ผมเรียนรู้สัจธรรมจากเรื่องแขกที่มากินกะเพาะปลางานแต่ง"ไม่มีใครสนใจเรื่องเราหรอกครับ คนเราจะสนใจแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น"
เท่าที่ผมสังเกตนะครับ งานแต่ง ทั้งสมัยงานแต่งผม รวมถึงเป็นแขกไปงานแต่งเพื่อน หรือคนอื่นๆ
คนส่วนใหญ่จะสนใจนั่งกินของกินในงาน ก้มหน้าก้มตากินกะเพาะปลาอย่างเอร็ดอร่อยๆ ในงาน
น้อยนักที่จะตั้งใจฟังเจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวที เขาพูดอะไรกัน ยิ่งผู้นำหมู่บ้านขึ้นเวทีปราศัย ก็ไม่วายที่จะเล่าเรื่องตัวเอง บลาๆ
ยิ่งแขกเยอะๆ ส่วนใหญ่ก็นั่งกินกะเพาะปลาอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งบางคนมายังไม่รู้เลยว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีสตอรี่รักกันยังไง และคิดไม่คิดสนใจ
สนใจเพียงกะเพาะปลาอร่อยๆ ที่มาเสิร์ฟตรงหน้าเท่านั้น
ซึ่งไม่แปลกใจเลยครับ เพราะว่าผมก็เป็น ไปงานแต่งเพื่อน ผมยังไม่ค่อยสนใจบนเวทีเลยครับว่า บนเวทีเขาทำอะไรกันบ้าง แล้วพอดีกะเพาะปลางานแต่งเพื่อนอร่อยด้วย น้ำจิ้มก็แซ่บ ผมเลยก้มหน้าก้มตาจ้วงเอา
พอตอนเลิกงาน ผมก็เข้าไปโผ กอด ยินดีกับเพื่อน แล้วก็กลับ
ซึ่งมันทำให้ผมเรียนรู้สัจธรรม ว่า เอาจริงๆ แล้ว คนเรานั้น "ไม่มีใครสนใจเรื่องเราหรอกครับ คนเราจะสนใจแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น"
นอกเสียจากว่า เรื่องนั้น มีส่วนได้ส่วนเสีย คนๆ นั้นก็โฟกัสเริ่มสนใจ
สุดท้ายแล้วทื่จะสื่อคือ ทุกคนเอาจริงๆ เนื้อในแท้ๆ คนเราสนใจแต่เรื่องตัวเอง
สิ่งผมจะสื่อคือ ถ้าเรามัวแต่ไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา จนไม่กล้าทำอะไรเป็นตัวของตัวเองนั้น กลัวคนนั้นคนนี้ หรือแคร์ว่าเราจะทำอะไรนั้น เป็นเรื่องที่เสียเวลาชีวิต ให้โฟกัสแต่เรื่องของตัวเอง ไม่เอาเวลาไปคิดว่าใครจะนินทาอะไรเรา หรือ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องคนอื่นที่ดูแล้วเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่มีมานั่งสนใจว่าเราจะทำอะไรหรอกครับ ดังนั้น เราคิดอยากจะทำสิ่งไหนลองผิดลองถูกทำไปเถอะครับ เพราะเวลาไม่ได้เดินเป็นวงกลมเหมือนเข็มนาฬิกา แท้ที่จริงนั้นเวลาเดินเป็นเส้นตรง และจะไม่มีวันหวนกลับไปได้อีก ซึ่งเราจะแก่ตัวลงทุกวัน แล้วพอกลับมาย้อนคิดจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลงมือทำมัน ลงมือทำไปเลย ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
อย่างที่บอกครับ ไม่มีใครสนใจเรา เป็นเพียง nobody เพราะคนเราจะสนใจเรื่องของตัวเองเท่านั้น ยิ่งถ้าเราไปสนใจเรื่องคนอื่นมากจนเกินไป ก็จะทำให้เสียเวลาชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์
ถ้าอยากเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก หรือที่เรียกว่าตำนาน หรือ someone คือ ต้องสร้างคุณประโยชน์อะไรบางอย่างให้กับมนุษยชาติ จนเป็นที่จดจำ
เช่น เป็นคนคิดค้นหลอดไฟคนแรก
คิดค้นรถยนต์คนแรก
คิดค้นมือถือแบบสไลด์หนอนหน้าจอคนแรก โดยที่ไม่มีปุ่ม
คิดค้นสูตรสัมพันธภาพคนแรก
คิดค้นเครื่องบินคนแรก
คิดค้น บลาๆ ประมาณนั้น
ที่พิมพ์มาเพื่อนๆ อาจจะคิดว่าผมเพ้อเจ้อก็เป็นได้ หลายๆ อย่างอาจจะเป็นสิ่งที่จำๆ เขามาอีกทีในโซเชี่ย
เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไร?
