JJNY : 5in1 พิธาแจงสื่อเยอรมัน│‘กัณวีร์’จี้รบ.ถอนตัว│แม่ค้าครวญผักสดแพง-ขายกำไรน้อย│โวยปลูกกัญชาเจ๊ง│ปะการังโลกฟอกขาว

พิธา แจงสื่อเยอรมัน ปม บุ้ง ทะลุวัง ย้ำจุดยืน ม.112 กังวลยุบพรรคเป็นวงจรอุบาทว์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4581392
 
 
พิธา แจงสื่อเยอรมัน ปม บุ้ง ทะลุวัง ย้ำจุดยืน ม.112 กังวลยุบพรรคเป็นวงจรอุบาทว์
 
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ ด็อยท์เชอเว็ลเลอ (DW หรือ Deutsche Welle) สื่อเยอรมัน ที่ตั้งประเด็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” นักกิจกรรมทางการเมืองกลุ่มทะลุวัง ซึ่งเสียชีวิตจากการอดอาหารประท้วงในระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากการถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112
 
เริ่มจากที่พิธีกรถามนายพิธาว่า มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร และคิดว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเธอ
 
นายพิธากล่าวว่า มันเป็นการสูญเสียที่น่าเศร้าสำหรับประเทศไทยที่กลุ่มเยาวชนนักเคลื่อนไหวอย่าง น.ส.เนติพรที่เรียกร้องหลักนิติธรรม (the rule of law) แทนที่หลักนิติวิธี (the rule by law) การจับกุมคุมขังก่อนการพิจารณาคดีและสิทธิในการประกันตัวของผู้ที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ นี่เป็น 3 สิ่งสำคัญที่ น.ส.เนติพรต่อสู้
 
ซึ่งแน่นอนว่าการปฏิรูปมาตรา 112 ยังอยู่ในจุดเริ่มต้น แต่เธอถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัว นั่นทำให้มีคนรุ่นใหม่หลายคนที่ถูกจับกุมก่อนจะมีการพิจารณา อดอาหารประท้วง ซึ่ง น.ส.เนติพรไม่ใช่คนแรก
 
ตนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดภายในสำหรับครอบครัวที่เธอต้องฟันฝ่าไปด้วยวิธีนี้ ซึ่งน่าจะมีวิธีการเจรจาเพื่อไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้น
 
เมื่อพิธีกรถามว่า น.ส.เนติพร ควรถูกคุมขังหรือไม่ จากการไปสอบถามความเห็นเกี่ยวกับสถาบัน นายพิธากล่าวว่า ในประเทศไทยกฎหมายไม่อนุญาตให้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถาบัน แต่อารมณ์ความรู้สึกของยุคสมัยอาจเปลี่ยนไป เราในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติ พยายามจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มีความเหมาะสมในการปกป้องประมุขแห่งรัฐและปกป้องสิทธิเสรีภาพในการพูด เพื่อให้มั่นใจว่ากฎหมายมีความเหมาะสมเมื่อพูดถึงการละเมิดเสรีภาพ แม้ว่ามันจะผิด เธอก็มีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว ซึ่งเป็นการสันนิษฐานว่าเธอยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่เธอจะต้องผ่านการพิจารณาคดีก่อน ที่จะตัดสินความถูกผิด แต่ น.ส.เนติพรกลับไม่ได้แม้กระทั่งสิทธิประกัน นั่นทำให้เธออดอาหารประท้วง
 
พิธีกรถามถึงการแก้ไขมาตรา 112 ที่เป็นหนึ่งในการรณรงค์หาเสียงของนายพิธาและพรรคก้าวไกลว่า ยังมีจุดยืนเหมือนเดิมที่จะให้มีการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่
 
นายพิธากล่าวว่า ยังคงเป็นประเด็นว่าจะรักษาประเทศไทยให้คงอยู่ในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างไร นอกเหนือจากการปฏิรูปแล้ว ยังเป็นทางสายกลางระหว่างขั้วความคิดเห็นหรืออารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ว่าบทบาทของกฎหมายและสถาบันในศตวรรษ 21 ควรเป็นอย่างไร เราในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติ เราไม่ต้องการเห็นการแบ่งขั้วความคิดเห็นนอกรัฐสภา แต่ต้องการเห็นทางร่วมกัน
 
พิธีกรถามย้ำในจุดยืนนายพิธาว่า ยังต้องการให้มีการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ นายพิธากล่าวตอบรับว่า ครับ แต่เป็นไปภายใต้ขอบเขตที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
 
ต่อประเด็นคำถามว่าพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งที่ผ่านมา ได้ที่นั่งมากที่สุด แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายได้ หากผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากประชาชนอย่างนายพิธาในการแก้ไขกฎหมาย แต่ไม่สามารถทำได้ แล้วจะแก้ได้อย่างไร นายพิธากล่าวว่า ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่ทำได้คือทำสิ่งเดียวกัน และอธิบายกับฝ่ายที่ต่อต้านว่าเรามีเจตนาดีต่อสถาบัน และในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ เราต้องการให้กษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง และเราไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองใช้กฎหมายมาตรา 112 ในการทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา ต้องใช้การอธิบาย และหวังว่านั่นคือสิ่งที่เราทำในคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายนนี้
 
พิธีกรได้ถามนายพิธาถึงความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบและเขาจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งนายพิธาตอบว่า เมื่อดูจากอดีตแล้ว นี่ถือเป็นวงจรอุบาทว์ครั้งที่ 5 ในรอบ 20 ปีที่มีเรื่องราวเช่นนี้ สถิติในอดีตไม่ได้เข้าข้างผมเลย แต่ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดและเชื่อมั่นเอาไว้ มันก็ยังมีโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบเหมือนพรรคอนาคตใหม่ แต่เราก็จะพยายามต่อสู้และชี้แจงว่านี่ไม่ได้กระทบแค่ผมหรือพรรคเพียงอย่างเดียวแต่ยังกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของไทยโดยรวมอีกด้วย
 
นายพิธาชี้แจงต่อคำถามของพิธีกรว่า เขาให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้เกินจริงหรือไม่ ที่จะขจัดอิทธิพลของกองทัพ และปฏิรูปกฎหมาย ม.112 ว่าตนไม่คิดว่าได้ให้คำมั่นสัญญาไว้เกินจริง สิ่งที่ผมอยากจะทำคือปฏิรูปประเทศไทยในขณะที่ยังรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ เราอยากที่จะเอาทหารออกจากการเมือง ลดการผูกขาด และกระจายอำนาจ มันเป็นวิธีที่เรียบง่ายในการขึ้นสู่อำนาจในระบอบประชาธิปไตย ผมชนะการเลือกตั้งและตั้งรัฐบาลผสมแต่ก็ถูกสมาชิกวุฒิสภาขัดขวาง
 
ต่อคำถามของพิธีกรว่านายพิธาได้ตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคเพื่อไทยที่ได้ที่ 2 ในการเลือกตั้ง แต่เป็นพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจพูดได้ว่าเพื่อไทยไม่ได้รับอาณัติจากประชาชนเหมือนกับที่คุณมี นั่นทำให้รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมใช่หรือไม่
 
นายพิธาตอบว่า ผมคิดว่าจะเกิดวิกฤตไม่ชอบธรรมขึ้นอยู่กับว่าคุณทำผลงานได้ดีหรือไม่ดี มันมีความคาดหวังในตัวรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาหลังรัฐบาลทหาร ให้นำความเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป และปรับเปลี่ยนโครงสร้าง แต่ 7 เดือนผ่านไปกลับไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเลย
 
พิธีกรถามว่านายพิธาคิดว่าตนถูกขโมยผลการเลือกตั้งนี้ไปจากคุณหรือไม่ ซึ่งนายพิธาตอบว่า มันเป็นไปตามที่คาด มันเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์สถานการณ์ว่าต่อให้คุณชนะก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะขึ้นเป็นรัฐบาลได้ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญที่ถูกร่างขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ดังนั้นผมรู้เรื่องนี้อยู่แล้วก่อนการเลือกตั้ง แต่ผมพยายามทุกวิถีทางตามหลักจริยธรรมเพื่อพยายามรักษาความซื่อสัตย์ทางการเมืองให้มากที่สุด และผมเลือกเดินบนเส้นทางนี้เพื่อผันตัวเป็นฝ่ายค้านของรัฐบาล
 
ต่อคำถามว่าตอนนี้รัฐบาลชุดเดิมกำลังพูดถึงการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพิธาคิดว่ารัฐบาลมีความจริงใจหรือไม่ในการพูดถึงเรื่องอยากทำประชามติ ซึ่งนายพิธาให้ความเห็นว่าก็ต้องรอดูกันต่อไป ตนหวังว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจ เพราะหลายอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในไทยตอนนี้ก็เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว คุณจะมีประชามติ 2 หรือ 3 ครั้งก็ได้แต่สำคัญอยู่ที่คำถามในการทำประชามติเป็นอย่างไร ซึ่งอาจฟังดูง่ายแต่แท้จริงแล้วในรายละเอียดมีความซับซ้อนและอาจเกิดปัญหาได้ เราก็ต้องดูกันต่อไป แต่ในฐานะฝ่ายค้านแล้วเราต้องทำให้แน่ใจว่ารัฐบาลจะทำตามที่รับปากไว้
พิธีกรของรายการได้ย้อนว่าวันที่ 22 พฤษภาคมของปีนี้จะเป็นการครบรอบ 10 ปีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก่อรัฐประหาร นายพิธามีความคิดเห็นอย่างไรกับช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ประชาธิปไตยในประเทศมีความก้าวหน้าต่อไปหรือไม่ เพราะหลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งหลายครั้งตามมา
 
