ระบบการเทรด 3 แบบ เทรดตามเทรนต์ เทรดจุดกลับตัว และเดย์เทรด บุคลิคเราเหมาะกับการเทรดแบบไหนกันครับ

ระบบเทรดที่เราใช้เทรดอยู่เหมาะสมกับบุคลิคลักษณะนิสัยเราหรือไม่?

ในหนังสือ ระบบการเทรดอัตโนมัติ ที่เขียนโดย ริขาร์ด ไวท์แมน ได้แยกประเภทของเทรดเดอร์ไว้ 3 แบบ คือ เทรดตามเทรนต์, เทรดจุดกลับตัว และเดย์เทรด

ระบบเทรดตามเทรนต์ สิ่งที่เป็นคุณลักษณะของเทรดเดอร์ที่ต้องมี คือ ความอึดและอดทน เทรดเดอร์ต้องรอสัญญาณเทรนต์ที่แข็งแกร่ง ก่อนที่จะเข้าเทรด จุดเข้าเทรดที่ดี คือ จุดสูงสุดเมื่อเร็วๆนี้ หรือจุดต่ำสุดเมื่อเร็วๆนี้โดยการคาดทิศทางตลาดว่า ราคาจะทำไฮต์ใหม่ หรือโลว์ใหม่ เร็วๆนี้ ซึ่งมุมมองแบบนี้จะแตกต่างจากเทรดเดอร์แบบอื่นๆที่พยายามเข้าที่จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดนั่นเอง
จุดแข็งของการเทรดชนิดนี้ คือ หากเทรดเดอร์เกาะเทรนต์หลักได้ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่จะเป็นผลตอบแทนนั่นเอง แต่เนื่องจากตลาดมักจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ 70-80% โอกาสที่เทรดเดอร์ชนิดนี้จะเข้าเทรดจึงมีน้อย
ด้วยการเทรดชนิดนี้ เทรดเดอร์ต้องรู้สึกสบายๆกับสัดส่วนการชนะที่ต่ำ แต่การชนะที่ใหญ่จะช่วยสร้างกำไรในระยะยาวได้

คำถามสำคัญ คือ เทรดเดอร์ต้องถามตัวเองว่า เราอึดและอดทนมากพอที่จะทนต่อการขาดทุนที่บ่อยครั้งกว่าการได้กำไรได้หรือไม่ ถ้าคำตอบคือ "ใช่" นั่นแสดงว่าลักษณะนิสัยเราเหมาะกับการเทรดแบบนี้ครับ

แบบที่สองคือ การเทรดจุดกลับตัวของราคา
การเทรดจุดกลับตัวจะเทรดในขณะที่ตลาดไม่มีเทรนต์ แกว่งตัวแคบๆ โดยหลักการ คือ เมื่อราคาเคลื่อนไหวออกจากค่าเฉลี่ย ราคาจะมีแนวโน้มที่จะกลับเข้าหาค่าเฉลี่ยอีกครั้ง การเทรดแบบนี้จึงเป็นการมองหาจุดกลับตัว หรือ จุดสูงสุด/จุดต่ำสุดนั่นเอง
ข้อแตกต่างหลักระหว่างการเทรดจุดกลับตัวกับการเทรดตามเทรนต์คือ การเทรดจุดกลับตัวตามแนวรับ แนวต้าน จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และกำไรในแต่ละครั้งจะไม่มากเหมือนการเทรดตามเทรนต์นั่นเองครับ
เครื่องมือหลักที่เทรดเดอร์ใช้ คือ ADX และ Stochastic ตัวเลข ADX จะบอกว่าตลาดมีเทรนต์หรือไม่? ในขณะที่
Stochastic จะบอกว่าตอนนี้เข้าเขตซื้อมากเกินไป หรือขายมากเกินไปหรือไม่ นั่นเอง

หัวใจแห่งความสำเร็จในการเทรดแบบนี้คือ เทรดเดอร์ต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด การเทรดแบบนี้เสี่ยงต่อการสวนเทรนต์หลักของตลาดมากๆ แน่นอนว่าจะส่งผลด้านจิตใจให้กับเทรดเดอร์ เราต้องฝึกฝนตนเองให้ทำตามระบบเทรด ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

ระบบการเทรดแบบที่สาม เดย์เทรด
เดย์เทรด คือการเทรดทั้งสองแบบ เทรดตามเทรนต์และเทรดจุดกลับตัว แต่ใช้ไทม์เฟรมที่สั้นกว่านั่นเอง ข้อมูลที่ใช้เทรดจะวิเคราะห์ด้วยข้อมูลย้อนหลังไม่เกิน 10 วัน การเทรดแบบนี้จะทำกำไรน้อยและมีจุดคัทที่แคบกว่าสองแบบด้านบน ด้วยไทม์เฟรมที่น้อยกว่าครับ

การเทรดทั้งสามแบบ แบบที่ 3 จะเป็นรูปแบบที่เกิดจุดตัดสินใจบ่อยครั้งมากที่สุด ดังนั้นเทรดเดอร์ ต้องควบคุมอย่างถูกต้องและเหมาะสม ด้วยสัดส่วน R/R สัดส่วนกำไรต่อความเสี่ยง พร้อมทั้งแผนการเทรดอย่างรอบด้าน เพื่อลดความเครียดจากการเทรด

เทรดเดอร์ต้องค้นหาว่าตัวเรามีบุคลิคที่เหมาะสมกับการเทรดแบบใด ไม่ว่าจะแบบไหน ตลาดก็พร้อมที่จะเหวี่ยงเราใส่โขดหินได้เสมอ แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็จะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง

เครดิต babypips.com อนุสรณ์ จ.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่