ผมก็เป็นอินโทรเวิร์ตมากๆคนนึง พูดน้อยมาก ไม่สนใจใครหรือเหตุการณ์อะไรเท่าไหร่ ไม่ชอบอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ชอบความวุ่นวาย ตอนผมเข้ามหาลัยใหม่ๆ ไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเก่าเลย ผมเครียดและกังวลมาก เครียดจนร้องให้ เครียดจนกินอะไรไม่ได้ เครียดจนน้ำหนักลด ตอนคาบแรกผมพยายามมองหาคนที่อยู่ด้วยกันน้อยๆ แล้วพยายามจะเข้าไปคุยด้วย แต่ก็ไม่กล้า ผมได้แต่เดินการกลุ่มเล็กๆนั้นไปเรื่อยๆ เวลาย้ายคลาสก็เดินตาม กินข้าวก็เดินตาม พยายามให้คนในกลุ่มนั้นเห็นเรา แล้วเราค่อยๆหาที่อยู่ของตัวเองในนั้น จนนานวันเข้าผมก็เริ่มแทรกตัวเข้าไปได้ นิดหน่อย พอแค่ว่ารู้ชื่อกัน ผ่านไปประมาณ จบเทอมแรกก็ยังไม่ค่อยสนิทกัน ซึ่งระหว่างนั้นผมก็ยังเครียดและกังวลมาก จนขึ้นเทอมใหม่ความเครียดและความกังวลที่มีก็ลดลง และสนิทกับคนเหล่านั้นมากขึ้นจนเรียกว่าเพื่อนได้แล้ว แต่ในกลุ่มเพื่อนประมาณ 5-6 คน ไม่รวมตัวเอง เขาก็มีคู่ของตัวเองคนนนึงที่สนิทด้วย ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน บางครั้งก็น้อยใจแต่ไม่ได้แสดงออก อารมณ์ประมาณว่า ตอนแรกนึกว่าเรากับเพื่อนอีกคนสนิทกันที่สุด แต่ว่าผมกลับได้แต่มองเพื่อนผมกับเพื่อนอีกคนคุยกันอย่างสนิทมากๆแล้วเหลือผมเป็นส่วนเกิน เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะร่วมคุยด้วยยังไง แต่นานๆไปผมก็ชิน เพราะผมไม่มีที่อืนหรือคนอื่นให้พึ่งพาแล้ว ผมไม่ชอบการที่ต้องอยู่ข้างนอกคนเดียว ประมาณว่าจะรู้สึกกลัวคนรอบๆตัวในที่ที่ตัวเองไม่คุ้นเคย หรือตอนที่ทำอะไรโดยไม่มีเป้าหมายชัดเจนก็จะเคว้งและกังวลมาก ช่วงวันก่อนวันหยุด หลังจากกลับมาจากการเรียน ผมจะซื้อพวกของกินหรือมาม่ามาเก็บไว้ในห้อง และไม่ออกไปไหนเลยนอกจากเวลาอาบน้ำหรือซักผ้า
ผมเป็นอินโทรเวิร์ตที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย คนที่ผมรู้สึกผูกพันมาก หรือสนิทมากๆ ผมจะแคร์คำพูดของคนๆนั้นเป็นพิเศษ ถ้าคนๆนั้นจู่ๆก็ใช้เสียงดังหรือคำพูดที่ฟังดูหงุดหงิดใส่ผม ผมรู้ว่าบางครั้งอีกฝ่ายไม่ตั้งใจหรือไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นไปแล้ว ผมรู้สึกช็อค ผมรู้สึกตกใจ และผมก็รู้สึกกลัว ผมกลัวว่า ผมทำอะไรผิดไปหรือทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมั้ย พอผมเจออะไรแแบบรี้ผมมักจะเงียบแล้วพยายามเดินหนีหรือถอยห่างจากคนๆนั้น แล้วคำพูดของคนนั้นก็วนอยู่ในหัว ความรู้สึกของผมก็วนซ้ำไปมา จนผมอยากจะร้องไห้แต่ผมก็จะพยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ ไม่แสดงออกให้คนอื่นเห็น นานวันเข้ายิ่งผมเจอเรื่องนี้บ่อย ตอนกลับมาที่ห้องผมก็มักจะคิดกับตัวเองเสมอว่าผมทำอะไรผิดไปมั้ยนะ ผมจะโดนเกลียดมั้ยนะ นิสัยของผมเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เวลาผมโดนเพื่อนทำร้ายผ่านคำพูดหรือท่าทางที่แสดงต่อผม ผมก็จะพยายามเว้นระยะห่างใหม่ ผมไม่รู้ว่าผมพยายามทำตัวให้เพื่อนไม่เกลียดผม หรือแค่เว้นระยะห่างประมาณนึงเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจกับอะไรแบบนั้นอีก เพื่อรักษาจิตใจของผมที่อ่อนไหวเกิน ไปจนมันเป็นนิสัยที่ทำให้ผมมักจะขีดเส้นระหยะห่างกับคนอื่นอย่างชัดเจน แต่ทุกครั้งผมก็เผลอให้ใจออกไปแบบง่ายๆโดยที่ผมไม่รู้ตัว จนผมรู้สึกตัวอีกทีผมก็เสียใจอีกแล้ว ผมก็ตั้งระยะห่างใหม่ ซึ่งเป็นกำแพงที่สูงกว่าเดิม และกว้างกว่าเดิม ผมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ประถมยันตอนนี้เเรียนมหาลัยก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งผมรู้ว่านิสัยนี้ของผม นิสัยคิดมากเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ทำให้ผมไม่มีคนสนิทที่สามารถระบายอะไรให้ฟังได้ หรือไม่มีเพื่อนที่เล่าให้ฟังได้ ครอบครัวผมก็ไม่รู้สึกสนิทกัน ผมรู้ว่าคนในครอบครัวก็แคร์เราอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม แม้แต่กับคนในบ้านผมก็ไม่เปิดใจให้
กลับกันคือ ถ้าเป็นคนที่ผมไม่แคร์หรือไม่ใส่ใจ ผมก็จะไม่สนใจอะไรเลย ซึ่งคนที่ผมมีปฏิสัมพันธ์ด้วยที่ผมเว้นระยะห่างไว้ จะอยู่ประมาณกึ่งกลางของคำว่าแคร์-ไม่แคร์ อารมณ์ประมาณว่าถ้าอีกฝ่ายเจอเรื่องอะไร ผมก็จะพูดประมาณว่า เสียใจด้วยนะ หรือสู้ๆนะ แต่ในอีกใจนึงกลับรู้สึกเฉยๆกับปัญหาของคนๆนั้นจนบางครั้งผมก็คิดว่า ทำไมผมเป็นคนนิสัยแบบนี้ เพื่อนตัวเองแท้ๆแต่ผมกลับรู้สึกแบบนี้ จนผมเก็บเรื่องพวกนี้ไปคิดจนมองว่าตัวเองไร้ค่า
บางครั้งผมก็รู้สึกเศร้ามากๆเวลาเจอเรื่องที่ผมไม่ชอบหรือรู้สึกหมดกำลังใจ แล้วความรู้สึกลบๆที่ผมเก็บไว้ก็จะย้อนกลับมาให้ผมนึกถึง ผมมักจะคิดว่าอยากให้อะไรสักอย่างเอาตัวผมออกไปจากตรงนี้ อะไรหรือใครก็ได้ทำให้ผมไม่รู้สึกอะไรพวกนี้ที อยากจะหายๆไป อยากให้เกิดเหตุการณ์สักอย่างทำให้ผมหายไป เช่นอยู่ๆก็ใหลตาย เดินๆอยู่ก็มีฟ้าผ่าลงมาใส่ แต่ในส่วนนึงในใจกลับต้องการแค่คนๆนึง ใครสักคนที่ผมสามารถระบายความรู้สึกเหล่านี้ได้ ผมแค่อยากกอดใครสักคนแล้วร้องไห้ ระบายทุกอย่างออกมา ไม่ต้องพูดอะไรหรือรู้สึกอะไรกับผมก็ได้ ผมแค่อยากมีใครหรืออะไรสักอย่างที่มอบความรู้สึกปลอดภัย มอบความอบอุ่นให้ผมได้บ้าง ใครก็ได้ ใครก็ได้จริงๆ ใครก็ได้ช่วยอยู่กับผม กอดผม หรืออยู่เป็นเพื่อนผมในเวลาแบบนี้ ใครสักคนที่อยู่เป็นกำลังใจให้ผม คนที่ผมฝากฝังความรู้สึกต่างๆไว้ได้ คนที่จะอยู่กับผมตลอดเวลาที่ผมต้องการ
