การเดินทางรอบนี้เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 17 วันค่ะ ( 30 เมษายน 2567-17 พฤษภาคม 2567) โดยทำการจองตั๋วรถไฟไว้ล่วงหน้า สำหรับ 3 คนพ่อแม่และลูกสาวค่ะ ยกเว้นตั๋ว Bayern ที่ไปกดซื้อเอาจากตู้ขายตั๋วค่ะ โดยเราเดินทางไปที่มิวนิก เยอรมัน-Innsbruck-Fussen-มิวนิก-ปราก-เวียนนา-Salzburg-แล้ววนกลับมิวนิก ค่ะ
ปัญหาที่พบคือ
1.วันแรก เราก็เจอแจ็คพ็อตค่ะ เราเดินทางด้วยตั๋ว Bayern และที่ยุโรปใช้ระบบไว้ใจ ไม่มีการตรวจตั๋ว เมื่อเดินจากสนามบิน มาถึงสถานีกลางมิวนิก พบว่า ผู้โดยสารผิวสี ทำไมวิ่งย้อนบันไดเลื่อนกลับขึ้นมา โดยไม่สนใจลูกของตัวเอง และมีเสียงตะโกนเรียกกันโหวกเหวกเสียงดัง ปรากฏว่า พนักงานตั้งขบวนตรวจตั๋ว ประมาณ 10 คน ตั้งด่านที่บันได และผู้โดยสารผิวสี คือมนุษย์ลักไก่ ที่แอบโดยสาร โดยไม่จ่ายค่าโดยสาร เมื่อทำการสุ่มตรวจ ค่าปรับเมื่อเดินทางโดยไม่มีตั๋วจะมหาโหดนี่เองค่ะ จะไม่เหมือนโซนเอเชีย หรือบ้านเรา ที่ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จะใช้ระบบ 1 บัตร 1 ตั๋ว 1 แตะ ประตูถึงเปิดให้เดินผ่านเข้าไปได้ แต่ทางยุโรป แต่ละสถานี ไม่มีที่กั้นเลย ให้สิทธิเสรี และความไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยมในการโดยสาร แต่เมื่อสุ่มตรวจคุณต้องมีตั๋วโดยสารแสดงให้ดูแค่นั้นเองค่ะ โดยหากเป็นตั๋วเดินทางรายรอบ จะต้องทำการเสียบตอก เพื่อบันทึกเวลาที่เริ่มใช้ตั๋วเดินทาง กับเครื่องสีฟ้า ก่อนประตูทางเข้า เพื่อเดินทางเข้าหารถไฟฟ้าค่ะ แต่หากเป็นตั๋ววัน จะมีบันทึกระบุวันอยู่แล้วและขนาดของตั๋วจะมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องตอก ไม่สามารถตอกบันทึกเวลาได้ค่ะ
2.ได้รับการแจ้งเตือนจากทาง OBB อาจมีการหยุดการเดินรถ เนื่องจาก รถไฟ ที่จะเดินทางจาก Munich ไป Innsbruck และเส้นทางขากลับ อาจถูกยกเลิก เนื่องด้วยเกิดการประท้วงที่อิตาลี และเนื่องด้วยขบวนดังกล่าว ปลายทางของขบวนคืออิตาลีค่ะ เราก็ต้องลุ้นด้วยอาการตุ้ม ๆ ต่อมๆ เพราะที่แน่ๆ เขาแจ้งหยุดขบวนรถในวันรุ่งขึ้นและวันมะรืน และขบวนนี้คนน่าจะเต็ม เราจองตั๋วแบบไม่ได้จองที่นั่งไว้ ด้วยความงกตังค์ เราจองตั๋วชั้น 2 และคิดว่าที่ไหนว่างก็นั่ง และก็นั่งคงว่าง เหมือนกับทุก ๆ ครั้ง แต่ขอโทษค่ะ ผิดคาด เมื่อขึ้นไปในขบวนรถ ที่นั่งเบาะไหนก็ขึ้นไฟสีแดง (รถไฟ OBB เมื่อมีการจองตั๋วพร้อมระบุที่นั่งมาจากผู้โดยสารท่านอื่น จะมีตัวหนังสือขึ้นแสดงสถานีที่เขาจองนั่ง-สถานีปลายทางที่เขาลง เหนือศีรษะที่นั่ง ใต้ที่วางกระเป๋าเหนือศีรษะ) เพราะฉะนั้น กว่าเราจะหาที่นั่งที่ไม่ได้ถูกจอง คือว่าง สำหรับให้นั่งได้ ทั้งๆ ที่เราขึ้นจากสถานีต้นทางที่มิวนิก เราก็ต้องนั่งแยกกัน 3 คน พ่อแม่ลูก คือ นั่งคนละที่ คนละทางกันหมดเลยค่ะ เพราะฉะนั้น หากเดินทางข้ามเมือง และไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก หากอยากนั่งไปกับเพื่อนตลอดเส้นทาง ชำระค่าจองที่นั่งนอกจากค่าตั๋วเพิ่มก็ดีนะคะ
3.เดินทางจาก Munich ไป Prague (Praha hl.n) ( DB แจ้งยกเลิกก่อนเวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง โดยเขาประกาศเป็นภาษาเยอรมัน และเดชะบุญ ที่เราปุ่มเอ๊ะทำงาน ขอให้สามีไปถามเจ้าหน้าที่หน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับตัวหนังสือภาษาเยอรมันที่ต่อท้ายชื่อขบวน ที่ป้ายแสดง Platform ขึ้นต้นด้วยตัว f (ขออภัยจำศัพท์เยอรมันไม่ได้ค่ะ) ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ DB ทำมือยกขึ้นมาห้าม เหมือนไม่ต้องพูดแล้ว แล้วยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง อ้าวตายแล้ววววววววว ด้วยความที่มีสัมภาระ 3 กระเป๋า (พ่อ แม่ ลูก—กระเป๋า size 30 นิ้ว+28 นิ้ว +25 นิ้ว) เราถึงจอง ALX25 นั่งยาว แต่ที่ไหนได้ ให้เราไปเปลี่ยนขบวนที่ Landshut(Bay) จาก Platform 1 ที่ลงรถไฟขบวนที่นั่งมาจากมิวนิก ไปที่ Platform 5 และมีเวลาเปลี่ยนขบวนแค่ 4 นาที แล้วแจ็คพ็อตก็แตก เพราะเรายกกระเป๋าไม่ไหว ล้อกระเป๋าเลยกระแทกกับที่เหยียบขึ้นรถไฟ เพราะมันสูงมากกกกไม่เหมือนรถไฟรุ่นใหม่ๆ ล้อกระเป๋าแตกไป 2 ล้อ และต้องลุ้นระทึกว่า การเดินทางที่เหลือ กระเป๋าจะลากไปไหวไหม เราได้กลับไปท้วงกับเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทาง ว่า มีขบวนที่คุณจัดขึ้นมาใหม่แทรกตารางการเดินทาง เป็นขบวนที่ออกเดินทางล่วงหน้าก่อนขบวนนี้ที่เราจอง 8 นาที เราจะใช้ตั๋วเดินทางนี้ไปขึ้นขบวนนั้นได้หรือไม่ เพราะขบวนนั้นวิ่งยาวตลอดทาง คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะตั๋วเราเป็นแบบ sparschiene ( 3 คน –145.5 euro) ห้ามคืน ห้ามเปลี่ยน นอกจากยกเลิกการเดินทางเอง ถ้าอยากเดินทางด้วยขบวนเดี่ยว ที่วิ่งยาว วิ่งตรง ต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ ( จองทันที ณ ตอนนั้น คนละ –89 euro) และทาง DB ได้จัดทางเลือกให้แล้ว(ทดแทนขบวนที่ยกเลิก) แม้ว่าจะต้องต่อรถไฟเอาเอง แต่กำหนดการถึงปราก ก็ยังเป็นเวลาใกล้เคียงกับเวลาเดิม
4.เดินทางจาก Vienna ไป Salzburg ด้วยตั๋ว Railjet OBB อาการเดียวกันกับข้อ 3 คือ มีขบวนวิ่งตรงออกก่อนหน้าขบวนที่เราจอง 6 นาที และขบวนวิ่งตรงที่เราจองไว้ ถูกยกเลิก และเราจะใช้ตั๋วนี้เดินทางไปถึงที่เมือง Linz เท่านั้น และต้องเปลี่ยน รถไฟ S2 ที่เมือง Linz เอาเอง แต่สบายใจหน่อย เพราะเวลาเปลี่ยนขบวนมี 17 นาที แม้ว่า S2 เป็นรถไฟหวานเย็นฉึกกะฉัก และต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่ม 1 ชั่วโมง 30 นาที จากที่จะใช้เวลาเดินทางจากเวียนนาไป Salzburg ใช้เวลา 1ชม 30 นาที กลายเป็นต้องเสียเวลาเดินทาง เกือบ 4 ชม ขาดไป2 นาที แต่ก็ปลง และทำใจ
5.เดินทางไปกลับ Salzburg ไป Hallstatt เป็นการเดินทางที่นั่งด้วย Railjet ไปถึง Attnang-Puchheim แล้วต้องต่อ REX เพื่อไป Hallstatt แต่เนื่องจากหินถล่มลงมาที่ทางรถไฟ รถไฟสามารถวิ่งได้แค่เมือง steg แล้ว OBB จะจัดรถ bus เพื่อไปแวะส่งที่ Hallstatt และกลุ่มผู้โดยสารที่ไปปลายทางคือ Obertraun ขากลับก็ต้องนั่ง bus เพื่อกลับมานั่งรถไฟที่ steg เช่นกัน
6.การเดินทางในปราก ที่ปรากมีให้เลือกหากเดินทางสถานีใกล้ๆ มีให้บริการ 15 นาที 20 CZK หรือ 30 นาที 30 CZK ค่ะ แต่ถ้าเป็นตั๋ววัน 24 ชม. 120 CZK แต่อย่างลืมตอกตั๋วผ่านเครื่องก่อนเข้าสถานีนะคะ ที่นี่เราเจอตำรวจเข้าดักจับเลยค่ะ (เป็นตำรวจไม่ใช่เจ้าหน้าที่การรถไฟเหมือนเยอรมันค่ะ) อาจเพราะมีประวัติบ่อยครั้ง เขากำลังจับคนอินเดีย ที่มีตั๋ววัน 24 ชม แต่ไม่ยอมตอกตั๋ว และเขาก็อ้างว่า เขาลืมตออก แต่ตำรวจไม่ฟัง เพราะคงมีประวัติโกงในรูปแบบนี้กันบ่อยค่ะ
เดินทางครั้งนี้ การเดินทางมีปัญหาสุดๆ รถไฟมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และเราถือว่าได้กำไร เพราะให้ลูกได้เห็น ได้เรียนรู้ และไม่ต้องหนีปัญหา เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ แก้ได้แต่ละที่ก็จะสนุกกับการเดินทาง และเราก็ไม่ได้เสียค่าเดินทาง หรือค่าที่พักเพิ่ม เพราะตกขบวนรถไฟเลย เพียงเพิ่มความระมัดระวังกับตารางเดินรถเพิ่มขึ้นมา เพื่อนๆ อย่าลืมที่จะคอยเช็ค email ทุกชั่วขณะ เพราะทั้ง DB และ OBB จะแจ้งทุกอย่างผ่านทาง email และจะบอกว่า ตารางการเดินทางของรถไฟ ของแต่ละที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างไรบ้าง โดยขึ้นมาเป็นตัวหนังสือสีแดง (หากมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมค่ะ) และต้องพึงระลึกว่า รถไฟ เปลี่ยนแปลง Platform เปลี่ยนแปลงเวลาเดินรถบ่อยมากๆ ต้องคอย update ตารางเดินรถผ่านระบบ ซึ่งทำได้เร็วและชัดเจนที่สุดค่ะ
[CR] เมื่อเดินทางด้วยรถไฟในยุโรป สิ่งที่ต้องทำคือ.....ทำใจ
ปัญหาที่พบคือ
1.วันแรก เราก็เจอแจ็คพ็อตค่ะ เราเดินทางด้วยตั๋ว Bayern และที่ยุโรปใช้ระบบไว้ใจ ไม่มีการตรวจตั๋ว เมื่อเดินจากสนามบิน มาถึงสถานีกลางมิวนิก พบว่า ผู้โดยสารผิวสี ทำไมวิ่งย้อนบันไดเลื่อนกลับขึ้นมา โดยไม่สนใจลูกของตัวเอง และมีเสียงตะโกนเรียกกันโหวกเหวกเสียงดัง ปรากฏว่า พนักงานตั้งขบวนตรวจตั๋ว ประมาณ 10 คน ตั้งด่านที่บันได และผู้โดยสารผิวสี คือมนุษย์ลักไก่ ที่แอบโดยสาร โดยไม่จ่ายค่าโดยสาร เมื่อทำการสุ่มตรวจ ค่าปรับเมื่อเดินทางโดยไม่มีตั๋วจะมหาโหดนี่เองค่ะ จะไม่เหมือนโซนเอเชีย หรือบ้านเรา ที่ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จะใช้ระบบ 1 บัตร 1 ตั๋ว 1 แตะ ประตูถึงเปิดให้เดินผ่านเข้าไปได้ แต่ทางยุโรป แต่ละสถานี ไม่มีที่กั้นเลย ให้สิทธิเสรี และความไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยมในการโดยสาร แต่เมื่อสุ่มตรวจคุณต้องมีตั๋วโดยสารแสดงให้ดูแค่นั้นเองค่ะ โดยหากเป็นตั๋วเดินทางรายรอบ จะต้องทำการเสียบตอก เพื่อบันทึกเวลาที่เริ่มใช้ตั๋วเดินทาง กับเครื่องสีฟ้า ก่อนประตูทางเข้า เพื่อเดินทางเข้าหารถไฟฟ้าค่ะ แต่หากเป็นตั๋ววัน จะมีบันทึกระบุวันอยู่แล้วและขนาดของตั๋วจะมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องตอก ไม่สามารถตอกบันทึกเวลาได้ค่ะ
2.ได้รับการแจ้งเตือนจากทาง OBB อาจมีการหยุดการเดินรถ เนื่องจาก รถไฟ ที่จะเดินทางจาก Munich ไป Innsbruck และเส้นทางขากลับ อาจถูกยกเลิก เนื่องด้วยเกิดการประท้วงที่อิตาลี และเนื่องด้วยขบวนดังกล่าว ปลายทางของขบวนคืออิตาลีค่ะ เราก็ต้องลุ้นด้วยอาการตุ้ม ๆ ต่อมๆ เพราะที่แน่ๆ เขาแจ้งหยุดขบวนรถในวันรุ่งขึ้นและวันมะรืน และขบวนนี้คนน่าจะเต็ม เราจองตั๋วแบบไม่ได้จองที่นั่งไว้ ด้วยความงกตังค์ เราจองตั๋วชั้น 2 และคิดว่าที่ไหนว่างก็นั่ง และก็นั่งคงว่าง เหมือนกับทุก ๆ ครั้ง แต่ขอโทษค่ะ ผิดคาด เมื่อขึ้นไปในขบวนรถ ที่นั่งเบาะไหนก็ขึ้นไฟสีแดง (รถไฟ OBB เมื่อมีการจองตั๋วพร้อมระบุที่นั่งมาจากผู้โดยสารท่านอื่น จะมีตัวหนังสือขึ้นแสดงสถานีที่เขาจองนั่ง-สถานีปลายทางที่เขาลง เหนือศีรษะที่นั่ง ใต้ที่วางกระเป๋าเหนือศีรษะ) เพราะฉะนั้น กว่าเราจะหาที่นั่งที่ไม่ได้ถูกจอง คือว่าง สำหรับให้นั่งได้ ทั้งๆ ที่เราขึ้นจากสถานีต้นทางที่มิวนิก เราก็ต้องนั่งแยกกัน 3 คน พ่อแม่ลูก คือ นั่งคนละที่ คนละทางกันหมดเลยค่ะ เพราะฉะนั้น หากเดินทางข้ามเมือง และไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก หากอยากนั่งไปกับเพื่อนตลอดเส้นทาง ชำระค่าจองที่นั่งนอกจากค่าตั๋วเพิ่มก็ดีนะคะ
3.เดินทางจาก Munich ไป Prague (Praha hl.n) ( DB แจ้งยกเลิกก่อนเวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง โดยเขาประกาศเป็นภาษาเยอรมัน และเดชะบุญ ที่เราปุ่มเอ๊ะทำงาน ขอให้สามีไปถามเจ้าหน้าที่หน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับตัวหนังสือภาษาเยอรมันที่ต่อท้ายชื่อขบวน ที่ป้ายแสดง Platform ขึ้นต้นด้วยตัว f (ขออภัยจำศัพท์เยอรมันไม่ได้ค่ะ) ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ DB ทำมือยกขึ้นมาห้าม เหมือนไม่ต้องพูดแล้ว แล้วยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง อ้าวตายแล้ววววววววว ด้วยความที่มีสัมภาระ 3 กระเป๋า (พ่อ แม่ ลูก—กระเป๋า size 30 นิ้ว+28 นิ้ว +25 นิ้ว) เราถึงจอง ALX25 นั่งยาว แต่ที่ไหนได้ ให้เราไปเปลี่ยนขบวนที่ Landshut(Bay) จาก Platform 1 ที่ลงรถไฟขบวนที่นั่งมาจากมิวนิก ไปที่ Platform 5 และมีเวลาเปลี่ยนขบวนแค่ 4 นาที แล้วแจ็คพ็อตก็แตก เพราะเรายกกระเป๋าไม่ไหว ล้อกระเป๋าเลยกระแทกกับที่เหยียบขึ้นรถไฟ เพราะมันสูงมากกกกไม่เหมือนรถไฟรุ่นใหม่ๆ ล้อกระเป๋าแตกไป 2 ล้อ และต้องลุ้นระทึกว่า การเดินทางที่เหลือ กระเป๋าจะลากไปไหวไหม เราได้กลับไปท้วงกับเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทาง ว่า มีขบวนที่คุณจัดขึ้นมาใหม่แทรกตารางการเดินทาง เป็นขบวนที่ออกเดินทางล่วงหน้าก่อนขบวนนี้ที่เราจอง 8 นาที เราจะใช้ตั๋วเดินทางนี้ไปขึ้นขบวนนั้นได้หรือไม่ เพราะขบวนนั้นวิ่งยาวตลอดทาง คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะตั๋วเราเป็นแบบ sparschiene ( 3 คน –145.5 euro) ห้ามคืน ห้ามเปลี่ยน นอกจากยกเลิกการเดินทางเอง ถ้าอยากเดินทางด้วยขบวนเดี่ยว ที่วิ่งยาว วิ่งตรง ต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ ( จองทันที ณ ตอนนั้น คนละ –89 euro) และทาง DB ได้จัดทางเลือกให้แล้ว(ทดแทนขบวนที่ยกเลิก) แม้ว่าจะต้องต่อรถไฟเอาเอง แต่กำหนดการถึงปราก ก็ยังเป็นเวลาใกล้เคียงกับเวลาเดิม
4.เดินทางจาก Vienna ไป Salzburg ด้วยตั๋ว Railjet OBB อาการเดียวกันกับข้อ 3 คือ มีขบวนวิ่งตรงออกก่อนหน้าขบวนที่เราจอง 6 นาที และขบวนวิ่งตรงที่เราจองไว้ ถูกยกเลิก และเราจะใช้ตั๋วนี้เดินทางไปถึงที่เมือง Linz เท่านั้น และต้องเปลี่ยน รถไฟ S2 ที่เมือง Linz เอาเอง แต่สบายใจหน่อย เพราะเวลาเปลี่ยนขบวนมี 17 นาที แม้ว่า S2 เป็นรถไฟหวานเย็นฉึกกะฉัก และต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่ม 1 ชั่วโมง 30 นาที จากที่จะใช้เวลาเดินทางจากเวียนนาไป Salzburg ใช้เวลา 1ชม 30 นาที กลายเป็นต้องเสียเวลาเดินทาง เกือบ 4 ชม ขาดไป2 นาที แต่ก็ปลง และทำใจ
5.เดินทางไปกลับ Salzburg ไป Hallstatt เป็นการเดินทางที่นั่งด้วย Railjet ไปถึง Attnang-Puchheim แล้วต้องต่อ REX เพื่อไป Hallstatt แต่เนื่องจากหินถล่มลงมาที่ทางรถไฟ รถไฟสามารถวิ่งได้แค่เมือง steg แล้ว OBB จะจัดรถ bus เพื่อไปแวะส่งที่ Hallstatt และกลุ่มผู้โดยสารที่ไปปลายทางคือ Obertraun ขากลับก็ต้องนั่ง bus เพื่อกลับมานั่งรถไฟที่ steg เช่นกัน
6.การเดินทางในปราก ที่ปรากมีให้เลือกหากเดินทางสถานีใกล้ๆ มีให้บริการ 15 นาที 20 CZK หรือ 30 นาที 30 CZK ค่ะ แต่ถ้าเป็นตั๋ววัน 24 ชม. 120 CZK แต่อย่างลืมตอกตั๋วผ่านเครื่องก่อนเข้าสถานีนะคะ ที่นี่เราเจอตำรวจเข้าดักจับเลยค่ะ (เป็นตำรวจไม่ใช่เจ้าหน้าที่การรถไฟเหมือนเยอรมันค่ะ) อาจเพราะมีประวัติบ่อยครั้ง เขากำลังจับคนอินเดีย ที่มีตั๋ววัน 24 ชม แต่ไม่ยอมตอกตั๋ว และเขาก็อ้างว่า เขาลืมตออก แต่ตำรวจไม่ฟัง เพราะคงมีประวัติโกงในรูปแบบนี้กันบ่อยค่ะ
เดินทางครั้งนี้ การเดินทางมีปัญหาสุดๆ รถไฟมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และเราถือว่าได้กำไร เพราะให้ลูกได้เห็น ได้เรียนรู้ และไม่ต้องหนีปัญหา เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ แก้ได้แต่ละที่ก็จะสนุกกับการเดินทาง และเราก็ไม่ได้เสียค่าเดินทาง หรือค่าที่พักเพิ่ม เพราะตกขบวนรถไฟเลย เพียงเพิ่มความระมัดระวังกับตารางเดินรถเพิ่มขึ้นมา เพื่อนๆ อย่าลืมที่จะคอยเช็ค email ทุกชั่วขณะ เพราะทั้ง DB และ OBB จะแจ้งทุกอย่างผ่านทาง email และจะบอกว่า ตารางการเดินทางของรถไฟ ของแต่ละที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างไรบ้าง โดยขึ้นมาเป็นตัวหนังสือสีแดง (หากมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมค่ะ) และต้องพึงระลึกว่า รถไฟ เปลี่ยนแปลง Platform เปลี่ยนแปลงเวลาเดินรถบ่อยมากๆ ต้องคอย update ตารางเดินรถผ่านระบบ ซึ่งทำได้เร็วและชัดเจนที่สุดค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้