นมผงคือตัวชี้วัดว่าผู้ให้กำเนิด หรือผู้ปกครอง สู้ราคาเพื่อให้เด็ก ในช่วงที่ไม่รู้ว่ามันสื่อสารอะไรกับเรา ได้กินอะไรที่เราวางใจได้ขนาดไหน
ผ่าคลอดหรือไม่แต่นมออกช้า แม่เด็กร้องไห้ปั๊มนมไม่ออก เขาต้องหานมที่ทำให้ "ความกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายในอนาคต" อยู่ห่างไกลมากที่สุด
ในชีวิตเราไม่เคยทำใครท้อง เราเจอญาติขอให้ช่วยค่านมผง เราไม่กล้าต่อรองว่าเอาตัวที่ถูกๆ หน่อยได้มั๊ย เพราะชีวิตเด็กมันเดินไปข้างหน้า ถ้านมมันไม่ถึง ก็อาจบรรลัยตลอดชีวิต นมผงบางทีมันก็ขายดีเพราะความกลัว มีความรู้เป็นกอง เจอศัพท์แสงข้างกล่องสารพัดตัวย่อ มันทำลายความมั่นใจลงไปเยอะ
กว่าเด็กจะโตมาได้ เงินเติมเน็ตมือถือพ่อแม่เดือนละหลายร้อยก็ต้องหัดเล่น หัดใช้หาข้อมูล เพื่อไป vs กับ pc ขายนมตามห้าง อยู่บ้านนอกคุณจะได้เจอ pc นมผงสะกดจิต hard sales ทำเราเปลี้ยแล้วเสียเงิน สารพัดเล่มเกวียนเลยล่ะ เราเคยทำงานห้าง เรารู้ดี พวกนี้มีอบรมหนักหน่วง ทำงานห้างเงินน้อย เป็น pc มีโอกาสดีกว่า แต่งตัวสวย มีคนรับส่ง ไม่ต้องแบกหามซอมซ่ออย่างเรา
พอโตมาเริ่มขับถ่ายเอง อ้อแอ้โต้ตอบสื่อสารได้ "นมผงเพื่อพัฒนาการของเด็ก" ก็ต้องตามมาติดๆ นมโฆษณาดาราเลือกให้ลูกดื่ม หรือส่งเสริมให้ฉลาดออกนอกโลก ปิ้งๆ มันเริ่มหลอกเราไม่ได้ละ เอ็งกินนมธรรมดาแล้วไม่ป่วยก็โอเคละ แต่เราก็แอบซื้อให้ลูกกินเป็นช่วงๆ อยู่ดี กลัวเด็กมันสู้เค้าไม่ได้ เราเป็นพ่อแม่ที่บกพร่อง คำพิพากษานี้มันเจ็บจริง
พอเด็กเริ่มเข้าสู่ช่วงออกไปเจอโลกที่ไม่ใช่เซฟโซน เช่น โรงเรียน ตัดไปก่อนว่าโรงเรียนจะยำเด็กเละเทะยังไง เราเน้นการเดินทาง
รถที่พาไปกลับรับส่ง เราจะต้องเป็นหนี้ 5 ปี 7 ปี เอารถ เบาะเด็ก มากันแดด ฝน ร้อน หนาว ยุง อุบัติเหตุ ให้ลูก ที่ต้องใช้การยกตัวอย่างระยะผ่อน 5 ปี 7 ปี เพราะ มันบ่งบอกว่า แค่มีลูก เลี้ยงจนโตไปโรงเรียนได้ ก็ตึงมืออยู่แล้ว นี่ยังต้องทำให้เด็กไปกลับโรงเรียนอย่างไร้ปัญหากลางทาง
รถคือหนี้ก้อนใหญ่ มันคือปัญหาคนเงินเดือนเรตเท่านี้ต้องประสาทกิน ลามมาถึงเรา แค่เขาสัญญาเลิกเหล้า บุหรี่ พนัน มีเงินเข้าบ้าน คุณเต็มที่กับค่างวดรถ ได้ขับรถส่งลูกตามฝัน ไม่ต้องเด้งๆ คลุกคลิกเสี่ยงตายในรถโรงเรียนก็พอ เราจะช่วยค่าอยู่กิน เท่าที่ญาติพึงช่วย ปัจจุบันเค้าโชคดีที่ลูกโตไม่มีปัญหา หนี้รถหมด เมียเค้าถูกหวย แต่เสียดายที่เค้าไม่มีโอกาสตอบแทนเรา เขากลายเป็นผงไปแล้ว