ผมคงไม่สามารถหาคนๆนั้นได้ ด้วยนิสัยของผมที่เป็นแบบนี้ ผมรู้ว่าผมควรแก้ไข แต่ว่าผมกลัวเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง ผมไม่มีความกล้ามากพอ ผมได้แต่หวังให้โชคชะตานำพา ผมเห็นหลายๆคนที่พูดว่าตัวเองเท่านั้นที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ผมชื่นชมคนเหล่านั้นนะครับ ชื่นชมมากๆ ผมก็อยากมีความคิดแบบนั้น และทำแบบนั้นได้บ้าง แต่ว่าผมทำไม่ได้ ผมกลัวเกินไป ผมอยากจะรักษาความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในรูปแบบนี้
อินโทรเวิร์ตคนหนึ่ง แค่อยากจะ เล่า?/ระบาย?
ผมเป็นอินโทรเวิร์ตที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย คนที่ผมรู้สึกผูกพันมาก หรือสนิทมากๆ ผมจะแคร์คำพูดของคนๆนั้นเป็นพิเศษ ถ้าคนๆนั้นจู่ๆก็ใช้เสียงดังหรือคำพูดที่ฟังดูหงุดหงิดใส่ผม ผมรู้ว่าบางครั้งอีกฝ่ายไม่ตั้งใจหรือไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นไปแล้ว ผมรู้สึกช็อค ผมรู้สึกตกใจ และผมก็รู้สึกกลัว ผมกลัวว่า ผมทำอะไรผิดไปหรือทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมั้ย พอผมเจออะไรแแบบรี้ผมมักจะเงียบแล้วพยายามเดินหนีหรือถอยห่างจากคนๆนั้น แล้วคำพูดของคนนั้นก็วนอยู่ในหัว ความรู้สึกของผมก็วนซ้ำไปมา จนผมอยากจะร้องไห้แต่ผมก็จะพยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ ไม่แสดงออกให้คนอื่นเห็น นานวันเข้ายิ่งผมเจอเรื่องนี้บ่อย ตอนกลับมาที่ห้องผมก็มักจะคิดกับตัวเองเสมอว่าผมทำอะไรผิดไปมั้ยนะ ผมจะโดนเกลียดมั้ยนะ นิสัยของผมเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เวลาผมโดนเพื่อนทำร้ายผ่านคำพูดหรือท่าทางที่แสดงต่อผม ผมก็จะพยายามเว้นระยะห่างใหม่ ผมไม่รู้ว่าผมพยายามทำตัวให้เพื่อนไม่เกลียดผม หรือแค่เว้นระยะห่างประมาณนึงเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจกับอะไรแบบนั้นอีก เพื่อรักษาจิตใจของผมที่อ่อนไหวเกิน ไปจนมันเป็นนิสัยที่ทำให้ผมมักจะขีดเส้นระหยะห่างกับคนอื่นอย่างชัดเจน แต่ทุกครั้งผมก็เผลอให้ใจออกไปแบบง่ายๆโดยที่ผมไม่รู้ตัว จนผมรู้สึกตัวอีกทีผมก็เสียใจอีกแล้ว ผมก็ตั้งระยะห่างใหม่ ซึ่งเป็นกำแพงที่สูงกว่าเดิม และกว้างกว่าเดิม ผมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ประถมยันตอนนี้เเรียนมหาลัยก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งผมรู้ว่านิสัยนี้ของผม นิสัยคิดมากเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ทำให้ผมไม่มีคนสนิทที่สามารถระบายอะไรให้ฟังได้ หรือไม่มีเพื่อนที่เล่าให้ฟังได้ ครอบครัวผมก็ไม่รู้สึกสนิทกัน ผมรู้ว่าคนในครอบครัวก็แคร์เราอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม แม้แต่กับคนในบ้านผมก็ไม่เปิดใจให้
กลับกันคือ ถ้าเป็นคนที่ผมไม่แคร์หรือไม่ใส่ใจ ผมก็จะไม่สนใจอะไรเลย ซึ่งคนที่ผมมีปฏิสัมพันธ์ด้วยที่ผมเว้นระยะห่างไว้ จะอยู่ประมาณกึ่งกลางของคำว่าแคร์-ไม่แคร์ อารมณ์ประมาณว่าถ้าอีกฝ่ายเจอเรื่องอะไร ผมก็จะพูดประมาณว่า เสียใจด้วยนะ หรือสู้ๆนะ แต่ในอีกใจนึงกลับรู้สึกเฉยๆกับปัญหาของคนๆนั้นจนบางครั้งผมก็คิดว่า ทำไมผมเป็นคนนิสัยแบบนี้ เพื่อนตัวเองแท้ๆแต่ผมกลับรู้สึกแบบนี้ จนผมเก็บเรื่องพวกนี้ไปคิดจนมองว่าตัวเองไร้ค่า
บางครั้งผมก็รู้สึกเศร้ามากๆเวลาเจอเรื่องที่ผมไม่ชอบหรือรู้สึกหมดกำลังใจ แล้วความรู้สึกลบๆที่ผมเก็บไว้ก็จะย้อนกลับมาให้ผมนึกถึง ผมมักจะคิดว่าอยากให้อะไรสักอย่างเอาตัวผมออกไปจากตรงนี้ อะไรหรือใครก็ได้ทำให้ผมไม่รู้สึกอะไรพวกนี้ที อยากจะหายๆไป อยากให้เกิดเหตุการณ์สักอย่างทำให้ผมหายไป เช่นอยู่ๆก็ใหลตาย เดินๆอยู่ก็มีฟ้าผ่าลงมาใส่ แต่ในส่วนนึงในใจกลับต้องการแค่คนๆนึง ใครสักคนที่ผมสามารถระบายความรู้สึกเหล่านี้ได้ ผมแค่อยากกอดใครสักคนแล้วร้องไห้ ระบายทุกอย่างออกมา ไม่ต้องพูดอะไรหรือรู้สึกอะไรกับผมก็ได้ ผมแค่อยากมีใครหรืออะไรสักอย่างที่มอบความรู้สึกปลอดภัย มอบความอบอุ่นให้ผมได้บ้าง ใครก็ได้ ใครก็ได้จริงๆ ใครก็ได้ช่วยอยู่กับผม กอดผม หรืออยู่เป็นเพื่อนผมในเวลาแบบนี้ ใครสักคนที่อยู่เป็นกำลังใจให้ผม คนที่ผมฝากฝังความรู้สึกต่างๆไว้ได้ คนที่จะอยู่กับผมตลอดเวลาที่ผมต้องการ
ผมคงไม่สามารถหาคนๆนั้นได้ ด้วยนิสัยของผมที่เป็นแบบนี้ ผมรู้ว่าผมควรแก้ไข แต่ว่าผมกลัวเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง ผมไม่มีความกล้ามากพอ ผมได้แต่หวังให้โชคชะตานำพา ผมเห็นหลายๆคนที่พูดว่าตัวเองเท่านั้นที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ผมชื่นชมคนเหล่านั้นนะครับ ชื่นชมมากๆ ผมก็อยากมีความคิดแบบนั้น และทำแบบนั้นได้บ้าง แต่ว่าผมทำไม่ได้ ผมกลัวเกินไป ผมอยากจะรักษาความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในรูปแบบนี้