คือตอน ม.1 ช่วงจะปิดเทอมในระหว่างเรียนช่วงๆนั้นเราติดเล่นค่ะเลยส่งงานไม่ครบครูเลยจะทักทวงงานเค้าก็จะทวงกับผู้ปกครองอ่ะค่ะแล้วเราก็โดนดุโดนบ่นอันนั้นเราก็ไม่ติดใจอะไรค่ะเราทำตัวเราเองมีนอยบ้างแต่มันก็เกิดจากเราเองแล้วเรื่องก็ผ่านไป
.
พอมาช่วง ม.2 เราเป็นเด็กยุคโควิดต้องเรียนออนไลน์ที่บ้านเราก็ยังดึงตัวเองเข้าในการเรียนไม่ได้หลุดตลอดผลการเรียนแย่ทีนี้ก็ทะเลาะกับผู้ปกครองหนักเลยค่ะแล้วเค้าก็พูดคำนึงมันก็ทำเรานอยค่ะคำมันก็แรงพอควรช่วงนั้นร้องไห้ทุกวันเครียดหนักมากๆแล้วก็มีทำร้ายตัวเองให้แค่มันเจ็บมันได้ระบายแล้วก็พอ ก็ทำงี้วนไปหลายครั้งเลย จากที่ยังพอร่าเริงสดใสเราก็ซึมไม่อยากพูดไม่อยากเจอใครแต่พอเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็ดีขึ้นแค่ 20% อ่ะค่ะเรายังติดการระแวง
.
ช่วงม.3 เราตั้งใจเรียนมากขึ้นค่ะเกรดดีขึ้นจากเดิมพอควรแต่ผู้ปกครองเราเค้าก็จะชอบพูดเรื่องเกรดชอบพูดแซวในแบบที่มันทำร้ายจิตใจอ่ะค่ะแต่ก็มีทะเลาะกันบ้างทำอะไรไม่เข้าตาเค้าเท่าไหร่นิสัยเราก็เปลี่ยนหนักอยู่ค่ะช่วงนั้นเครียดหนักมากเพราะกระทบมาตั้งแต่ช่วง ม.2 ก็เลยได้เป็นไมเกรนต้องหาหมอเนื่องจากเครียดหนักแล้วก็ไม่ชอบกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเพราะเค้าชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ที่เค้าได้เป็นหมอจนจะได้ต่อเอกอ่ะค่ะ
.
ม.4 เราได้เข้าเรียนสิ่งที่ตัวเองอยากเข้าแล้วค่ะจบเทอม 1 เกรดเราดีมากๆ พ่อแม่ภูมิใจเลยแหละค่ะแต่ก็ยังมีเรื่องให้เราไม่ชอบอยู่กับผู้ปกครองคือเค้าชอบพูดทำร้ายจิตใจอ่ะค่ะเพราะเค้าเป็นคนพูดแรงอยู่แต่เราก็พึ่งโดนช่วง ม.1-2 อย่างระหว่างปิดเทอม พอมาเทอม 2 เราก็ตั้งใจเรียนเหมือนเดิมค่ะแต่เกรดเราลดมานิดนึงแต่ยังเลย 3.50 ค่ะ แต่เค้าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะแล้วก็เริ่มเปรียบเทียบอีกแล้วเรากลับมาเครียดเหมือนเดิมค่ะในช่วงปิดเทอมนอนไม่ค่อยหลับเลยปวดหัวมีอะไรในหัวตลอดเวลาแถมเค้ายังอยากให้เราเรียนจีนอยากให้เก่งให้หลายภาษาเพิ่มตั้งเป้าหมายอีกว่า ม.5 ขอ 3.80+ แล้วมีวันนึงเราทำยำอ่ะค่ะช่วยเค้าแล้วเค้าให้เราล้างหม้อเราก็ล้างมละมันมีจุดที่ขัดไม่ออกเค้าไม่ถามเราเลยแต่พูดขึ้นมาประมาณว่านี่ล้างแล้วหรออย่าทำอะไรให้มันทุเรศเหมือนหน้าตาตัวเองดิ แล้วเค้าก็เอาไปขัดใหม่ค่ะหลังจากนั้นเค้าเดินออกไปเราไปดูหม้อคราบมันก็ยังอยู่อ่ะค่ะตอนนั้นนอยหนักอีกเรายิ่งเครียดนอนไม่หลับเลยพอยิ่งเริ่มใกล้เปิดเทอมก็เริ่มเหม่อ ซึมๆ เรานอนมากเครียดจนอยากจะร้องไห้บ่อยๆ แล้วถ้าไม่ได้ร้องจะอึดอัดมากกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วก็ยังเป็นแบบเดิมที่หนักขึ้นคือเราอารมณ์ร้อนขึ้นง่ายมากหงุดหงิดง่ายแล้วก็มีที่ไม่อยากกินข้าวพร้อมครอบครัวไม่อยากนั่งเล่นไม่ว่าจะที่ไหนเลยกับเค้าเลยค่ะมันระแวงว่าเค้าจะพูดคำแรงๆมาใส่เราตอนไหนกลัวจะร้องไห้ต่อหน้าเค้าอย่างตอนวันเกิดเรางอนอ่ะค่ะคิดว่าไม่มีใครจำวันเกิดเราได้+กับปวดหัวด้วยเค้ามาเซอร์ไพรส์เราเลยไม่ลุกขึ้นไปแล้วเค้าก็พูดว่ามันอ่ะรู้เรื่องที่จะเซอร์ไพรส์แต่ว่าแกล้งตอนเราไม่ลุกไปเป่าเค้าก็พูดว่าต่อไป*ูจะไม่ทำอะไรให้มันละอย่าหวังจะได้อะไรจาก*ู แต่เค้าก็พาไปทำกิจกรรมอื่นเราก็รู้สึกดีขึ้นแต่มันจะชอบเป็นงี้บ่อยๆจนมันไม่ได้เยียวยาจิตใจเราขนาดนั้นค่ะ เค้าชอบพูดคำแรงใส่แล้วต่อมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดพาไปทำกิจกรรมนอกบ้านแล้วก็วนอีกเรื่อยๆ จนเรารู้สึกแย่มากๆอึดอัดจนไม่รู้จักปรึกษาใครอีกเราเคยคิดจะหนีออกจากบ้านบ่อยด้วยความที่บ้านมีน้องด้วยก็จะมีปัญหาเรื่องแบบว่าความไม่เท่าเทียมมาอีกคือปัญหามันเยอะมากจริงๆตัวเราเองอยากจะพบแพทย์อยู่ค่ะแค่อยากปรึกษาแต่ก็ติดที่ไม่กล้าบอก ผปค
ปล. ที่ใช้คำว่า ผปค ไม่ใช่ทั้งครอบครัวนะคะเราแค่ไม่อยากระบุว่าเป็นใคร
สวัสดีค่ะเราอยากมาเล่าเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องของเราว่าต้องจัดการยังไงตัวเราเองต้องทำยังไง
.
พอมาช่วง ม.2 เราเป็นเด็กยุคโควิดต้องเรียนออนไลน์ที่บ้านเราก็ยังดึงตัวเองเข้าในการเรียนไม่ได้หลุดตลอดผลการเรียนแย่ทีนี้ก็ทะเลาะกับผู้ปกครองหนักเลยค่ะแล้วเค้าก็พูดคำนึงมันก็ทำเรานอยค่ะคำมันก็แรงพอควรช่วงนั้นร้องไห้ทุกวันเครียดหนักมากๆแล้วก็มีทำร้ายตัวเองให้แค่มันเจ็บมันได้ระบายแล้วก็พอ ก็ทำงี้วนไปหลายครั้งเลย จากที่ยังพอร่าเริงสดใสเราก็ซึมไม่อยากพูดไม่อยากเจอใครแต่พอเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็ดีขึ้นแค่ 20% อ่ะค่ะเรายังติดการระแวง
.
ช่วงม.3 เราตั้งใจเรียนมากขึ้นค่ะเกรดดีขึ้นจากเดิมพอควรแต่ผู้ปกครองเราเค้าก็จะชอบพูดเรื่องเกรดชอบพูดแซวในแบบที่มันทำร้ายจิตใจอ่ะค่ะแต่ก็มีทะเลาะกันบ้างทำอะไรไม่เข้าตาเค้าเท่าไหร่นิสัยเราก็เปลี่ยนหนักอยู่ค่ะช่วงนั้นเครียดหนักมากเพราะกระทบมาตั้งแต่ช่วง ม.2 ก็เลยได้เป็นไมเกรนต้องหาหมอเนื่องจากเครียดหนักแล้วก็ไม่ชอบกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเพราะเค้าชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ที่เค้าได้เป็นหมอจนจะได้ต่อเอกอ่ะค่ะ
.