รถที่รับส่งไปกลับนี่ล่ะ ดูเหมือนไม่มีอะไร คิดให้ลึกซึ้ง มันบ่งบอกได้ว่า รักลูกไหม หรือตายกลางทางช่างมัน บางคนมีได้แค่ให้ลูกขึ้นรถดัดแปลงเป็นพาหนะรับส่ง ติดไฟแว้บๆ บนหลังคา ก็ดีที่สุดสำหรับเค้าแล้ว ฝากชีวิต เงินลงทุนก้อนใหญ่ เวลาฟูมฟัก "อินทรีย์สารที่เต็มไปด้วย dna พวกเรา" ไว้ที่หลังพวงมาลัยรถรับจ้าง เจอคนดีหน่อย รถไม่แน่น ไม่ฝนสาด ส่งถึงแล้วโทรบอก มันคงพอรับได้ล่ะ
มีช่วงนึงเรานั่งเล่นเฝ้าร้านเน็ต พวกเด็กได้รับนมโรงเรียน แบกลังนมมาวางฝากร้านเรา บอกว่าแบกไม่ไหว ขึ้นรถได้คนอื่นก็ลำบาก ลงสองแถวเดินถึงบ้านมันกิโลนึง เดี๋ยวให้แม่ขี่รถมาเอา ตอนนี้เด็กต้องขึ้นสองแถวกลับบ้าน แม่โทรมาที่ร้านว่าร้านอยู่ไหน เราเสนอซื้อนมโรงเรียนลังนี้ ด้วยราคานมวัวแดง (ตอนนี้แพค 12 มันจะ 200 แล้วนะ ช่วงโควิดนี่ 140 ยังมีทอน) แม่เด็กบอกเลขบัญชี เราโอนซื้อ จบเลย เราไม่อยากเสี่ยงให้เด็กกำพร้าแม่ บ้านเค้ากับร้านเรา ถนนมันขับรถแย่
เมื่อรถมันเคลื่อนที่ไป บนถนนมันไม่ได้มีรถเราคันเดียว และใช่ว่าจะระมัดระวังเต็มที่เหมือนเรา มันคงเป็นเรื่องปกติ ที่อาทิตย์นึง กระจกรถเราจะพลิกสักสองที เพราะมอไซค์มุดมาเกี่ยว พับกลับก็จบ ถ้าเจอรถมาครูด จิ้ม เราคิดล่ะว้าคุ้มจริงที่มีรถ เพราะถ้ามันไม่ครูดรถ มันครูดเนื้อคนเลยนะ รถล้มข้างถนน โดนดีดน้ำท่วมหัว เด็กเสื้อนักเรียนฉ่ำโคลน ถ้ารถมีสี่ล้อคงไม่ล้ม มีกระจกบังคงไม่เลอะ หนักเข้าคือฝ่าไฟแดงมาชนข้าง แบบนี้รถอะไรจะมารอด คนไม่เป็นไร แต่ แล้วชีวิตจะไปต่อยังไง ประกันชั้นหนึ่งไม่ได้ทำให้พรุ่งนี้เรามีรถไปส่งลูกสักหน่อย แม้มีรถหลายคันขับคันสำรองมาแทนได้ แต่เวลาชีวิตก็เสียไปอีกหลายเดือนกับคดีความ ถ้าคนเป็นอะไรขึ้นมาอีก จากอุบัติเหตุนี้ ความท้อมันจะลูกใหญ่ขึ้น ชีวิตคงไปต่อไม่ไหว
มันเป็นชีวิตที่ยากจริงๆ สำหรับคนปริ่มเส้นความยากจนในยุคนี้ งานก็ยาก ชีวิตก็เงื่อนไขเยอะ เมื่อก่อนขี่จักรยานไปเรียนได้ เอานมข้นละลายน้ำร้อนเลี้ยงลูกได้ หิวก็ปอกกล้วยลูกนึงจบ วันนี้คนเยอะ เรื่องเยอะ เงื่อนไขดำรงชีพก็เยอะ เห็นใจทุกคนเลย
