ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ถูกสแกมเมอร์หลอกที่เซี่ยงไฮ้ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับท่านชายหัวใจเปลี่ยวเหงาทุกท่านครับ บอกไว้ก่อนเลยว่ายาวมาก เหมาะสำหรับผู้รักการอ่านเป็นอย่างยิ่ง แล้วผมโพสต์หลายที่หน่อยนะ เผื่อใครไปเจอที่อื่นก็อย่าแปลกใจ อุตส่าห์เสียเวลาพิมพ์แล้วต้องเอาให้คุ้ม
สัปดาห์ก่อนที่ทำงานผมส่งมาดูงานที่เซี้ยงไฮ้ มีเวลาให้ท่องเที่ยวก่อนกลับบ้าน 2-3 วัน ก็เลยเกิดความคิดว่าอยากหาคนแถวนี้ไว้เป็นเพื่อนพาเที่ยว คือต้องบอกก่อนว่าปกติเวลาผมมี business trip ที่ต่างประเทศจะชอบทำความรู้จักคนในประเทศนั้นๆให้คอยพาเที่ยวเป็นประจำอยู่แล้ว แต่มักจะใช้แอปฝึกภาษาต่างๆ เพราะนอกจากที่จะช่วยให้ได้เจอคนที่มีคุณภาพ สนใจในการศึกษามากกว่าแอปอื่นๆแล้วยังช่วยคัดคนที่พอจะรู้ภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ภาษาไทยในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักอีกด้วย แต่คราวนี้เดินทางมาประเทศจีนครั้งแรก ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่ เพื่อนที่หาได้ก็มักจะอยู่ต่างเมืองที่ค่อนข้างไกล เจอคนเซี้ยงไฮ้บ้าง แต่นัดไม่ได้เลยสักคน อยู่ดีๆก็คิดยังไงไม่รู้ขึ้นมาลองเข้าแอป T ดูบ้างดีกว่า คือโดยปกติแล้วผมไม่ค่อยอินกับแอปนี้ เพราะเวลาเจอคนที่สนใจอยากรู้จักด้วยปัดขวาไปเขาก็ไม่ปัดตอบ ส่วนคนที่ปัดมาก็ไม่ค่อยตรงตามที่ต้องการหาเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ว่างจัดเลยลองดูหน่อยก็แล้วกัน
น่าทึ่งมาก เพราะลองปัดเล่นๆไปได้ไม่นานก็มีสาวๆเซี้ยงไฮ้ปัดกลับมาเพียบเลย ตอนแรกก็ดีใจ สงสัยว่าสาวเซี้ยงไฮ้อาจจะอยากลองของนอกอะไรงี้ ก็เลยลองทักไปคุยๆดูก็ทึ่งต่ออีกรอบกับสกิลภาษาอังกฤษระดับที่เหนือกว่าสาวๆที่ออฟฟิศที่เคยทำงานด้วยกันเสียอีก แถมยังเฟรนด์ลี่ คุยเก่ง พร้อมนัดเจอได้ในทันที เอาจริงๆตอนนี้ผมเริ่มเอะใจว่าแปลกๆแล้ว ปกติผมไปประเทศอื่นๆ สาวๆหลายชาติก็ชอบหนุ่มไทย อยากให้พาเที่ยวไทยกันเยอะนะ แต่ไม่เคยเจอชาติไหนอยากเจอเราเร็วขนาดนี้ แถมหลายคนด้วย หน้าตา (ในรูปที่แต่งมา) ก็ดูดีกันทั้งนั้น ใจนึงก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจจะเป็นวัฒนธรรมเขาก็ได้ เพราะเคยทำความรู้จักสาวจีนที่มาเที่ยวไทย และอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวให้เขาอยู่ก็รู้สึกเขาว่าดูคุยง่ายตรงไปตรงมาดี (แต่ก็ไม่ขนาดนี้อ่ะนะ) แต่อีกใจนึงก็คิดว่าน่าจะใช่แหละ ก็เลยแอบไปเปิดหารีวิวใน google ว่ามีใครเคยโดนแล้วเอามาโพสต์ลงเน็ทกันบ้างไหม ก็ไปเจอหลายๆกระทู้ใน reddit ที่ฝรั่งพูดกันถึง T แสกมเมอร์ โดยเฉพาะที่เซี้ยงไฮ้นี่คือแหล่งเลย อันตรายมากๆ โดยส่วนใหญ่ที่เขาแชร์ข้อมูลกันก็จะเจอประมาณว่านัดไปตามผับตามบาร์แถวๆ East Nanjing ดื่มกันนิดหน่อย แล้วบิลล์มา 1000-2000RMB หรือบางคนหนักหน่อยคือโดนมอมจนสลบไปแล้วตื่นมาบัตรเครดิตหายโดนแฮ็คแอปธนาคารก็มี พอรู้แบบนี้ก็เลยมาคิดว่าเอาไงดี จะลองนัดดูดีไหม เขาอาจจะเป็นแค่สาวจีนที่อยากมีเพื่อนต่างชาติจริงๆก็ได้แต่ตอนนั้นดึกแล้วก็เลยนอนก่อนดีกว่า ใครนัดตอนกลางคืนนี่ตีเป็นโจรไว้ก่อน ไว้ดูตอนเช้าใครยังทักมาน่าจะปลอดภัยกว่า ล่ะมั้ง
ตื่นเช้ามาก็มีทักมาคนนึง แลก WeChat กันไว้เมื่อคืน ตอนคุยกันรู้สึกว่าเขาดูโปรไฟล์แตกต่างจากคนอื่นที่เจอพอสมควร บอกว่ามาจากเมืองอื่น แล้วเคยมาเที่ยวไทย 2-3 ครั้งแล้ว สถานที่ที่นัดกันก็ไม่ใช่ East Nanjing แถมอยู่ใกล้ๆที่ๆผมตั้งใจจะไปถ่ายรูปเล่นพอดี (Tian’an 1000 trees) จริงๆตรงนี้ผมก็เห็น red flag อยู่ 2 อย่างแล้ว คือ 1.) WeChat id ดูแปลกๆ เป็นตัวหนังสือพิมพ์มั่วๆเหมือนพวกร้านจีนปลอมในเว็บขายของออนไลน์ 2.) ผมบอกว่าจะไป Tian’an 1000 trees มาเจอกันที่นั่นเลยได้ไหมก็ไม่ยอมมา ก็เลยคิดว่าลองไปส่องดูน่าจะไม่เสียหายหรอกมั้ง คิดว่าจ้างมากินข้าวแถมถ้าสวยแบบในรูป (ซึ่งดูก็รู้ว่าแต่งมา แต่จากที่เดินสำรวจสาวๆในเมืองมาก็รู้สึกว่าสาวๆบ้านๆเขาก็น่าตาใช้ได้อยู่ เป็นแสกมเมอร์หลอกผู้ชายทั้งที่ควรจะหน้าตาดีกว่ามาตรฐานสาวเซี้ยงไฮ้หน่อยแหละมั้ง) อาจจะชวนเดินเล่นถ่ายรูปกันได้ ราคา 1000RMB ก็ไม่แพง ดีไม่ดีถูกกว่าจ้างนางแบบที่ไทยหรือเวียดนามอีก
สุดท้ายตอบตกลงไปว่าเดี๋ยวนัดเจอกันก็ได้ แต่ด้วยความที่ผมก็รู้สึกแปลกๆจาก red flag ที่กล่าวมาข้างต้นก็เลยเตรียมตัวไว้ล่วงหน้านิดนึง ก็คือพกเงินไป คือพกเงินไป 300RMB แยกออกเป็นสามส่วน ร้อยนึงใส่กระเป๋าคาดอก เอาไว้ใช้จ่ายทั่วไป ร้อยนึงพกติดตัวไว้ ส่วนอีกร้อยซ่อนไว้ช่องลับในกระเป๋าเป้พร้อมบัตรเครดิต ก่อนจะออกไปเจอเขาตามที่นัดไว้ก็แวะถ่ายรูปเล่นที่ Tian’an 1000 trees แปปนึง เผื่อยาวเดี๋ยวไม่ได้ถ่าย ถ่ายรูปเสร็จผมก็ไปตามนัดครับ สถานี Zhongxing Rd. ดูสภาพแวดล้อมก็ปกติดี ไม่ได้น่ากลัวอะไร ก็เลยเผลอคิดว่าเขาคงไม่ใช่โจรก็ได้หรอกมั้ง
แต่พอได้เจอกันก็ตกใจเลยครับ อันดับแรกตกใจหน้าเขาก่อนเลย คือไม่ใช่ว่าไม่สวยนะครับ แต่ก็ไม่ดี จากการที่ผมผมเดินสำรวจในเมืองมาบ้างก็เห็นสาวๆที่นี่หน้าตาดีเยอะแยะเลย ขนาดคนที่ดูเป็นชาวบ้าน พนักงานตามร้านขายของก็ยังโอเค รับได้ถ้าจะมาแบบนั้น คิดว่าอย่างมาก็น่าจะดรอปลงจากปกประมาณ 20-30% จากสวย เป็นกลางๆหน่อยอุตส่าห์เป็นแสกมเมอร์ทั้งที แต่อันนี้คือดรอปไป 60-70% เลย น่าจะโกงอายุด้วย สถาพเจ๊แกจะดูโทรมๆ ไม่ได้ดูแลตัวเอง เจ๊ๆที่ออฟฟิศที่ผมมาดูงานอายุ 40-50 แล้วขนาดว่าไม่ได้แต่งหน้ายังดูดีกว่าอ่ะบอกเลย นี่คือแต่งมาเต็มมากแต่ก็ยังเอาไม่อยู่ ตอนนั้นผมแอบซุ่มรอดูอยู่ใน Lawson เอาจริงๆก็คิดแล้วว่าจะหนีกลับดีไหม แต่จู่ๆก็ความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาในหัวว่าอยากจะรู้จังว่าเขาจะมาไม้ไหนยังไง ก็เลยออกไปแสดงตัว
เจอหน้ากันก็เริ่มจากการทักทายพูดคุยกันทั่วไป ต้องยอมรับอย่างนึงว่าภาษาอังกฤษเขาดีมาก เผลอๆจะดีกว่าคนจีนที่ออฟฟิศผมทำงานกับชาวต่างชาติอยู่ทุกวันด้วยซ้ำ เขาถามผมว่ามีแผนจะไปไหนยังไงบ้างวันนี้ ผมก็บอกๆไปว่าจะมีแผนคร่าวๆไว้แล้วจะไปด้วยกันก็ได้นะ แล้วเขาก็ถามว่ากินข้าวยัง ผมก็บอกว่ายังอ่ะ แต่ก็มีที่ๆอยากไปลองอยู่นะ ก็เปิดร้านมิชลินจากรีวิวบนเฟสให้เขาดู เขาบอกไกลอ่ะ กินแถวนี้เถอะ ทีนี้ก็เป็นไปตามแผนเขาแหละครับ เขาก็พาไปร้านอาหารร้านนึงแถวๆนั้น ข้างนอกก็ดูดีอยู่นะ เป็นอาหารฝรั่ง ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร อาจจะเพราะด้วยความที่เป็นเวลากลางวันด้วยล่ะมั้ง แต่พอเข้าไปก็เห็นถึงความแปลกว่าร้านนี้มีแต่โต๊ะไพรเวท กั้นเป็นห้องๆ ไม่มีโต๊ะเปิดโล่งเลย ดูแบบทำมาเพื่อการนี้จริงๆ พอเมนูมาผมลองเปิดดูว่ามีอะไรน่าสนใจ แต่ส่วนใหญ่คือเมนูทั่วไป ตอนนั้นผมไม่ได้หิวมากเพราะกินจากโรงแรมไปแล้ว ก็บอกเขาว่าขอเป็นแกงกะหรี่ละกัน ส่วนเขาตอนแรกทำเป็นชี้ๆเหมือนบอกว่าจะกินสปาเก็ตตี้ ราคาก็ปกติ ส่วนเครื่องดื่มผมไม่กินแอลกอฮอล์ก็เลยสั่งชาจีนไป เจ๊แกก็หันไปสั่งเป็นภาษาจีน ตอนนี้เริ่มแอบเผลอคิดไปว่าเราอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปเองก็ได้
