โดย Zyo Books : https://www.facebook.com/zyobooks

บทความนี้ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ คิดและเทรดอย่างแชมป์เปี้ยน https://investing.in.th/product/9786169446569/ (ดีมาก ๆ เล่มนี้ มีข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับการเป็นนักเทรดมืออาชีพ เล่มเดียวเอาอยู่ ใครที่อยากเอาจริงในเส้นทางนี้ ควรอ่าน 30 รอบขึ้นไป) ท่านสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

บทความนี้เป็นหน้าแรก ๆ ของหนังสือเล่มนี้ ที่มีค่ามาก เป็นเหมือนกระดุมเม็ดแรกที่มือใหม่ต้องให้เวลาตัวเอง
ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์เทรดระยะสั้น-กลาง หรือลงทุนระยะยาว
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ
๑) กลยุทธ์นั้นต้องสอดคล้องกับความเชื่อของคุณ(แต่ก็ต้องมีการปรับแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ลงตัว)
๒) คุณต้องปรับความเชื่อของคุณให้สอดคล้องกับกลยุทธ์นั้น (ปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ไปเลย)

อย่าให้สวนทางกันเด็ดขาด ถ้าไม่สอดคล้องกัน คุณก็จะ
๑) ไม่สามารถทำตามกฎและแผนการเทรดของคุณได้ตลอดรอดฝั่ง
๒) คุณไม่เชื่อมั่นในกลยุทธ์นั้น เปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ เป็น System hopping - มือใหม่ตลอดกาล)

พี่มาร์ค มิเนอร์วินี(ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้) ยกตัวอย่างตนเองว่า
เขารับไม่ได้กับการขาดทุน ทนถือหุ้นขาดทุนไม่ได้ เจ็บปวดกับมัน
แกจึงเลือกสวิงเทรด ซึ่งเป็นการเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ทำให้แกประสบความสำเร็จอย่างสูง

ความสามารถในการรับความเสี่ยงจึงเป็นกระดุมเม็ดแรกที่มือใหม่ต้องเอามาพิจารณาในการเลือกสไตล์
ถ้ามันสอดคล้องกันกับความเชื่อของคุณ คุณก็จะไม่ทุกข์กับมัน

ผมเห็นหลายคน เจ็บปวดกับการถือหุ้นที่ ลงแล้ว ลงอีก (แต่ไม่ยอมทำอะไร นอกจากตั้งกระทู้)
นั่นหมายความว่า ความเชื่อของคุณกับกลยุทธ์ซื้อแล้วถือ มันสวนทางกันแน่นอนครับ
คุณต้องหาทางเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงตนเองให้สอดคล้องกัน ... ถ้าอยากประสบความสำเร็จ

ถ้าขนาดความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลงตนเอง เจ็บน้อยกว่า การไม่ยอมทำอะไรเลย - คุณจะกล้าเปลี่ยนแปลงครับ

อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงครับ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบถึงขนาดเลือกครั้งแรกแล้วถูกเลย
พี่มาร์คเอง ตอนแรกแกก็หลงใหลในการลงทุนทางพื้นฐาน ซื้อหุ้นแบบวีไอเลย
แต่ปรากฎว่าแกไปไม่รอด หมดตัวจากหุ้นปั่น
จากนั้นแกก็ใช้เวลาทบทวนตัวเอง ว่าทำอะไรพลาดไป จะทำยังไงให้กลับไปเป็นผู้ชนะ
ในที่สุดก็ลงตัวที่การสวิงเทรด ตามกราฟ+พื้นฐาน แบบ CANSLIM

อีกคนหนึ่งที่ชัดมาก คือ มาร์ตี้ ชวาร์ทซ์ 
คนนี้เล่นหุ้นตามพื้นฐานเป็นเวลาสิบปี ขาดทุนยับมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ทำงานเป็นโบรกเกอร์
ในที่สุดแกก็ทนไม่ไหว รีวิวตนเอง ทำยังไงให้เป็นผู้ชนะให้ได้
แล้วก็ลงตัวที่การ "เดย์เทรด"