การเลือกรถเพื่อชีวิตของเด็กบนถนน ระหว่างบ้าน รร ไม่ต่างอะไรกับการเลือกนมผงให้ลูกดื่ม
ผ่าคลอดหรือไม่แต่นมออกช้า แม่เด็กร้องไห้ปั๊มนมไม่ออก เขาต้องหานมที่ทำให้ "ความกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายในอนาคต" อยู่ห่างไกลมากที่สุด
ในชีวิตเราไม่เคยทำใครท้อง เราเจอญาติขอให้ช่วยค่านมผง เราไม่กล้าต่อรองว่าเอาตัวที่ถูกๆ หน่อยได้มั๊ย เพราะชีวิตเด็กมันเดินไปข้างหน้า ถ้านมมันไม่ถึง ก็อาจบรรลัยตลอดชีวิต นมผงบางทีมันก็ขายดีเพราะความกลัว มีความรู้เป็นกอง เจอศัพท์แสงข้างกล่องสารพัดตัวย่อ มันทำลายความมั่นใจลงไปเยอะ
กว่าเด็กจะโตมาได้ เงินเติมเน็ตมือถือพ่อแม่เดือนละหลายร้อยก็ต้องหัดเล่น หัดใช้หาข้อมูล เพื่อไป vs กับ pc ขายนมตามห้าง อยู่บ้านนอกคุณจะได้เจอ pc นมผงสะกดจิต hard sales ทำเราเปลี้ยแล้วเสียเงิน สารพัดเล่มเกวียนเลยล่ะ เราเคยทำงานห้าง เรารู้ดี พวกนี้มีอบรมหนักหน่วง ทำงานห้างเงินน้อย เป็น pc มีโอกาสดีกว่า แต่งตัวสวย มีคนรับส่ง ไม่ต้องแบกหามซอมซ่ออย่างเรา
พอโตมาเริ่มขับถ่ายเอง อ้อแอ้โต้ตอบสื่อสารได้ "นมผงเพื่อพัฒนาการของเด็ก" ก็ต้องตามมาติดๆ นมโฆษณาดาราเลือกให้ลูกดื่ม หรือส่งเสริมให้ฉลาดออกนอกโลก ปิ้งๆ มันเริ่มหลอกเราไม่ได้ละ เอ็งกินนมธรรมดาแล้วไม่ป่วยก็โอเคละ แต่เราก็แอบซื้อให้ลูกกินเป็นช่วงๆ อยู่ดี กลัวเด็กมันสู้เค้าไม่ได้ เราเป็นพ่อแม่ที่บกพร่อง คำพิพากษานี้มันเจ็บจริง
พอเด็กเริ่มเข้าสู่ช่วงออกไปเจอโลกที่ไม่ใช่เซฟโซน เช่น โรงเรียน ตัดไปก่อนว่าโรงเรียนจะยำเด็กเละเทะยังไง เราเน้นการเดินทาง
รถที่พาไปกลับรับส่ง เราจะต้องเป็นหนี้ 5 ปี 7 ปี เอารถ เบาะเด็ก มากันแดด ฝน ร้อน หนาว ยุง อุบัติเหตุ ให้ลูก ที่ต้องใช้การยกตัวอย่างระยะผ่อน 5 ปี 7 ปี เพราะ มันบ่งบอกว่า แค่มีลูก เลี้ยงจนโตไปโรงเรียนได้ ก็ตึงมืออยู่แล้ว นี่ยังต้องทำให้เด็กไปกลับโรงเรียนอย่างไร้ปัญหากลางทาง
รถคือหนี้ก้อนใหญ่ มันคือปัญหาคนเงินเดือนเรตเท่านี้ต้องประสาทกิน ลามมาถึงเรา แค่เขาสัญญาเลิกเหล้า บุหรี่ พนัน มีเงินเข้าบ้าน คุณเต็มที่กับค่างวดรถ ได้ขับรถส่งลูกตามฝัน ไม่ต้องเด้งๆ คลุกคลิกเสี่ยงตายในรถโรงเรียนก็พอ เราจะช่วยค่าอยู่กิน เท่าที่ญาติพึงช่วย ปัจจุบันเค้าโชคดีที่ลูกโตไม่มีปัญหา หนี้รถหมด เมียเค้าถูกหวย แต่เสียดายที่เค้าไม่มีโอกาสตอบแทนเรา เขากลายเป็นผงไปแล้ว
