คือบ้านเรามีลูกพี่ลูกน้องมาอยู่ด้วย สนิทกันมานาน พี่ขับรถยนต์ของป้า(แม่ของพี่)ไปทำงาน คือครอบครัวเราไม่มีรถยนต์ค่ะ เลยเปรียบเสมือนว่ารถนั้นเป็นของครอบครัวเราไปเลย เพราะพี่มาอยู่บ้านเรา เวลาจะไปไหนไกลๆก็ต้องขอช่วยพี่พาไปส่ง(นานๆครั้งและไม่เคยไปต่างจังหวัด ไกลสุดก็ต่างอำเภอค่ะ) เวลาเราไปเข้าค่ายหรือพาพ่อไปรพ. ก็จะขอช่วยพี่ตลอดเลยค่ะ (ส่วนใหญ่จะให้ค่าน้ำมัน) เวลาไปไหนก็ไปด้วยกันค่ะทั้งสองครอบครัวที่ไปบ่อยๆสุดๆคือบ้านยาย เป็นแบบนี้มานานแล้วค่ะประมาณ3-4ปี แต่เหมือนป้าจะไม่พอใจที่บ้านเราไม่มีรถเป็นของตนเองอ่ะ พยายามหว่านล้อมครอบครัวเราให้ซื้อรถ บอกว่าให้สร้างของบ้าง ถ้าจะออกรถตอนนี้พ่อกับแม่เราก็มีกำลังผ่อนค่ะ แค่อาจจะเงินไม่คล่องมือเหมือนเมื่อก่อน แต่ในความคิดเราคือรถราคาตกลงทุกปี แล้วเราก็กำลังเข้ามหาลัย อาจจะมีคชจ.เยอะ เเล้วเราคิดว่าบ้านเราตอนนี้ไม่เหมาะกับการมีรถด้วยค่ะ
1.ไม่มีที่จอดรถในบ้านค่ะ พี่ต้องฝากรถเอา ซึ่งมีคชจ.อีก
2.บ้านเราอยู่ในตัวเมืองและใกล้เส้นทางรถโดยสารค่ะ สามารถนั่งไปมหาลัยได้ ขับมอเตอร์ไซค์ไปประมาณ15นาที
3.โรงพยาบาลที่พ่อต้องไปอยู่ไม่ไกลมาก เรียกรถประมาณ70บาทเองค่ะ รถโดยสารก็ผ่านด้วย
4.เราเป็นลูกคนเดียว คนที่ขับรถเป็นมีแค่พ่อ(สูงอายุและป่วยอยู่ด้วยค่ะ)
5.เรื่องไปบ้านยาย รถโดยสารก็ผ่านค่ะ จริงๆสามารถขับมอเตอร์ไซค์ไปได้แต่ถ้าดึกๆจะอันตรายค่ะ เลยมักจะติดรถยนต์ไปเพราะพี่และป้าจะไปบ้านยาย(ในส่วนนี้บางครั้งไม่ได้ให้ค่าน้ำมันค่ะ)
6.หลังจากซื้อรถก็มีค่าตรวจสภาพ ค่าประกันค่าอะไรต่างๆมากมาย
คือเราเข้าใจป้านะคะ ว่าครอบครัวเราเป็นภาระจริงๆกับการไม่มีรถยนต์ และต้องพึ่งพารถยนต์ของป้าอยู่หลายครั้ง เรื่องเกิดจากการที่พ่อของเพื่อนแม่เสีย แม่เลยขอช่วยพี่ให้พาไปงานศพค่ะ(เพื่อนแม่มีเรื่องขอให้ช่วย) ป้าก็เลยแซะแม่ว่าไปทำไมหลายครั้ง(ไปรดน้ำศพแล้ว) เปลืองน้ำมัน(ที่แม่ตั้งใจว่าจะออกให้) จนแม่เสียใจมากเลยค่ะ แม่บอกว่าจะไม่นั่งรถป้าอีกแล้ว ถ้านั่งอีกขอให้รถชนเลย บอกว่าทีแม่เลี้ยงดูลูกแกยังไม่คิดจะทวงบุญคุณ บลาๆ ตามภาษาคนเคยสนิทกันค่ะ แล้วบอกให้พ่อซื้อรถได้แล้ว เพราะหลายครั้งแล้วค่ะที่ป้าแสดงอาการแบบนี้ว่าไม่พอใจและเอาไปพูดกับคนอื่นๆ ส่วนลูกพี่ลูกน้องที่มาอยู่บ้านเราก็ไม่พอใจแม่เราค่ะที่ไปโกรธป้า
