ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย #Working woman 2

ช่วงตั้งท้องก็ยังทำงานอยู่ที่เดิม จนกระทั้งคลอด สามีก็ออกจากงานที่ ม.บูรพา แล้วก็หางานใหม่ทำ ช่วงนี้สามีได้ไปเรียนเอาใบประกาศนียบัตรวิชาชีพครูที่ราชภัฎสวนสุนันทา เป็นคอร์สเฉพาะครูชาวต่างชาติเท่านั้น แล้วเราก็คลอดลูก ครั้งนี้ได้ลูกสาว เราผ่าคลอดทั้งสองคน จริงๆอยากคลอดเองแต่ช่องคลอดเรามันไม่เปิด เราตั้งใจลาคลอด 90 วัน แต่....อีเพื่อนร่วมงาน บัญชี โทรมากวนทุกวัน ร้องไห้จะให้เรากลับไปทำงาน มันไม่ไหวที่ต้องรับผิดชอบงานแทนเรา มันโดนกดดัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ปีนเกลียวพยายามจะล้ำเส้นอยากเป็นผจก.แทนตลอด แต่สุดท้ายก็ทำแทนเราไม่ได้ และเพราะมันนั้นแหละเราก็ต้องกลับไปทำงานทั้งๆที่ลูกยังเล็กมาก เดือนครึ่งเอง ได้เพื่อนบ้านที่เขามีอาชีพรับเลี้ยงเด็กรับเลี้ยงไป สงสารนางมาก 😢 หลังจากนั้นผ่านไป 4 เดือน สามีก็ยังไม่ได้งานทำ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น ลูก 2 คน จนสามีตัดสินใจกลับบ้านที่ฮอลแลนด์ เพื่อไปทำงาน 
สามีไปประมาณ 6 เดือนก็กลับมา ลูกสาวอายุได้ 9 เดือน กลับมาครั้งนี้ก็เลยติดต่อไปที่ Text & Talk บริษัทที่เคยหางานให้สามีไปสอนที่นครนายก เขาก็เสนองานให้ที่นึงเป็น ร.ร.เอกชนอยู่แถวบางแค สามีก็ไปดู ร.ร.แล้วก็ตัดสินใจรับงาน เป็นร.ร.ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นม.ต้น และตารางสอนสามีก็สอนตั้งแต่ ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นม.ต้นเลยค่าาา ใช้งานคุ้มมาก แต่เงินเดือนก็ได้เยอะอยู่นะ อยู่ที่นี่นานถึง 7 ปีเลย พาลูกๆมาเข้าเรียนทีนี่จนลูกชายเรียนจบม.ต้น และลูกสาว จบ ป. 6 ที่นี่ 
ปีที่ 2 ที่มาสอนที่นี่มีผู้ปกครองสนใจอยากเรียนพิเศษด้วยเยอะมาก เราก็เลยตัดสินใจ สอนพิเศษ สักพักสามีก็ได้ไอเดีย เห็นอีกห้องหนึ่งว่าง ก็เลยไปเช่าเพื่อเปิดขายของ ช่วงนั้นเราออกจากงานประจำที่บริษัทคอมพิวเตอร์พอดีก็เลยได้มาดูแล ทั้งสองกิจการทั้งสอนพิเศษและขายของเปิดเป็นแนวมินิมาร์ทเลย แล้วก็ทำอาหารตามสั่งไปด้วย ดูเหมือนจะดี แต่แล้วก็มีโทรศัพท์โทรมาจาก เพื่อนที่ทำงานเก่าโทรมาตามให้กลับไปทำงาน ที่บริษัทยา (เคยทำอยู่ปีนึง) เสนอเงินเดือนให้สูงพอสมควรจนสามีบอกว่ารีบกลับไปเลย เราก็เลยได้กลับไปทำงาน 