ความผิดปกติก็เริ่มทะยอยตามๆกันมาหลังจากนี้แหละครับ เริ่มจากอาหารที่มาไม่ตรงปกเลยสักอย่าง สั่งแกงกะหรี่ไปได้เป็นชุดค็อกเทล ผมก็แย้งไปว่าไม่ได้สั่งมานะ แต่เขาบอกอยากกินเลยสั่งมา แกงกะหรี่กับสปาเก็ตตี้ก็ไม่มี แต่ดันได้มาเป็นกุ้งย่างชีสเผาไฟ แล้วเจ๊ก็สั่งไวน์กินรัวๆ ตอนนี้ผมเลยสงสัยว่าเจ๊แกจะเป็นพวกหลอกกินฟรีล่ะมั้ง ผมเห็นว่าราคามันไม่แพงมาก ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าจ้างเจ๊มาคุยเล่นเป็นเพื่อนก็ได้ เจ๊แกก็คุยสนุกดี ผมก็ว่างๆอยู่ ก็คุยๆกันเรื่องแผนเที่ยวนี่แหละ ผมก็เปิดเฟสให้เขาดูว่าจะไปไหนยังไง ถ้าสนใจไปด้วยกันได้นะ เจ๊แกก็ดูทำท่าสนใจ แต่เริ่มจะมีการชัดชวนไปร้านของฝากหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งมุขนี้ผมเจอบ่อย ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทยเราก็มี ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าเจ๊แกจะสั่งไวน์มาเยอะเกินไปแล้ว แถมยังพยายามคะยั้นคะยอให้ผมกินด้วย ทั้งที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่เอาๆ ไม่ชอบดื่ม โดยเฉพาะตอนกลางวัน ก็เริ่มรำคาญ ไม่อยากไปต่อด้วยแล้ว พอดีกับที่มีเพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินทางไปที่ไทยทักมาหาใน WhatsApp พอดี เลยใช้โอกาสนี้แกล้งหลอกเจ๊แกไปว่าโดนเพื่อนเรียกตัวด่วน เดี๋ยวจะมีปาร์ตี้กับลูกค้าเย็นนี้ ถ้าสนใจไปด้วยกันได้นะ ลูกค้าต่างชาติเพียบ แล้วก็เก็บตังเลยละกัน (จังหวะนี้ก็นึกได้ว่ามี Alipay ผูกกับบัตรเครดิตอยู่ เลยลบออกก่อนละกัน) เสร็จแล้วก็ตั้งใจจะกินกุ้งที่สั่งมาให้หมดๆจะได้แยกย้ายสักที แต่ก็ตกใจครั้งที่สอง เมื่อได้ค้นพบว่ากุ้งมีแต่เปลือกจ้า คือมีเนื้ออยู่ที่ก้ามนิดหน่อย แต่ส่วนที่ย่างชีสมานี่ก็เปลือกล้วนๆ แถมชีสก็ไม่ใช่ชีสจริงๆแต่เป็นมายองเนสอีกต่างหาก โอ้โห ยอมใจเลย รู้สึกว่าเป็นวินาทีที่มาถึงประเทศจีนจริงๆแล้วสักที
แต่ที่ทำให้ตกใจที่สุดก็ตอนที่บิลมานี่แหละครับ เมนคอร์สของจริงมันอยู่ตรงนี้ ราคาค่าอาหารทั้งหมดคือ 6000 RMB!!!ผมเห็นบิลแล้วถึงกับต้องขยี้ตาแล้วถามเขาว่าอันไหนค่าอาหารที่ต้องจ่ายนะ เขาก็บอกนี่ไง 6000 RMB เท่านั้นเอง ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 30,000 THB ผมถึงกับหลุดอุทานออกมาเป็นภาษาไทยครั้งแรกในรอบหลายวันว่า ค*ย ราคานี้ไปให้พ่*งจ่ายเหอะ (ประโยคหลังนี่คิดในใจ)