เราเข้าใจค่ะว่ารถใครใครก็หวง ป้าแกผ่อนมาเองกับมือ เป็นน้ำพักน้ำแรงของแก แต่แกกลับไม่ค่อยได้ใช้ เป็นใครใครก็คงไม่พอใจค่ะ เพิ่มเติมอีกอย่างคือครอบครัวเราไม่เคยทำตัวเหมือนเจ้าของรถเลยนะคะ ไม่เคยวางเอกสารหรือของอะไรทิ้งไว้ในรถค่ะ เวลานั่งเรากับพ่อก็นั่งหลัง แม่นั่งหน้าเป็นบางครั้ง(เมารถ) แล้วก็ไม่เคยเอารถไปขับโดยที่ไม่มีพี่อยู่ด้วยค่ะ เผื่อมีคนเข้าใจผิดว่าป้าแกไม่พอใจเพราะครอบครัวเราทำตัวเหมือนเจ้าของรถ ตอนนี้เลยคิดหนักเลยค่ะ ว่าครอบครัวเราอยู่ในสภาพที่ต้องการใข้รถยนต์และจำเป็นที่จะต้องซื้อจริงๆหรือไม่
ไม่มีรถยนต์เป็นของตนเอง
1.ไม่มีที่จอดรถในบ้านค่ะ พี่ต้องฝากรถเอา ซึ่งมีคชจ.อีก
2.บ้านเราอยู่ในตัวเมืองและใกล้เส้นทางรถโดยสารค่ะ สามารถนั่งไปมหาลัยได้ ขับมอเตอร์ไซค์ไปประมาณ15นาที
3.โรงพยาบาลที่พ่อต้องไปอยู่ไม่ไกลมาก เรียกรถประมาณ70บาทเองค่ะ รถโดยสารก็ผ่านด้วย
4.เราเป็นลูกคนเดียว คนที่ขับรถเป็นมีแค่พ่อ(สูงอายุและป่วยอยู่ด้วยค่ะ)
5.เรื่องไปบ้านยาย รถโดยสารก็ผ่านค่ะ จริงๆสามารถขับมอเตอร์ไซค์ไปได้แต่ถ้าดึกๆจะอันตรายค่ะ เลยมักจะติดรถยนต์ไปเพราะพี่และป้าจะไปบ้านยาย(ในส่วนนี้บางครั้งไม่ได้ให้ค่าน้ำมันค่ะ)
6.หลังจากซื้อรถก็มีค่าตรวจสภาพ ค่าประกันค่าอะไรต่างๆมากมาย
คือเราเข้าใจป้านะคะ ว่าครอบครัวเราเป็นภาระจริงๆกับการไม่มีรถยนต์ และต้องพึ่งพารถยนต์ของป้าอยู่หลายครั้ง เรื่องเกิดจากการที่พ่อของเพื่อนแม่เสีย แม่เลยขอช่วยพี่ให้พาไปงานศพค่ะ(เพื่อนแม่มีเรื่องขอให้ช่วย) ป้าก็เลยแซะแม่ว่าไปทำไมหลายครั้ง(ไปรดน้ำศพแล้ว) เปลืองน้ำมัน(ที่แม่ตั้งใจว่าจะออกให้) จนแม่เสียใจมากเลยค่ะ แม่บอกว่าจะไม่นั่งรถป้าอีกแล้ว ถ้านั่งอีกขอให้รถชนเลย บอกว่าทีแม่เลี้ยงดูลูกแกยังไม่คิดจะทวงบุญคุณ บลาๆ ตามภาษาคนเคยสนิทกันค่ะ แล้วบอกให้พ่อซื้อรถได้แล้ว เพราะหลายครั้งแล้วค่ะที่ป้าแสดงอาการแบบนี้ว่าไม่พอใจและเอาไปพูดกับคนอื่นๆ ส่วนลูกพี่ลูกน้องที่มาอยู่บ้านเราก็ไม่พอใจแม่เราค่ะที่ไปโกรธป้า
เราเข้าใจค่ะว่ารถใครใครก็หวง ป้าแกผ่อนมาเองกับมือ เป็นน้ำพักน้ำแรงของแก แต่แกกลับไม่ค่อยได้ใช้ เป็นใครใครก็คงไม่พอใจค่ะ เพิ่มเติมอีกอย่างคือครอบครัวเราไม่เคยทำตัวเหมือนเจ้าของรถเลยนะคะ ไม่เคยวางเอกสารหรือของอะไรทิ้งไว้ในรถค่ะ เวลานั่งเรากับพ่อก็นั่งหลัง แม่นั่งหน้าเป็นบางครั้ง(เมารถ) แล้วก็ไม่เคยเอารถไปขับโดยที่ไม่มีพี่อยู่ด้วยค่ะ เผื่อมีคนเข้าใจผิดว่าป้าแกไม่พอใจเพราะครอบครัวเราทำตัวเหมือนเจ้าของรถ ตอนนี้เลยคิดหนักเลยค่ะ ว่าครอบครัวเราอยู่ในสภาพที่ต้องการใข้รถยนต์และจำเป็นที่จะต้องซื้อจริงๆหรือไม่