เลี้ยงลูกสาววัยรุ่น ของคุณพ่อแม่วัยหนุ่มสาว

ตั้งหัวข้อขึ้นมาก็ทำเอางงแล้วครับ ผมถึงกับต้องไปหาข้อมูลในกูเกิ้ลเลยครับว่าพ่ออายุ 39 เรียกว่าวัยอะไร แล้วลูกสาวอายุ 19 เรียกว่าวัยอะไร 
ก็เลยเป็นที่มาของหัวข้อ เลี้ยงลูกสาววัยรุ่น ของคุณพ่อแม่วัยหนุ่มสาว 
เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องของเรื่องคือผมอยากจะแชร์วิธีเลี้ยงลูกที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นให้เพื่อน ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าวิธีของผมถูก เพราะการเลี้ยงลูกของแต่ล่ะครอบครัวไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ลูกสาวผมเริ่มเป็นวัยรุ่น ก็เริ่มตั้งแต่ ม.4 ผมก็สังเกตและก็คุยกับแฟนมาตลอดว่า สงสัยว่าพ่อแม่ของเพื่อนลูก คงมีแค่เราล่ะมั้งที่อายุน้อยที่สุด คือมีลูกเร็วนั่นแหละ

            แล้วก็จะได้ยินลูกพูดบ่อย ๆ ว่าเพื่อนต้องคอยโกหกพ่อแม่เวลาไปไหน ไปเที่ยวไหน ไปกับแฟนบอกไปกับเพื่อน ไปดูหนังบอกไปทำงานกลุ่ม ผมก็คุยกับแฟนว่าทำไมเพื่อนลูกต้องโกหก หรืออาจจะเป็นวิธีการเลี้ยงของคนมีอายุสมัยก่อนที่เคร่งครัด จนทำให้เด็ก ๆ ต้องโกหก ก็เลยมองตัวเองย้อนไปในตอนวัยรุ่น พ่อแม่จะบอกเสมอ ห้ามมีแฟน ห้ามเที่ยวกลางคืน ห้ามกินเหล้าสูบบุหรี่ แต่ผมก็ทำทั้งหมดที่พ่อแม่ห้าม

            ผมก็เลยมาเปรียบเทียบดูว่า เออวิธีการเลี้ยงลูกเรานี่แตกต่างจากพ่อแม่เลี้ยงเรามาอย่างสิ้นเชิงเลยเว้ย ผมจะบอกกับลูกเสมอว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจต้องคุยกับพ่อแม่ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเรื่องแฟน เพื่อน หรือเรื่องเรียน เรื่องแฟนมีได้พ่อแม่ไม่ว่า เพราะการมีแฟนในวัยเรียนจะทำให้เราอยากไปโรงเรียนเพื่อจะไปเจอแฟน อันนี้คือความคิดและรู้สึกของผม บ้านอื่นเป็นยังไงไม่เกี่ยวนะครับ 

           มาเรื่องแฟนกันก่อนเลย ผมบอกลูกเสมอว่ามีแฟนในวัยเรียนไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และต้องบอกพ่อแม่เสมอ โอเคลูกบอกตลอดว่ามีแฟนนะ เคยขอพ่อแม่ไปดูหนังกับแฟน ไปลอยกระทงกับแฟน ไปกินไอศกรีมกับแฟน โอเคพ่อแม่อนุญาตแต่ แต่ แต่ พ่อแม่จะเป็นคนไปรับก็อเคไปนั่นนี่กับแฟนได้

           พอถึงวัยที่เข้าเรียนมหาลัยก็จะมีความคิดที่อยากจะไปอยู่หอ เราก็เข้าใจแหละว่าต้องการอิสระ เพราะตอนเราอายุเท่านั้นเรายังไปนอนค้างแต่บ้านเพื่อน ก็โอเคเข้ามหาลัยอยู่หอได้แต่ไม่อยู่คนเดียวถ้าอยู่คนเดียวไปอยู่หอใน โอเคลูกก็ไปอยู่หอนอกกับเพื่อนสนิทที่เข้ามหาลัยเดียวกันได้ แต่อยู่คนละคณะ
ทีนี้เราก็เป็นห่วงเรื่องเที่ยว กินเหล้า แต่จริง ๆ ลูกกินแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ มอปลายแล้ว ซึ่งเราเองก็รับรู้เพราะลูกบอกตลอด ก็จะมีบ้างที่ซื้อมากิน 3 คน พ่อ แม่ ลูก เป็นบางโอกาส ก็จะสอนเสมอว่ากินเหล้าได้พ่อแม่ไม่ว่า แต่ แต่ แต่อย่ากินแล้วทิ้งตัว อย่ากินจนเมาแล้วภาพตัด ผมก็จะคอยพาลูกไปนั่งกินอาหารแล้วถามตลอดว่าเอาแอลกอฮอล์มั้ย อยากลองกินอะไรก็สั่งมาเลย ก็จะสั่งมาตลอด ไม่ว่าจะสปาย เบียร์ โซจู เหล้าปั่น ผมกับแฟนก็จะกินกับลูกตลอด ( ผมกับแฟนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากสังสรรค์นิด ๆ หน่อย ๆ 1-2 แก้ว ปกติอยู่บ้านจะไม่แตะเลย ) ก็โอเคลูกกินเป็น รู้ลิมิตว่าแค่ไหนเมาแล้วพอ 

           เริ่มเรียนมหาลัย ก็มีสังคมใหม่ เริ่มเที่ยวร้านเหล้าวันศุกร์แรกของการออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอก ลูกสาวโทรมาบอกว่า ขอไปเที่ยวร้านเหล้านะ 5555 มาไวกว่าที่คิดเว้ยผมคุยกับแฟน โอเคเราต้องไว้ใจลูก ก็ถามแค่ว่ากินที่ไหน กินกับใคร โอเคลูกบอกร้าน ไปกินกับเพื่อน แล้วผมก็ปิดท้ายว่าอย่ากลับดึกนะลูก โอเคเที่ยงคืนลูกส่งมาบอกว่ากลับแล้วนะแต่นอนหอเพื่อน ขี่รถกลับหอไม่ไหวผมกับแฟนก็ไม่มีปัญหาอะไรโอเค เราต้องเชื่อใจลูก ไม่ต้องคอยโทรตาม โทรถาม ผ่านไปซัก 2 เดือน ลูกก็บอกว่าหนูมีแฟนแล้วนะ ผมก็ไม่ถามนะว่าเป็นใคร บ้านอยู่ไหน ทำอะไร เรียนอะไร พ่อแม่ทำงานอะไร เหมือนที่พ่อแม่ผมเคยถามเมื่อตอนผมเป็นวัยรุ่นแล้วรู้ว่าผมมีแฟน ผมก็ถามแค่ว่า ใครเป็นคนจีบใคร ลูกไปจีบเขาหรือเขามาจีบลูก บรรยากาศผ่อนคลายไปในทันที ลูกก็บอกว่าลูกพ่อออกจะสวยขนาดนี้เขาก็มาจีบสิ แล้วเมื่อไหร่จะพามาเปิดตัว ลูกก็บอกว่ายังก่อน เพราะพามาให้พ่อแม่เจอทีไรเลิกกันทุกที กลัวเฟล โอเคไม่ว่ากัน พร้อมเมื่อไหร่ อยากเปิดตัวเมื่อไหร่ก็บอก