ผมเรียนรู้สัจธรรมจากเรื่องแขกที่มากินกะเพาะปลางานแต่ง"ไม่มีใครสนใจเรื่องเราหรอกครับ คนเราจะสนใจแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น"
ผมเรียนรู้สัจธรรมจากเรื่องแขกที่มากินกะเพาะปลางานแต่ง"ไม่มีใครสนใจเรื่องเราหรอกครับ คนเราจะสนใจแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น"
เท่าที่ผมสังเกตนะครับ งานแต่ง ทั้งสมัยงานแต่งผม รวมถึงเป็นแขกไปงานแต่งเพื่อน หรือคนอื่นๆ
คนส่วนใหญ่จะสนใจนั่งกินของกินในงาน ก้มหน้าก้มตากินกะเพาะปลาอย่างเอร็ดอร่อยๆ ในงาน
น้อยนักที่จะตั้งใจฟังเจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวที เขาพูดอะไรกัน ยิ่งผู้นำหมู่บ้านขึ้นเวทีปราศัย ก็ไม่วายที่จะเล่าเรื่องตัวเอง บลาๆ
ยิ่งแขกเยอะๆ ส่วนใหญ่ก็นั่งกินกะเพาะปลาอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งบางคนมายังไม่รู้เลยว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีสตอรี่รักกันยังไง และคิดไม่คิดสนใจ
สนใจเพียงกะเพาะปลาอร่อยๆ ที่มาเสิร์ฟตรงหน้าเท่านั้น
ซึ่งไม่แปลกใจเลยครับ เพราะว่าผมก็เป็น ไปงานแต่งเพื่อน ผมยังไม่ค่อยสนใจบนเวทีเลยครับว่า บนเวทีเขาทำอะไรกันบ้าง แล้วพอดีกะเพาะปลางานแต่งเพื่อนอร่อยด้วย น้ำจิ้มก็แซ่บ ผมเลยก้มหน้าก้มตาจ้วงเอา
พอตอนเลิกงาน ผมก็เข้าไปโผ กอด ยินดีกับเพื่อน แล้วก็กลับ
ซึ่งมันทำให้ผมเรียนรู้สัจธรรม ว่า เอาจริงๆ แล้ว คนเรานั้น "ไม่มีใครสนใจเรื่องเราหรอกครับ คนเราจะสนใจแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น"
นอกเสียจากว่า เรื่องนั้น มีส่วนได้ส่วนเสีย คนๆ นั้นก็โฟกัสเริ่มสนใจ
สุดท้ายแล้วทื่จะสื่อคือ ทุกคนเอาจริงๆ เนื้อในแท้ๆ คนเราสนใจแต่เรื่องตัวเอง
สิ่งผมจะสื่อคือ ถ้าเรามัวแต่ไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา จนไม่กล้าทำอะไรเป็นตัวของตัวเองนั้น กลัวคนนั้นคนนี้ หรือแคร์ว่าเราจะทำอะไรนั้น เป็นเรื่องที่เสียเวลาชีวิต ให้โฟกัสแต่เรื่องของตัวเอง ไม่เอาเวลาไปคิดว่าใครจะนินทาอะไรเรา หรือ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องคนอื่นที่ดูแล้วเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่มีมานั่งสนใจว่าเราจะทำอะไรหรอกครับ ดังนั้น เราคิดอยากจะทำสิ่งไหนลองผิดลองถูกทำไปเถอะครับ เพราะเวลาไม่ได้เดินเป็นวงกลมเหมือนเข็มนาฬิกา แท้ที่จริงนั้นเวลาเดินเป็นเส้นตรง และจะไม่มีวันหวนกลับไปได้อีก ซึ่งเราจะแก่ตัวลงทุกวัน แล้วพอกลับมาย้อนคิดจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลงมือทำมัน ลงมือทำไปเลย ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
อย่างที่บอกครับ ไม่มีใครสนใจเรา เป็นเพียง nobody เพราะคนเราจะสนใจเรื่องของตัวเองเท่านั้น ยิ่งถ้าเราไปสนใจเรื่องคนอื่นมากจนเกินไป ก็จะทำให้เสียเวลาชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์
ถ้าอยากเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก หรือที่เรียกว่าตำนาน หรือ someone คือ ต้องสร้างคุณประโยชน์อะไรบางอย่างให้กับมนุษยชาติ จนเป็นที่จดจำ
เช่น เป็นคนคิดค้นหลอดไฟคนแรก
คิดค้นรถยนต์คนแรก
คิดค้นมือถือแบบสไลด์หนอนหน้าจอคนแรก โดยที่ไม่มีปุ่ม
คิดค้นสูตรสัมพันธภาพคนแรก
คิดค้นเครื่องบินคนแรก
คิดค้น บลาๆ ประมาณนั้น
ที่พิมพ์มาเพื่อนๆ อาจจะคิดว่าผมเพ้อเจ้อก็เป็นได้ หลายๆ อย่างอาจจะเป็นสิ่งที่จำๆ เขามาอีกทีในโซเชี่ย
เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไร?