คือ ตอนนี้เราเรียนดนตรีอยู่ที่โรงเรียนดนตรีชื่อดังซึ่งเราก็ทำได้ดีได้ทุนแต่ตอนเด็กเราโดนบังคับให้เรียนดนตรีค่ะก็ไม่ถึงกับบังคับหรอกคือคุณแม่อยากให้เราเรียนเราก็โอเคเรียนก็ได้เราก็ทำได้ได้ดีคุณแม่ก็คิดว่าเราชอบแล้วตอนนั้นเราเป็นเด็กที่กลัวพ่อ,แม่เราก็เลยไม่กล้าคัดค้านจนเราขึ้นมอปลายในที่สุด เราเริ่มต่อต้านการแสดงเราตื่นเต้นแรงมากๆหาวิธีโน้นวิธีนี้ที่คนแนะนำก็ไม่มีผลมีหลายครั้งที่เราตื่นเต้นจนเราเกือบวูบหมดสติไปและทุกครั้งที่เรามีแสดงหรือแสดงอยู่เราจะทำได้ไม่ค่อยดีด้านการแสดงทั้งๆที่ตอนเรียนเราทำได้ดีมากๆแล้ว เราจึงรู้สึกแย่กับมันมากๆ ตอนนี้เราขึ้น ม. 6 แล้ว แล้วทั้งชีวิตเรียนด้านดนตรีมาตลอดไม่เคยแตะต้องอย่างอื่นเลยจริงๆเราก็เลยพยายามค้นหาตัวเองว่าจริงๆแล้วชอบอะไรแล้วเราก็สังเกตว่าตัวเองชอบสังเกตความรู้สึกของคนอื่นคาดการณ์เรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับด้านจิตใจตอนอยู่โรงเรียนเราจะเจอเด็กพิเศษเช่นออทิสติกคนอื่นเขาก็จะรังเกียจกันแต่เรากลับสงสารเขา และเข้าใจเขามากกว่าที่จะรังเกียจเราเลยคิดว่าเราจะเรียนด้านจิตวิทยาดีไหมเราตัดสินใจลองซื้อหนังสือมาอ่านดูแล้วเราก็เริ่มหาข้อมูลเรื่องเรียนมหาลัยด้านนี้ ด้วยความที่เราไม่เคยเดินออกมาจากเรื่องดนตรีเลยเราไม่รู้เรื่องอย่างอื่นเลยแม้แต่นิดเดียวแล้วเราก็ทำได้ดีในด้านนี้ด้วยเราเลย ตัดสินใจ หาอะไรที่มันเกี่ยวกับดนตรีและจิตใจแล้วก็เจออาชีพที่ชื่อว่า“ดนตรีบำบัด” (Music Therapy) แล้วเราก็หาข้อมูลว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไรบ้างแล้วเราก็ได้ข้อมูลมาว่าเราใช้ดนตรีในการช่วยเหลือคน เช่น คนที่เป็นอัลไซเมอร์ หรืออัมพฤกษ์ อัมพาตมาก่อน และเราก็ยังสามารถให้คำปรึกษาของคนที่ต้องการรับการบำบัดด้านจิตใจเราก็เลยซื้อหนังสือมาอ่านและเรารู้สึกสนใจมากๆแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถหยุดทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เราบอกพ่อแม่แล้วว่าเราไม่อยากเรียนต่อด้านดนตรีเราอยากเรียนต่อด้านบำบัดแล้วเขาก็บอกว่าทำไม่ได้หรอกมันต้องเขียนวิจัยนะมันต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้นะเธอทำไม่ได้หรอก แล้วเขาก็พยายามให้เราเรียนด้านการแสดงดนตรีคลาสสิกต่อตอนนี้ทุกอาทิตย์เรายังต้องไปเรียนพิเศษซึ่งตอนนี้สุขภาพจิตแย่มากไม่ซ้อมก็ไม่มีการบ้านไปส่งซ้อมก็รู้สึกแย่ เรารู้ว่าเราต้องจัดการความรู้สึกตัวเองทนเรียนให้จบแล้วมันก็จะจบแต่ตอนนี้เราอยากทำมันให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้แค่ทำตามหน้าที่ให้จบจบไปก็พอแค่เรียนที่โรงเรียนก็พอไม่อยากกลับบ้านแล้วก็ยังต้องไปเรียนพิเศษอีกรู้สึกเสียเวลาแล้วครูที่สอนไวโอลินเราเขาดูคาดหวังกับเราสูงมาก เราเคยคุยกับเขาว่าเราไม่อยากทำด้านการแสดงแล้วเค้าก็อึ้งไปแป๊บนึงแล้วก็ถามว่าแล้วเราจะทำอะไรเราก็เลยตอบไปว่าหนูจะเรียนดนตรีบำบัดค่ะแล้วพอคุยกันเสร็จเราแยกย้ายเหมือนเขาไม่เชื่อคงคิดว่าเราแค่หมดไฟเขาก็เลยยังพยายามสอนและนัดเรียนทุกอาทิตย์กับคุณแม่อยู่ ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดมากไม่มีใครเข้าใจเราเลยเราควรทำยังไงดีคะ
โดนบังคับให้เรียนในสิ่งที่เราไม่ได้อยากเรียน