ทั้งสองกรณีนี้ ผมไม่ได้ด้อยค่าการลงทุนแบบวีไอนะครับ
ผมก็เชื่อว่าน่าจะมีเซียนไม่น้อยที่เริ่มแรกด้วยการเทรดสั้น แล้วรวยจากการเป็นวีไอเช่นกัน
วีไอ(หรือนักเทรดคนิคอล)รวย ๆ มีมากมาย และที่เขารวยเพราะเขารู้ลึกรู้จริง มีความเชี่ยวชาญ
ขณะเดียวกันก็มีวีไอ(หรือนักเทรดคนิคอล)มือสมัครเล่นที่ต้องหมดตัวล้มหายตายจากจำนวนมากกว่าที่สำเร็จหลายสิบเท่า
ทุกกลยุทธ์ ทุกสไตล์ ล้วนร่ำรวยได้ ถ้าคุณเชื่ยวชาญ รู้ลึกรู้จริง
แต่ถ้าไม่รู้ลึกรู้จริง คุณก็มีโอกาสถูกกวาดล้างได้ง่าย ๆ ไม่เกิน 2 ปี

เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่า
๑) มือใหม่ส่วนใหญ่ เข้าตลาดหุ้นเพราะชื่นชอบวีไอกัน

๒) แต่ความเป็นวีไอนั้น ไม่ได้ง่าย -- เทรดสายเทคนิคอล ก็ไม่สามารถรวยได้ง่าย ๆ เช่นกัน
ถ้าคุณเล่นหุ้นแบบซื้อแล้วถือ แล้วเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน จนต้องออกมาตั้งกระทู้
เช่นเดียวกัน หากคุณสวิงเทรด(หรือเดย์เทรด) แล้วตัดขาดทุนทีไร เจ็บปวดใจทุกที
มันสื่อว่าความเชื่อของคุณกับกลยุทธ์นั้น สวนทางกันแน่นอน

๓) ความสำเร็จในการเทรด/ลงทุนนั้น ต้องมีความเชื่ยวชาญ
ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ พัฒนา เคี่ยวกรำตนเอง
โดยมีการขาดทุน ความผิดพลาดเป็นบททดสอบความดีพอของคุณอยู่ตลอด
ถ้าคุณไม่มีใจรักในเกมนี้อย่างจริงจัง คุณก็จะอ่อนแอแล้วแพ้ไปแน่นอน

๔) เพราะ ในตลาดหุ้นนั้น คู่แข่งของคุณไม่ได้มีแค่มือใหม่นะครับ 
แต่เป็นมือโปร เจ้ามือ เซียนหุ้น ที่เขาตั้งใจมากกว่า ทุ่มเทมากกว่า รู้ลึกรู้จริงมากกว่า
และแทบทุกครั้ง เขาจะคิดถูก แต่คุณคิดผิดเสมอ

๕) ดังนั้น ตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้คุณไม่หมดตัว หมดใจ ไปก่อนเวลาอันควร
ก็คือ ความสอดคล้องกันระหว่างความเชื่อกับกลยุทธ์การเทรด/ลงทุนของคุณ
ถ้ามันไปในทิศทางเดียวกัน คุณจะสนุกกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
ความผิดพลาดจะไม่ทำให้คุณเจ็บปวด(รู้สึกแพ้) แต่คุณจะมองว่ามันเป็นบทเรียน(รู้สึกว่าได้รับพร เห็นโอกาสชนะ)

โดยสรุปก็คือ
มันไม่เกี่ยวว่ากลยุทธ์ไหนจะดีกว่ากันครับ มันรวยได้ทั้งนั้นแหละ
แต่กลยุทธ์ที่ดีที่สุด คือกลยุทธ์ที่มันสอดคล้องกับความเชื่อของคุณ
อย่าเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น แต่จงเป็นนักเทรดเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตนเองให้ได้ก็พอครับ
คุณต้องหากลยุทธ์ที่คุณเก่งที่สุดในโลกให้ได้
ถ้าคุณรู้ลึกรู้จริงมากพอ ถ้าคุณเชี่ยวชาญมากพอ ตลาดหุ้นจะให้เงินคุณเป็นประจำแน่นอนครับ