ม.4 เราได้เข้าเรียนสิ่งที่ตัวเองอยากเข้าแล้วค่ะจบเทอม 1 เกรดเราดีมากๆ พ่อแม่ภูมิใจเลยแหละค่ะแต่ก็ยังมีเรื่องให้เราไม่ชอบอยู่กับผู้ปกครองคือเค้าชอบพูดทำร้ายจิตใจอ่ะค่ะเพราะเค้าเป็นคนพูดแรงอยู่แต่เราก็พึ่งโดนช่วง ม.1-2 อย่างระหว่างปิดเทอม พอมาเทอม 2 เราก็ตั้งใจเรียนเหมือนเดิมค่ะแต่เกรดเราลดมานิดนึงแต่ยังเลย 3.50 ค่ะ แต่เค้าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะแล้วก็เริ่มเปรียบเทียบอีกแล้วเรากลับมาเครียดเหมือนเดิมค่ะในช่วงปิดเทอมนอนไม่ค่อยหลับเลยปวดหัวมีอะไรในหัวตลอดเวลาแถมเค้ายังอยากให้เราเรียนจีนอยากให้เก่งให้หลายภาษาเพิ่มตั้งเป้าหมายอีกว่า ม.5 ขอ 3.80+ แล้วมีวันนึงเราทำยำอ่ะค่ะช่วยเค้าแล้วเค้าให้เราล้างหม้อเราก็ล้างมละมันมีจุดที่ขัดไม่ออกเค้าไม่ถามเราเลยแต่พูดขึ้นมาประมาณว่านี่ล้างแล้วหรออย่าทำอะไรให้มันทุเรศเหมือนหน้าตาตัวเองดิ แล้วเค้าก็เอาไปขัดใหม่ค่ะหลังจากนั้นเค้าเดินออกไปเราไปดูหม้อคราบมันก็ยังอยู่อ่ะค่ะตอนนั้นนอยหนักอีกเรายิ่งเครียดนอนไม่หลับเลยพอยิ่งเริ่มใกล้เปิดเทอมก็เริ่มเหม่อ ซึมๆ เรานอนมากเครียดจนอยากจะร้องไห้บ่อยๆ แล้วถ้าไม่ได้ร้องจะอึดอัดมากกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วก็ยังเป็นแบบเดิมที่หนักขึ้นคือเราอารมณ์ร้อนขึ้นง่ายมากหงุดหงิดง่ายแล้วก็มีที่ไม่อยากกินข้าวพร้อมครอบครัวไม่อยากนั่งเล่นไม่ว่าจะที่ไหนเลยกับเค้าเลยค่ะมันระแวงว่าเค้าจะพูดคำแรงๆมาใส่เราตอนไหนกลัวจะร้องไห้ต่อหน้าเค้าอย่างตอนวันเกิดเรางอนอ่ะค่ะคิดว่าไม่มีใครจำวันเกิดเราได้+กับปวดหัวด้วยเค้ามาเซอร์ไพรส์เราเลยไม่ลุกขึ้นไปแล้วเค้าก็พูดว่ามันอ่ะรู้เรื่องที่จะเซอร์ไพรส์แต่ว่าแกล้งตอนเราไม่ลุกไปเป่าเค้าก็พูดว่าต่อไป*ูจะไม่ทำอะไรให้มันละอย่าหวังจะได้อะไรจาก*ู แต่เค้าก็พาไปทำกิจกรรมอื่นเราก็รู้สึกดีขึ้นแต่มันจะชอบเป็นงี้บ่อยๆจนมันไม่ได้เยียวยาจิตใจเราขนาดนั้นค่ะ เค้าชอบพูดคำแรงใส่แล้วต่อมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดพาไปทำกิจกรรมนอกบ้านแล้วก็วนอีกเรื่อยๆ จนเรารู้สึกแย่มากๆอึดอัดจนไม่รู้จักปรึกษาใครอีกเราเคยคิดจะหนีออกจากบ้านบ่อยด้วยความที่บ้านมีน้องด้วยก็จะมีปัญหาเรื่องแบบว่าความไม่เท่าเทียมมาอีกคือปัญหามันเยอะมากจริงๆตัวเราเองอยากจะพบแพทย์อยู่ค่ะแค่อยากปรึกษาแต่ก็ติดที่ไม่กล้าบอก ผปค
ปล. ที่ใช้คำว่า ผปค ไม่ใช่ทั้งครอบครัวนะคะเราแค่ไม่อยากระบุว่าเป็นใคร