แชร์ประสบการณ์ถูกสแกมเมอร์หลอกที่เซี่ยงไฮ้ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับท่านชายหัวใจเปลี่ยวเหงาทุกท่านครับ
สัปดาห์ก่อนที่ทำงานผมส่งมาดูงานที่เซี้ยงไฮ้ มีเวลาให้ท่องเที่ยวก่อนกลับบ้าน 2-3 วัน ก็เลยเกิดความคิดว่าอยากหาคนแถวนี้ไว้เป็นเพื่อนพาเที่ยว คือต้องบอกก่อนว่าปกติเวลาผมมี business trip ที่ต่างประเทศจะชอบทำความรู้จักคนในประเทศนั้นๆให้คอยพาเที่ยวเป็นประจำอยู่แล้ว แต่มักจะใช้แอปฝึกภาษาต่างๆ เพราะนอกจากที่จะช่วยให้ได้เจอคนที่มีคุณภาพ สนใจในการศึกษามากกว่าแอปอื่นๆแล้วยังช่วยคัดคนที่พอจะรู้ภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ภาษาไทยในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักอีกด้วย แต่คราวนี้เดินทางมาประเทศจีนครั้งแรก ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่ เพื่อนที่หาได้ก็มักจะอยู่ต่างเมืองที่ค่อนข้างไกล เจอคนเซี้ยงไฮ้บ้าง แต่นัดไม่ได้เลยสักคน อยู่ดีๆก็คิดยังไงไม่รู้ขึ้นมาลองเข้าแอป T ดูบ้างดีกว่า คือโดยปกติแล้วผมไม่ค่อยอินกับแอปนี้ เพราะเวลาเจอคนที่สนใจอยากรู้จักด้วยปัดขวาไปเขาก็ไม่ปัดตอบ ส่วนคนที่ปัดมาก็ไม่ค่อยตรงตามที่ต้องการหาเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ว่างจัดเลยลองดูหน่อยก็แล้วกัน
น่าทึ่งมาก เพราะลองปัดเล่นๆไปได้ไม่นานก็มีสาวๆเซี้ยงไฮ้ปัดกลับมาเพียบเลย ตอนแรกก็ดีใจ สงสัยว่าสาวเซี้ยงไฮ้อาจจะอยากลองของนอกอะไรงี้ ก็เลยลองทักไปคุยๆดูก็ทึ่งต่ออีกรอบกับสกิลภาษาอังกฤษระดับที่เหนือกว่าสาวๆที่ออฟฟิศที่เคยทำงานด้วยกันเสียอีก แถมยังเฟรนด์ลี่ คุยเก่ง พร้อมนัดเจอได้ในทันที เอาจริงๆตอนนี้ผมเริ่มเอะใจว่าแปลกๆแล้ว ปกติผมไปประเทศอื่นๆ สาวๆหลายชาติก็ชอบหนุ่มไทย อยากให้พาเที่ยวไทยกันเยอะนะ แต่ไม่เคยเจอชาติไหนอยากเจอเราเร็วขนาดนี้ แถมหลายคนด้วย หน้าตา (ในรูปที่แต่งมา) ก็ดูดีกันทั้งนั้น ใจนึงก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจจะเป็นวัฒนธรรมเขาก็ได้ เพราะเคยทำความรู้จักสาวจีนที่มาเที่ยวไทย และอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวให้เขาอยู่ก็รู้สึกเขาว่าดูคุยง่ายตรงไปตรงมาดี (แต่ก็ไม่ขนาดนี้อ่ะนะ) แต่อีกใจนึงก็คิดว่าน่าจะใช่แหละ ก็เลยแอบไปเปิดหารีวิวใน google ว่ามีใครเคยโดนแล้วเอามาโพสต์ลงเน็ทกันบ้างไหม ก็ไปเจอหลายๆกระทู้ใน reddit ที่ฝรั่งพูดกันถึง T แสกมเมอร์ โดยเฉพาะที่เซี้ยงไฮ้นี่คือแหล่งเลย อันตรายมากๆ โดยส่วนใหญ่ที่เขาแชร์ข้อมูลกันก็จะเจอประมาณว่านัดไปตามผับตามบาร์แถวๆ East Nanjing ดื่มกันนิดหน่อย แล้วบิลล์มา 1000-2000RMB หรือบางคนหนักหน่อยคือโดนมอมจนสลบไปแล้วตื่นมาบัตรเครดิตหายโดนแฮ็คแอปธนาคารก็มี พอรู้แบบนี้ก็เลยมาคิดว่าเอาไงดี จะลองนัดดูดีไหม เขาอาจจะเป็นแค่สาวจีนที่อยากมีเพื่อนต่างชาติจริงๆก็ได้แต่ตอนนั้นดึกแล้วก็เลยนอนก่อนดีกว่า ใครนัดตอนกลางคืนนี่ตีเป็นโจรไว้ก่อน ไว้ดูตอนเช้าใครยังทักมาน่าจะปลอดภัยกว่า ล่ะมั้ง
ตื่นเช้ามาก็มีทักมาคนนึง แลก WeChat กันไว้เมื่อคืน ตอนคุยกันรู้สึกว่าเขาดูโปรไฟล์แตกต่างจากคนอื่นที่เจอพอสมควร บอกว่ามาจากเมืองอื่น แล้วเคยมาเที่ยวไทย 2-3 ครั้งแล้ว สถานที่ที่นัดกันก็ไม่ใช่ East Nanjing แถมอยู่ใกล้ๆที่ๆผมตั้งใจจะไปถ่ายรูปเล่นพอดี (Tian’an 1000 trees) จริงๆตรงนี้ผมก็เห็น red flag อยู่ 2 อย่างแล้ว คือ 1.) WeChat id ดูแปลกๆ เป็นตัวหนังสือพิมพ์มั่วๆเหมือนพวกร้านจีนปลอมในเว็บขายของออนไลน์ 2.) ผมบอกว่าจะไป Tian’an 1000 trees มาเจอกันที่นั่นเลยได้ไหมก็ไม่ยอมมา ก็เลยคิดว่าลองไปส่องดูน่าจะไม่เสียหายหรอกมั้ง คิดว่าจ้างมากินข้าวแถมถ้าสวยแบบในรูป (ซึ่งดูก็รู้ว่าแต่งมา แต่จากที่เดินสำรวจสาวๆในเมืองมาก็รู้สึกว่าสาวๆบ้านๆเขาก็น่าตาใช้ได้อยู่ เป็นแสกมเมอร์หลอกผู้ชายทั้งที่ควรจะหน้าตาดีกว่ามาตรฐานสาวเซี้ยงไฮ้หน่อยแหละมั้ง) อาจจะชวนเดินเล่นถ่ายรูปกันได้ ราคา 1000RMB ก็ไม่แพง ดีไม่ดีถูกกว่าจ้างนางแบบที่ไทยหรือเวียดนามอีก
สุดท้ายตอบตกลงไปว่าเดี๋ยวนัดเจอกันก็ได้ แต่ด้วยความที่ผมก็รู้สึกแปลกๆจาก red flag ที่กล่าวมาข้างต้นก็เลยเตรียมตัวไว้ล่วงหน้านิดนึง ก็คือพกเงินไป คือพกเงินไป 300RMB แยกออกเป็นสามส่วน ร้อยนึงใส่กระเป๋าคาดอก เอาไว้ใช้จ่ายทั่วไป ร้อยนึงพกติดตัวไว้ ส่วนอีกร้อยซ่อนไว้ช่องลับในกระเป๋าเป้พร้อมบัตรเครดิต ก่อนจะออกไปเจอเขาตามที่นัดไว้ก็แวะถ่ายรูปเล่นที่ Tian’an 1000 trees แปปนึง เผื่อยาวเดี๋ยวไม่ได้ถ่าย ถ่ายรูปเสร็จผมก็ไปตามนัดครับ สถานี Zhongxing Rd. ดูสภาพแวดล้อมก็ปกติดี ไม่ได้น่ากลัวอะไร ก็เลยเผลอคิดว่าเขาคงไม่ใช่โจรก็ได้หรอกมั้ง