รถที่รับส่งไปกลับนี่ล่ะ ดูเหมือนไม่มีอะไร คิดให้ลึกซึ้ง มันบ่งบอกได้ว่า รักลูกไหม หรือตายกลางทางช่างมัน บางคนมีได้แค่ให้ลูกขึ้นรถดัดแปลงเป็นพาหนะรับส่ง ติดไฟแว้บๆ บนหลังคา ก็ดีที่สุดสำหรับเค้าแล้ว ฝากชีวิต เงินลงทุนก้อนใหญ่ เวลาฟูมฟัก "อินทรีย์สารที่เต็มไปด้วย dna พวกเรา" ไว้ที่หลังพวงมาลัยรถรับจ้าง เจอคนดีหน่อย รถไม่แน่น ไม่ฝนสาด ส่งถึงแล้วโทรบอก มันคงพอรับได้ล่ะ
มีช่วงนึงเรานั่งเล่นเฝ้าร้านเน็ต พวกเด็กได้รับนมโรงเรียน แบกลังนมมาวางฝากร้านเรา บอกว่าแบกไม่ไหว ขึ้นรถได้คนอื่นก็ลำบาก ลงสองแถวเดินถึงบ้านมันกิโลนึง เดี๋ยวให้แม่ขี่รถมาเอา ตอนนี้เด็กต้องขึ้นสองแถวกลับบ้าน แม่โทรมาที่ร้านว่าร้านอยู่ไหน เราเสนอซื้อนมโรงเรียนลังนี้ ด้วยราคานมวัวแดง (ตอนนี้แพค 12 มันจะ 200 แล้วนะ ช่วงโควิดนี่ 140 ยังมีทอน) แม่เด็กบอกเลขบัญชี เราโอนซื้อ จบเลย เราไม่อยากเสี่ยงให้เด็กกำพร้าแม่ บ้านเค้ากับร้านเรา ถนนมันขับรถแย่
เมื่อรถมันเคลื่อนที่ไป บนถนนมันไม่ได้มีรถเราคันเดียว และใช่ว่าจะระมัดระวังเต็มที่เหมือนเรา มันคงเป็นเรื่องปกติ ที่อาทิตย์นึง กระจกรถเราจะพลิกสักสองที เพราะมอไซค์มุดมาเกี่ยว พับกลับก็จบ ถ้าเจอรถมาครูด จิ้ม เราคิดล่ะว้าคุ้มจริงที่มีรถ เพราะถ้ามันไม่ครูดรถ มันครูดเนื้อคนเลยนะ รถล้มข้างถนน โดนดีดน้ำท่วมหัว เด็กเสื้อนักเรียนฉ่ำโคลน ถ้ารถมีสี่ล้อคงไม่ล้ม มีกระจกบังคงไม่เลอะ หนักเข้าคือฝ่าไฟแดงมาชนข้าง แบบนี้รถอะไรจะมารอด คนไม่เป็นไร แต่ แล้วชีวิตจะไปต่อยังไง ประกันชั้นหนึ่งไม่ได้ทำให้พรุ่งนี้เรามีรถไปส่งลูกสักหน่อย แม้มีรถหลายคันขับคันสำรองมาแทนได้ แต่เวลาชีวิตก็เสียไปอีกหลายเดือนกับคดีความ ถ้าคนเป็นอะไรขึ้นมาอีก จากอุบัติเหตุนี้ ความท้อมันจะลูกใหญ่ขึ้น ชีวิตคงไปต่อไม่ไหว
มันเป็นชีวิตที่ยากจริงๆ สำหรับคนปริ่มเส้นความยากจนในยุคนี้ งานก็ยาก ชีวิตก็เงื่อนไขเยอะ เมื่อก่อนขี่จักรยานไปเรียนได้ เอานมข้นละลายน้ำร้อนเลี้ยงลูกได้ หิวก็ปอกกล้วยลูกนึงจบ วันนี้คนเยอะ เรื่องเยอะ เงื่อนไขดำรงชีพก็เยอะ เห็นใจทุกคนเลย