ช่วงนั้น ตอนที่ยังอยู่บ้านแม่ แม่กับสามีก็มีปัญหากันบ่อย ประเด็นไม่ใช่จากสามีเราหรอก แม่เราแหละชอบหาเรื่องทะเลาะกับสามีเราตลอด จนกระทั่ง มาแตกหักกันคืนหนึ่ง เรามักจะเลิกงานดึก จะถึงบ้าน ก็ 22:00 น ตลอด วันเกิดเหตุยังไม่ถึงบ้านเลย แม่โทรมา บอกว่า จะเอายังไงฉันจะเรียกตำรวจมาจับผัวเธอแล้วนะ เราก็งง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ถึงขั้นต้องเรียกตำรวจกันเลยหรือ พอมาถึงบ้าน ตำรวจก็ไปแล้ว เราก็ ถามสามีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เล่าให้ฟังว่า เอมี่ลูกสาว (ยังเล็กอยู่ตอนนั้น) นั่งเล่นอยู่ในห้อง แล้วนางก็อึ อยู่ในห้องนั่นแหละ สามีก็กำลังจะเก็บ แต่พ่อเราโผล่เข้ามาในห้องแล้วเห็นหลานอึ ก็โมโหขึ้นมาซะงั้น บอกว่า อึลูกทำไมไม่เก็บ แล้วแกก็ลุกขึ้นมาเก็บเองแล้วก็พาลูกสาวไปล้างก้นแล้วก็ไม่จบจ้า ยังด่าต่อว่าถ้าไม่ขึ้นมาเห็นก็คงไม่จัดการอึลูกหรอก สามีเรานั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่ แกบอกว่า เห็นแล้วเดี๋ยวแกก็เก็บเองนั่นแหละ พ่อเรา โวยวายมากมาย สามีเราเขาก็รำคาญเขาก็เลยไปปิดประตูห้อง เท่านั้นแหละ เป็นเรื่องใหญ่เลยจ้า พ่อเราเอาไม้มาทุบประตูห้องแล้วก็โวยวายหนักกว่าเดิม แม่เราก็เลยผสมโลงให้ด้วย ก็เลยเป็นเรื่องถึงขั้นต้องเรียกตำรวจมา ตำรวจมาก็ขำมันเป็นเรื่องขี้ๆ
เขาก็บอกให้ใจเย็นๆแล้วก็รอให้เมียกลับมาให้คนกลางเขากลับมาเคลียร์เรื่องไม่มีอะไรหรอก มันก็จริงของตำรวจไหม เรากลับมาเขาก็ยังโวยวายไม่หยุดแต่เราก็รำคาญ 
พอวันรุ่งขึ้นแม่จะเอาลูกเราไปเที่ยวบ้านน้าที่บางกะปิเราก็ไม่ให้ไปเมื่อวานเพิ่งจะด่ากันเรียกตำรวจมา อยู่ๆวันนี้จะเอาลูกเราไปเที่ยวข้างนอกเราก็ไม่ให้ไป ก็โกรธขึ้นมาเชียว แม่เรา ด่าลั่นบ้านเลย ถึงขั้นเปิดประตูไปยืนด่าเราหน้าบ้าน ด่าเราว่าเรารักผัวหลงผัว ขาดผัวไม่ได้ ด่าไปถึงขั้นนั้น เราก็ออกไปเถียงกับเขานะ แต่สามีก็ดึงตัวเข้ามาในห้องเราก็บอกให้เงียบๆไว้เดี๋ยวเขาก็เงียบไปเองนั่นแหละ แต่เปล่าเลย ยิ่งเงียบแล้วเหมือนยิ่งยั่วนางยางก็ยิ่งด่าเข้าไปอีก เรานั่งทนฟังอยู่ก็ชักจะทนไม่ไหว ก็เลยบอกสามีว่า ไปเถอะ เราย้ายบ้านเถอะไม่ไหวแล้วด่าเกินเลย เลยเถิดกันไปขนาดนี้ จะอยู่กันยังไง พอดีว่าเรากับสามีมีแผนการว่าจะย้ายออกจากบ้านอยู่แล้ว แต่มาติดตรงที่ว่า ยายทวดเราเขาเกิดป่วยขึ้นมาแล้วเขาก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นอนติดเตียง เราไม่อยากจะทิ้งเขาไปตอนนี้เพราะเรารู้ว่าถ้าเราย้ายออกจากบ้านนี้ไป จะไม่มีคนดูแลยายแน่ๆแต่การทะเลาะกันครั้งนี้ มันเกินไปเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วเราก็เบื่อหน่ายมากแล้วที่แม่เราหาเรื่องทะเลาะกับผัวเราอยู่ตลอดเวลา ก็เลยตัดสินใจกันไปวันนั้นแพ็คของเอาแต่ที่จำเป็น แล้วก็ออกกันเลยก่อนไปก็มาร่ำลายายบอกว่าหนูไม่อยากไปเลยยายแต่ยายก็ได้ยินที่แม่ด่าหนูมันไม่ไหวแล้วนะยายก็เข้าใจ ยายรักสามีเรามากๆ ดูแลและเป็นห่วงแทนเราตลอดเวลา เพราะยายเราเขารักเรามากเช่นกัน แล้ววันนั้นก็ย้ายกันออกมา ไม่ได้ไปอยู่ไหนไกลหรอกอยู่คอนโดที่ตรงข้ามโรงเรียนนั่นแหละ ห้องอยู่ชั้น 7 นิติเช็คแล้ว ไฟไม่มีจ้า ติดต่อเจ้าของห้องบอกว่าเดี๋ยวจะรีบมาจัดการให้ สามีเลยบอกว่า ฉันกับลูกชายน่ะอยู่ได้ แต่เธอกับลูกสาวอ่ะ จะลำบาก ฉันว่าเธอเอาลูกสาวกลับบ้านไปเถอะ ก็ให้บอกพ่อแม่เราไปว่า วันนี้มีเรียนพิเศษมีแคมป์ปิ้งที่โรงเรียน ลูกชายต้องค้างที่โรงเรียนกับพ่อเขาเราก็เลยตกลงตามนั้นแล้วก็พาลูกสาวกลับ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆแพ็คของ แล้วก็ย้ายเลย คนที่เสียใจที่สุดคือพ่อเรา พ่อเราโทรศัพท์มาหาแล้วร้องไห้ บอกว่า เอาหลานไปจากพ่อจริงๆหรอ พ่อขอโทษเรื่องวันนั้นพ่อเมาพ่อจะเลิกกินเหล้าแล้ว แล้วหลังจากนั้น แกก็เลิกกินเบียร์เลยนะ ปกติแกจะกินเบียร์วันละขวดก่อนนอนทุกวัน
ส่วนครั้งก่อนๆที่ทะเลาะกันก็มี เรื่องหนึ่งที่ประสาทมากๆ คืออยู่ๆแม่เราก็มาบอกเราว่าเนี่ยเขาไปดูหมอมาเขาบอกว่าผัวแกน่ะ ระวังเถอะมันจะไปชอบผู้ชายด้วยกัน พักนี้มันชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆใช่ไหมมันก็จริง พักหลังออกไปกับเพื่อนบ่อยๆ แต่เพื่อนคนนี้เราเป็นคนแนะนำให้เขารู้จักเอง เขาเป็นลูกค้าเราเองมาซื้อ Notebook จากที่ร้านไป แล้วก็ชอบแวะมาหาถามนู่นถามนี่ จนเราคิดว่า คนนี้สงสัยจะเหงา ก็เลยแนะนำให้รู้จักกับสามีเรา แล้วหลังจากนั้นเขาก็ชอบแวะมาที่ร้านแล้วก็พากันออกไปเพราะว่าบ้านเขาอยู่ไม่ห่างจากห้างที่ทำงานเรา เราไม่เคยเล่าให้สามีฟังนะ เพราะเราไม่เชิ่อไง สามีเราจะไปชอบผู้ชายได้ไง ประสาท!! แล้วเวลาทะเลาะกับสามีนะ แม่ก็ชอบมาซ้ำเติมและยุว่า "เลิกเลยๆๆๆๆ"เป็นแบบนี้ประจำ มีแต่ยุให้เลิก และยังพูดว่าถ้าเป็นคนไทย กูไล่ออกจากบ้านไปละ ด่าต่างๆๆนาๆๆ................
หลังจากย้ายออกจากบ้านแม่มา เรื่องทะเลาะกันระหว่างสามีกับแม่เราก็ยุติลง คราวนี้หลังจากอยู่กันมาได้สิบกว่าปี พอออกจากบ้านนางมาได้ เพิ่งเริ่มจะเห็นความดีของสามีเรา พูดชมต่างๆนาๆ บอกว่า เขาดีมาก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน และไม่เจ้าชู้ มันก็เป็นจริงตามนั้นแหละ เสียอย่างเดียวมันชอบโวยวายเสียงดัง (ไม่มีใครเพอร์แฟคหรอกแม่!!)🤬🤬
ใส่โค้ด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่