แต่พอได้เจอกันก็ตกใจเลยครับ อันดับแรกตกใจหน้าเขาก่อนเลย คือไม่ใช่ว่าไม่สวยนะครับ แต่ก็ไม่ดี จากการที่ผมผมเดินสำรวจในเมืองมาบ้างก็เห็นสาวๆที่นี่หน้าตาดีเยอะแยะเลย ขนาดคนที่ดูเป็นชาวบ้าน พนักงานตามร้านขายของก็ยังโอเค รับได้ถ้าจะมาแบบนั้น คิดว่าอย่างมาก็น่าจะดรอปลงจากปกประมาณ 20-30% จากสวย เป็นกลางๆหน่อยอุตส่าห์เป็นแสกมเมอร์ทั้งที แต่อันนี้คือดรอปไป 60-70% เลย น่าจะโกงอายุด้วย สถาพเจ๊แกจะดูโทรมๆ ไม่ได้ดูแลตัวเอง เจ๊ๆที่ออฟฟิศที่ผมมาดูงานอายุ 40-50 แล้วขนาดว่าไม่ได้แต่งหน้ายังดูดีกว่าอ่ะบอกเลย นี่คือแต่งมาเต็มมากแต่ก็ยังเอาไม่อยู่ ตอนนั้นผมแอบซุ่มรอดูอยู่ใน Lawson เอาจริงๆก็คิดแล้วว่าจะหนีกลับดีไหม แต่จู่ๆก็ความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาในหัวว่าอยากจะรู้จังว่าเขาจะมาไม้ไหนยังไง ก็เลยออกไปแสดงตัว
เจอหน้ากันก็เริ่มจากการทักทายพูดคุยกันทั่วไป ต้องยอมรับอย่างนึงว่าภาษาอังกฤษเขาดีมาก เผลอๆจะดีกว่าคนจีนที่ออฟฟิศผมทำงานกับชาวต่างชาติอยู่ทุกวันด้วยซ้ำ เขาถามผมว่ามีแผนจะไปไหนยังไงบ้างวันนี้ ผมก็บอกๆไปว่าจะมีแผนคร่าวๆไว้แล้วจะไปด้วยกันก็ได้นะ แล้วเขาก็ถามว่ากินข้าวยัง ผมก็บอกว่ายังอ่ะ แต่ก็มีที่ๆอยากไปลองอยู่นะ ก็เปิดร้านมิชลินจากรีวิวบนเฟสให้เขาดู เขาบอกไกลอ่ะ กินแถวนี้เถอะ ทีนี้ก็เป็นไปตามแผนเขาแหละครับ เขาก็พาไปร้านอาหารร้านนึงแถวๆนั้น ข้างนอกก็ดูดีอยู่นะ เป็นอาหารฝรั่ง ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร อาจจะเพราะด้วยความที่เป็นเวลากลางวันด้วยล่ะมั้ง แต่พอเข้าไปก็เห็นถึงความแปลกว่าร้านนี้มีแต่โต๊ะไพรเวท กั้นเป็นห้องๆ ไม่มีโต๊ะเปิดโล่งเลย ดูแบบทำมาเพื่อการนี้จริงๆ พอเมนูมาผมลองเปิดดูว่ามีอะไรน่าสนใจ แต่ส่วนใหญ่คือเมนูทั่วไป ตอนนั้นผมไม่ได้หิวมากเพราะกินจากโรงแรมไปแล้ว ก็บอกเขาว่าขอเป็นแกงกะหรี่ละกัน ส่วนเขาตอนแรกทำเป็นชี้ๆเหมือนบอกว่าจะกินสปาเก็ตตี้ ราคาก็ปกติ ส่วนเครื่องดื่มผมไม่กินแอลกอฮอล์ก็เลยสั่งชาจีนไป เจ๊แกก็หันไปสั่งเป็นภาษาจีน ตอนนี้เริ่มแอบเผลอคิดไปว่าเราอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปเองก็ได้
