ไทยจะสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ ไปพร้อมๆกับยังเป็นประเทศที่สบายๆ ได้หรือไม่

อยากถามความเห็นครับว่า ไทยจะสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ ไปพร้อมๆ กับยังเป็นประเทศที่สบายๆ ได้หรือไม่

ในจุดนี้หลายท่านที่ศึกษาเกี่ยวกับต่างประเทศมาบ้าง อาจเคยได้ยินทฤษฎีความต่างระหว่างโลกเหนือโลกใต้ ที่มองว่าประเทศในแถบโลกเหนือ (หมายถึงเหนือเส้นศูนย์สูตร) ที่มีอากาศทารุณกว่า อาหารหายากกว่า จะมีแนวคิดนวัตกรรมมากกว่า ทำให้พัฒนามากกว่า ส่วนประเทศโลกใต้ ด้วยอากาศที่สบายกว่า อาหารหาง่ายกว่า เลยค่อนข้างชิวกว่า แม้หลายประเทศจะสร้างอารยธรรมได้ แต่ก็ไม่พัฒนามากเท่า ประเทศในเขตนี้ ถ้าไม่มีทรัพยากรล้นเหลือและจัดการดี (เช่นชาติตะวันออกกลาง) หรือมีแนวคิด ภูมิปัญญาที่มาจากโลกเหนือ (เช่นสิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) ก็อาจไม่พัฒนาหรือร่ำรวยได้เท่าโลกเหนือ

กรณีของไทยแม้โดยภูมิศาสตร์จะอยู่โลกเหนือ แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ค่อนข้างมีลักษณะของโลกใต้ ด้วยอาหารที่หาง่าย ทำให้ค่อนข้างสบายๆ กว่า และจุดนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของไทยสำหรับนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางหลายๆ คน และความฝันหนึ่งของไทยคือ การได้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีเศรษฐกิจและความมั่งคั่งแบบหลายๆ ประเทศ ทว่าเมื่อพิจารณาประเทศต่างๆ ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะในยุโรป อเมริกา หรือเอเชียด้วยกันอย่างจีน (แม้ว่าชาติตะวันตกจะยังไม่จัดให้อยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว แต่เศรษฐกิจจีนก็พัฒนาจนมองข้ามไม่ได้) เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น แม้หลายประเทศอาจได้อานิสงส์จากระบบอาณานิคม หรือการสนับสนุนจากอเมริกาช่วงสงครามเย็น แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากคือ รากฐานในประเทศเหล่านี้ (ไม่อย่างนั้นไทยกับฟิลิปปินส์ที่อเมริกาก็สนับสนุนในช่วงสงครามเย็น หรืออดีตอาณานิคมอื่นๆ ก็เจริญตามรอยประเทศเหล่านี้ไปแล้ว) ทั้งการอยู่โลกเหนือ (หรือมีรากฐานความคิดมาจากโลกเหนือ) ที่อากาศทารุณ อาหารหายาก ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด บวกกับแนวคิดขงจื๊อที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และถือว่าวัฒนธรรมของตนสูง แม้ครั้งหนึ่งพลาดท่า ก็จะพยายามต่อสู้เพื่อยิ่งใหญ่ให้ได้ เช่นกรณีจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน (เรื่องสงครามมีผลบ้างแต่อาจไม่มาก เพราะหลายประเทศก็เจอสงครามแต่ก็ไม่สามารถพัฒนาได้) กรณีสิงคโปร์นี่มีคำว่า "เกียซู" หรือกลัวความพ่ายแพ้ กรณีเกาหลีใต้มีคำว่า "ฮาน" หรือความคับแค้นจากการที่ถูกกดขี่มาตลอด ต้องพัฒนาตัวเองให้ยิ่งใหญ่ให้ได้ ปัจจัยต่างๆ ทำให้การเรียน การทำงาน การแข่งขันในประเทศเหล่านี้สูงมาก แม้จะมีข้อดีประการหนึ่งคือเมื่อรวมปัจจัยต่างๆ แล้วก็ทำให้พัฒนาขึ้นมาได้ แต่อีกด้านก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตตั้งแต่ยังเด็ก เรื่องนี้ประธานกลุ่มแชโบลท่านหนึ่งเคยอธิบายไว้ทำนองว่า "การพัฒนาช่วงแรกก็เหมือนเครื่องเทคออฟ คุณต้องรัดเข็มขัด ฟังคำแนะนำของนักบินและลูกเรืออย่างเคร่งครัด พอเครื่องได้ระดับแล้ว จึงค่อยปลดเข็มขัด มีแชมเปญดีๆ มาให้ดื่ม" คำถามคือเกาหลีใต้ทุกวันนี้ที่ยังเคร่งเครียดแม้จะร่ำรวยขึ้นมากแล้วถึงเวลา "ปลดเข็มขัด จิบแชมเปญ" หรือยัง

กลับมาที่ไทย ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ทำให้ค่อนข้างสบายๆ ชิวๆ (การแข่งขันในด้านการเรียนการทำงานเพิ่งมีช่วงหลัง ยุค 60 กว่าปีก่อนที่หลายครอบครัวยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาก็มักให้เรียนเพียงภาคบังคับอ่านออกเขียนได้) และนำมาสู่คำถามของกระทู้นี้ที่ว่า "ไทยจะสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ ไปพร้อมๆกับยังเป็นประเทศที่สบายๆ ได้หรือไม่" สมมติว่าเราสามารถปลูกฝังความขยัน ค่านิยมแข่งขัน ทำงานหนักได้ให้กับคนไทยได้จริง มันคุ้มหรือไม่กับการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่สังคมไทยเปลี่ยนไปเครียดหรือจริงจังมากขึ้น คำถามนี้ จขกท. เคยเห็นในคอมเม้นต์หนึ่งของรายการดูให้รู้ตอนที่เกี่ยวกับด้านมืดของญี่ปุ่นด้วย คือ คหสต. มองว่า ถ้าไทยจะเป็นแบบพัฒนาแล้ว โดยที่แทบไม่ต้องเปลี่ยนไปเลย ต้องมีทรัพยากรมากแบบตะวันออกกลาง จัดการดีๆ นำมาพัฒนาสร้างสาธารณูปโภคและสวัสดิการ แต่ไทยก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น พอขายได้ ก็ต้องมาเน้นสร้างตามแบบชาติอื่นๆ ที่เขาทำงานหนักมาก่อน แต่มันก็คิดหนักว่าถ้าจะทำได้ ค่านิยมขยัน ทำงานหนักต้องมี แล้วสังคมไทยจะเป็นยังไง ถ้าเลือกได้ ขอทำงานหนัก การบังคับใช้กฎหมายจริงจังเข้มงวด แต่ในด้านนิสัย ยังง่ายๆ สบายๆ แบบเดิมดีกว่าครับ

รบกวนช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ หากมีส่วนใดเข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่