นายพิธาให้ความเห็นว่ามันเป็นทศวรรษที่สูญหาย ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเรียกประเทศไทยว่า ระบอบเผด็จการที่มีการแข่งขัน ที่กลุ่มอำนาจเบื้องหลังอนุญาตให้มีการจัดเลือกตั้งบ้างนานๆ ครั้ง และถึงแม้ว่าผลการเลือกตั้งจะไม่เป็นตามต้องการ แต่จะมีกลไกอิสระของการปกครองแบบเผด็จการที่มีส่วนน้อยเพียง 1% จะหยุดไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง การต่อต้านความเปลี่ยนแปลงยังคงมีอยู่ตลอดในหลายรูปแบบ แต่พวกเขาก็ฉลาดขึ้นมากตอนนี้ ในอดีตคุณอาจพบเห็นการทำรัฐประหารของทหารเพื่อหยุดความเปลี่ยนแปลง หรือคุณอาจเห็นการทำสงครามและความรุนแรงบนท้องถนน แต่ปัจจุบันคุณจะเห็นการทำรัฐประหารทางตุลาการ คุณอาจเห็นนิติสงคราม การต่อสู้ในชั้นศาล มันเกี่ยวกับความสามัคคีของฝ่ายประชาธิปไตยทั่วเอเชียและทั่วโลกในการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการที่มีการแข่งขันที่เกิดขึ้นไปทั่ว
 
สำหรับคำถามสุดท้ายว่านายพิธารู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ที่ชนะการเลือกตั้งแต่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธาตอบว่า “ผมคิดว่าเวลาของผมจะมาถึง นั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อนะ ท้ายที่สุดแล้วเวลาของผมจะมาถึงและผมก็รอได้ ผมต้องยึดถือความซื่อสัตย์ทางการเมือง มิเช่นนั้นคงนอนไม่หลับ นั่นคือสาเหตุที่ผมเลือกเดินเส้นทางนั้นและผมไม่เสียดายเลย
 

 
‘กัณวีร์’ จี้รัฐบาลไทยถอนตัว สมัครสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ถ้าชี้แจงการเสียชีวิตของ’บุ้ง’ไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4581717

‘กัณวีร์’ จี้รัฐบาลไทยถอนตัวจากการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ถ้ายังไม่สามารถชี้แจงการเสียชีวิตของ’บุ้ง-เนติพร’ได้ ทำให้ไทยตกอยู่ในสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
 
วันที่ 17 พ.ค.67 นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ขณะการถูกคุมขังและรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา กำลังถูกจับตาจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในกระบวนการยุติธรรม และสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ผ่านมา 3 วันแล้ว กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร ให้สิ้นข้อสงสัย ทั้งสาเหตุการเสียชีวิต และขั้นตอนการช่วยชีวิต จนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
 
สิ่งที่ควรพูดและย้ำให้มากในเวลานี้คือการถามหาความรับผิดชอบต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขัง ความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้ถูกคุมขังในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ยังมีข้อสงสัยต่อขั้นตอนการช่วยชีวิต ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ และมีอุปกรณ์เพียงพอหรือไม่ ทำไมใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึง รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ต้องชี้แจงกับประชาชน
 
นายกัณวีร์ เรียกร้องไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องสร้างความโปร่งใสให้กับประชาชน ว่ามีมาตรฐานการปฏิบัติกับผู้ถูกคุมขังที่เป็นผู้ป่วยที่อดอาหารมา 110 วัน ได้ถูกหลักมาตรฐานและไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
 
คนตายทั้งคน ไม่ว่าเขาจะถุกคุมขังด้วยคดีใด ก็ไม่ควรต้องมาเสียชีวิต หากได้รับการดูแลรักษาอย่างดี และ บุ้ง ก็ยังไม่ใช่นักโทษเด็ดขาด เธอยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะทำให้เธอต้องมาตายก่อนจะได้รับความยุติธรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องรีบดำเนินการแยกนักโทษเด็ดขาด (คดีที่ศาลตัดสินแล้ว) และผู้ที่รอการพิจารณาคดี ออกจากกันโดยเร็ว เนื่องจากการดูแลและอิสรภาพของทั้งสองกลุ่มแตกต่างกันอย่างมาก
 
นายกัณวีร์ กล่าวว่าหากรัฐบาลยังชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ยิ่งตอกย้ำในข้อเรียกร้องของ น.ส.เนติพร ว่าไทย ไม่ควรได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ไม่มีสิทธิที่จะไปสมัครเสนอตัว หรือขอคะแนนจากประเทศต่างๆ เพราะไทยไม่มีคุณสมบัติใดๆ เลย
 
ถ้ายังชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้ ถอนตัวไปเถอะครับ อย่าดันทุรังที่จะเสนอตัว สมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ ให้ต่างชาติเขาหัวเราะเยาะเถอะครับ อย่างที่ผมเคยให้ความเห็นไปหลายครั้งว่า ไทยยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นกรณีการขังลืมชาวอุยกูร์ในห้องกัก ตม.10 ปี กรณีชาวโรฮีนจาและคดีทางการเมือง ที่ถูกจับตาอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่