ความผิดปกติก็เริ่มทะยอยตามๆกันมาหลังจากนี้แหละครับ เริ่มจากอาหารที่มาไม่ตรงปกเลยสักอย่าง สั่งแกงกะหรี่ไปได้เป็นชุดค็อกเทล ผมก็แย้งไปว่าไม่ได้สั่งมานะ แต่เขาบอกอยากกินเลยสั่งมา แกงกะหรี่กับสปาเก็ตตี้ก็ไม่มี แต่ดันได้มาเป็นกุ้งย่างชีสเผาไฟ แล้วเจ๊ก็สั่งไวน์กินรัวๆ ตอนนี้ผมเลยสงสัยว่าเจ๊แกจะเป็นพวกหลอกกินฟรีล่ะมั้ง ผมเห็นว่าราคามันไม่แพงมาก ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าจ้างเจ๊มาคุยเล่นเป็นเพื่อนก็ได้ เจ๊แกก็คุยสนุกดี ผมก็ว่างๆอยู่ ก็คุยๆกันเรื่องแผนเที่ยวนี่แหละ ผมก็เปิดเฟสให้เขาดูว่าจะไปไหนยังไง ถ้าสนใจไปด้วยกันได้นะ เจ๊แกก็ดูทำท่าสนใจ แต่เริ่มจะมีการชัดชวนไปร้านของฝากหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งมุขนี้ผมเจอบ่อย ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทยเราก็มี ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าเจ๊แกจะสั่งไวน์มาเยอะเกินไปแล้ว แถมยังพยายามคะยั้นคะยอให้ผมกินด้วย ทั้งที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่เอาๆ ไม่ชอบดื่ม โดยเฉพาะตอนกลางวัน ก็เริ่มรำคาญ ไม่อยากไปต่อด้วยแล้ว พอดีกับที่มีเพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินทางไปที่ไทยทักมาหาใน WhatsApp พอดี เลยใช้โอกาสนี้แกล้งหลอกเจ๊แกไปว่าโดนเพื่อนเรียกตัวด่วน เดี๋ยวจะมีปาร์ตี้กับลูกค้าเย็นนี้ ถ้าสนใจไปด้วยกันได้นะ ลูกค้าต่างชาติเพียบ แล้วก็เก็บตังเลยละกัน (จังหวะนี้ก็นึกได้ว่ามี Alipay ผูกกับบัตรเครดิตอยู่ เลยลบออกก่อนละกัน) เสร็จแล้วก็ตั้งใจจะกินกุ้งที่สั่งมาให้หมดๆจะได้แยกย้ายสักที แต่ก็ตกใจครั้งที่สอง เมื่อได้ค้นพบว่ากุ้งมีแต่เปลือกจ้า คือมีเนื้ออยู่ที่ก้ามนิดหน่อย แต่ส่วนที่ย่างชีสมานี่ก็เปลือกล้วนๆ แถมชีสก็ไม่ใช่ชีสจริงๆแต่เป็นมายองเนสอีกต่างหาก โอ้โห ยอมใจเลย รู้สึกว่าเป็นวินาทีที่มาถึงประเทศจีนจริงๆแล้วสักที
แต่ที่ทำให้ตกใจที่สุดก็ตอนที่บิลมานี่แหละครับ เมนคอร์สของจริงมันอยู่ตรงนี้ ราคาค่าอาหารทั้งหมดคือ 6000 RMB!!!ผมเห็นบิลแล้วถึงกับต้องขยี้ตาแล้วถามเขาว่าอันไหนค่าอาหารที่ต้องจ่ายนะ เขาก็บอกนี่ไง 6000 RMB เท่านั้นเอง ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 30,000 THB ผมถึงกับหลุดอุทานออกมาเป็นภาษาไทยครั้งแรกในรอบหลายวันว่า ค*ย ราคานี้ไปให้พ่*งจ่ายเหอะ (ประโยคหลังนี่คิดในใจ)