) จะเกิดผลกระทบอะไรตามมา?
ยุโรป เมกา นำเรื่อง zero Carbon ทั้งในอุตสาหกรรมการผลิต รวมทั้ง ยานพาหนะ
set เป้าหมาย 2040 2050 2060 อะไรก็แล้วแต่
ไทยเราก็มุ่งสู่ตรงนี้สุดตัว โดยการให้ เกิดการผลิตรถ EV โดยอาศัยจีนเข้ามา (จากการที่จีนต้องหาช่องทาง ไม่ให้โดนกีดกันจากการผลิตในประเทศเขา เลยมาอาศัยผลิตที่ต่างประเทศและส่งออกแทน)
แต่ถ้าเกิดว่า ยุโรป เมกา เกิดไล่บี้อีกที
ยกเลิก ไม่เอาแล้วกับนโยบาย BEV ไปเอา soltion อื่นแทน เช่น การผลิต HEV เลื่อน zero carbon ออกไป
ทำให้ แบรนด์ต่างๆที่ผลิต EV (โดยเฉพาะจากจีน) ขายได้ยาก เพราะตลาดเรื่อง EV หลักๆ ถ้าไม่รวมในจีนเอง ก็จะมียุโรปเป็นหลัก
ถ้าถึงตอนนั้น โรงงานจีนที่ตั้งในไทยเกิดขายส่งออกไปยุโรป ไม่ได้ตามเป้าขึ้นมา
เท่ากับว่า ไทยเราเป๋ เสียศูนย์เลยหรือไม่
เพราะทั้งเรื่อง นโยบายนำเข้า EV ปลอดภาษี แลกกับการผลิตทดแทนในไทย ก็เท่ากับโดนเบี้ยว (หากเกิดขึ้นจริง)
ทำให้แบรนด์รถ ICE ดั้งเดิมในไทยที่ตั้งโรงงานผลิตอยู่ก่อนแล้ว ก็เสียขบวนไปด้วย (ตอนช่วง นโยบย EV xx.0)
และทั้งการคาดหวัง ว่าไทยจะเป็น hub EV ย่านนี้ในอนาคต