           มาเข้าเรื่องที่พ่อแม่กังวลมากที่สุดเลยคือเรื่องเพศ ผมกับแฟนกังวลที่สุดเลยคือเรื่อง sex นี่แหละ เพราะอะไร เพราะผมกับแฟนเคยพลาดมาก่อน ท้องในวัยที่ยังไม่พร้อมแล้วมันลำบากแค่ไหน ไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก ก็จะบอกกับลูกเสมอว่าเรื่อง sex ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามนะลูก แต่ต้องรู้จักป้องกันจะบอกเสมอเวลาที่กลับมาบ้าน ต้องรู้จักป้องกันนะลูก มีอะไรต้องปรึกษาพ่อแม่ก่อนนะ ถ้ามีอะไรพลาดพลั้งเรายังช่วยกันหาทางแก้ไข อย่าให้เหมือนพ่อกับแม่พ่อเจอปัญหาไม่ปรึกษาใคร คิดแก้ปัญหากันเอง พากันหนี้ออกมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ดี พ่อแม่ไม่อยากให้ลำบาก ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยหรือมันพลาดอะไรขึ้นมาต้องบอกพ่อกับแม่ก่อนนะ ไม่ต้องกลัว พ่อกับแม่จะไม่ด่า หรือว่าลูกเราจะได้หาทางแก้ไขได้ไว ก็ผ่านไปเราต้องไว้ใจลูก ก็คุยกับลูกตลอดว่าเป็นไงมั่งเรื่องแฟน ลูกก็บอกตลอดว่าโอเคจะไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ไปร้านเหล้าก็จะตกลงกับแฟนเสมอว่า ผลัดกันกินคนล่ะวัน เราก็ถามว่ามันยังไง ลูกก็บอกว่าถ้าวันนี้ถึงคิวลูกกินแอลกอฮอล์ แฟนก็ต้องห้ามกินต้องคอยขี่รถพากลับ พาไปเข้าห้องน้ำ เผื่อเวลาเมาเกินไปก็พากลับมาส่งที่หอ ก็ถามกลับว่าแล้วถ้าเกิดถึงคิวแฟนกินล่ะ ลูกก็บอกว่าลูกก็ต้องขี่รถไปส่งแฟนที่หอไง เราก็บอกเออก็ดีนะแบบนี้ผลัดกันกินคนล่ะวัน

            เข้าสู่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สอบเสร็จปิดเทอม จบปี 1 ลูกก็บอกว่าให้มารับลูกด้วยเดี๋ยวทำไรมากินด้วยกันที่หอลูก ก็ถามถึงแฟนลูกว่ามากินด้วยไหม ลูกก็หันไปถามแฟนซึ่งอยู่ด้วยกันพอดี ก็ตกลง ได้เวลาเปิดตัวแฟนก็ตื่นเต้นนะ พาแฟนมากินข้าวด้วย พอถึงวันนัดแฟนก็ทำกับข้าวไป 2 อย่าง ลูกทำกับข้าวรอ 2 อย่างไม่บอกกัน ก็ไปนั่งกินข้าวคุยกัน ก็คุยโน่น นี่ นั่นแบบไม่ให้ลูกอึดอัด ก็ถามเรื่องเรียนว่าเป็นไง ยากไหม ใครขี้งอนกว่ากัน คบกันต้องคอยเตือนกันนะว่าอะไรไม่ดี ถ้าลูกพ่อทำอะไรที่มันไม่ดีก็ต้องโทรมาฟ้องได้เลยนะก็โอเค ไม่ตึงเครียด เป็นกันเอง ก็รู้สึกได้ว่าแฟนลูกป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อแม่ของตัวเอง
ก็ผ่านเรื่องแฟนไป พอเราได้เจอก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่เรื่องแฟนลูกก็ต้องไว้ใจลูกเนอะ อย่าไปคอยห้าม เราพ่อแม่ก็ทำได้แค่คอยซัพพอร์ตลูกในมุก ๆ ทาง เรื่องดีก็ฉลองเรื่องร้ายก็ปลอบใจ แต่ก็ยังไม่เจอเรื่องร้าย ก็ได้แต่หวังไว้ว่าถ้าเจอเรื่องร้ายก็ขอให้มาปรึกษาพ่อแม่แค่นั้น
   
            สำหรับวิธีการเลี้ยงลูกวัยรุ่น ของพ่อแม่วัยหนุ่มสาวก็มีแค่นี้แหละ แค่ไม่ห้ามลูกในทุกเรื่อง แต่เปลี่ยนมาบอกว่าทำยังไงให้ถูกวิธีแค่นั้น วิธีเลียงของผมก็อาจจะไม่ได้เหมือนของบ้านอื่น แล้วก็อาจจะไม่ได้ถูกหรือผิด อยู่ที่มุมมองของคนเลี้ยงมากกว่า ว่าเราต้องการให้ลูกเราเป็นยังไง อยากให้ลูกเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่ในทุก ๆ เรื่องที่บอก สำหรับผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก แค่อยากให้ลูกคิดว่าพ่อแม่เป็นเพื่อนที่สามารถแชร์เรื่องราวไม่ว่าสุข หรือทุก ร้ายหรือดีได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นยังไงถ้าบอกไปแล้วจะโดนด่า ว่าหรือตีไหม แค่นั้นแหละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่