Civil War การค้นหาตนเองและส่งไม้ต่อ

Civil War เป็นภาพยนต์จากค่าย A24 มีชื่อไทยว่า วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด เล่าถึงเหตุการณ์สมมุติว่าเกิดสงครามกลางเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ละรัฐแบ่งเป็นฝักฝ่ายและทำสงครามกันเอง 

นางเอกของเรื่องคือ ลี ช่างภาพสงครามมืออาชีพร่วมกับเพื่อนนักข่าวสายสัมภาษณ์  โจ และนักข่าวอาวุโส แซมมี่ ได้วางแผนและตกลงกันว่าจะเดินทางไปสัมภาษณ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ผู้เป็นต้นเหตุของสงครามครั้งนี้ที่ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเป็นสกูปพิเศษ โดยมีช่างภาพสาวสมัครเล่น เจสซี่ ผู้มองนางเอกเป็นแบบอย่างจับพลัดจับผลูร่วมทีมไปด้วย

และการเดินทางร่วม 800 กว่าไมล์ (ราว ๆ 1287 กิโลเมตร) เพื่อทำข่าวก็เริ่มต้นขึ้น

คำเตือน เนื้อหาต่อไปนี้จะมีการสปอย์หนังตลอดทั้งเรื่อง



มีไม่บ่อยครั้งในชีวิตที่ภาพยนต์จะเล่าตรงกับสิ่งที่ผู้ชมเคยมีประสบการณ์ ไม่มากก็น้อย  สำหรับผู้เขียน Civil War คือเรื่องนั้น

เคยฝึกงานในสำนักข่าว ทำให้พอรู้อะไรเกี่ยวกับงานของนางเอกมาบ้าง และ มีความสนใจในการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก จึงเข้าใจในความยากลำบากของช่างภาพสาวที่ยังเป็นมือใหม่

นี่ทำให้ Civil War จึงเป็นหนึ่งในประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในการชมภาพยนต์ 

สิ่งแรกที่นึกถึงเมื่อเขียนเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือ

อยากเอากล้องมาถ่ายจอ

ในหนังนั้นเต็มไปด้วย shot หรือ ซีน ที่สายชอบถ่ายรูปจะต้องนึกอยากเอากล้องมาถ่ายไปพร้อม ๆ กับช่างภาพสาวที่เธอจะคอยถ่ายรูปไปตลอดเรื่องแน่ ๆ  

ยิ่งได้ข้อมูลว่าผู้กำกับให้นักแสดงที่เล่นเป็น เจสซี่ ถ่ายภาพจริง ๆ ระหว่างแสดงแล้วเอามาใส่ในหนังด้วยแล้ว ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกมากขึ้นสำหรับผู้ชมสายถ่ายภาพ และจะยิ่งฟินมากขึ้นหากได้ดูในโรง Imax 



สิ่งต่อมาที่นึกถึงคือ การค้นหาตนเอง 

ที่ช่างภาพสาวออกมาถ่ายภาพการปะทะ กระทบกระทั้งต่าง ๆ ในช่วงเริ่มเรื่องนั้นก็เพราะเธออยากเป็นช่างภาพสงคราม เหมือนนางเอก

ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าผู้อ่านเคยเจอประสบการณ์นี้บ้างไหม ที่ตนเองอยู่ในสายงานหรือทำอะไรสักอย่างหนึ่งมานานจนชำนาญ แล้วมาเจอ Rookie มือสมัครเล่นทำงานในสายเดียวกัน แล้วพอมอง ๆ ไปก็เกิดอาการคันในใจแบบ “เก้เก้กังกังจังว่ะ”, “อย่างนั้นไม่ได้โว๊ย” หรือ “เดียวก็เจ็บตัวจนได้” 

ซึ่งงานในสายนางเอกนั้นไม่ใช่เล่น ๆ เต็มไปด้วยอันตราย นางเอกจึงเข้าไปช่วยช่างภาพสาวที่พลาดบาดเจ็บ ให้คำแนะนำ บอกอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานที่ควรหามาเพิ่ม ให้เสื้อสะท้อนแสงสำหรับแสดงตัวเป็นสื่อ รวมถึงช่วยดึงหลบเข้าที่กำบังในตอนอันตรายด้วย

นี่ทำให้ผู้เขียนนึกถึงตอนสมัยพึ่งจบใหม่ที่ยังเป็น กี้ ๆ ในการทำงาน ไม่รู้ว่าเจอแบบนี้ต้องทำยังไง อุปกรณ์ไหนจำเป็นหรือเกินจำเป็นก็ไม่รู้ ได้แต่ครูพักลักจำ, หาวิธีจาก net, รุ่นพี่แนะนำ หรือไม่ก็เล่นรู้จากประสบการณ์จริงเอา



ต่อมา พอทีมนางเอกตกลงไปจะสัมภาษณ์ประธานาธิบดีที่ วอชิงตัน ดี.ซี. เช้าวันต่อมาก็พบว่ายัยมือสมัครเล่น เจสซี่ แอบไปดีลกับ โจ เพื่อร่วมทางไปทำข่าวด้วย ทำให้นางเอกโมโห เพราะงานนี้อันตรายมาก 

อันที่จริงผู้เขียนมีความรู้สึกว่านางเอกไม่ได้ทำงานนี้เพราะต้องการด้วยซ้ำ แต่จับพลัดจับผลูมาทำและไม่มีที่ไป เธอคิดเสมอว่าการเลือกมาทำงานในสายนี้คือความผิดพลาดและไม่อยากให้เจสซี่ต้องมาเจอแบบเธอ ซึ่งจาก Flash back ที่หนังได้นำเสนอก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไหม

ตรงนี้ผมชอบประโยคหนึ่งที่ โจ พูดกับนางเอก ลี มาก

“คนเรามันก็ต้องเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งนั้นแหละ”

เหมือน เจสซี่ ที่อยากเป็นช่างภาพสงคราม เธอเองก็ต้องเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่ง 

Nikon F2 กล่องฟิลม์เก่า ๆ ที่ออกวางขายเมื่อช่วงปี 1970 - 1980 ซึ่งไม่รู้ไปขุดมาจากไหน เดาว่าคงเป็นของพ่อเธอเอง

อุปกรณ์ล้างฟิลม์นอกสถานที่และส่องฟิลม์ด้วย Smart Phone

นี่คือจุดเริ่มต้นของเธอ

ประโยคนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงตัวเองที่เคยจะเริ่มทำอะไรขึ้นมาเหมือนกัน

เริ่มลองฝึกวาดการ์ตูน ด้วยดินสอ HB และ ปากกาลูกลื่น กับกระดาษ A4 หนึ่งแผ่น

เริ่มฝึกทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกด้วยโปรแกรม Paint บน Window

เริ่มฝึกเขียน Web ด้วยโปรแกรมแบบคลิก ลาก วาง ไม่ได้เขียนโค้ดตรง ๆ

ผู้อ่านเองก็น่าจะเคยมีประสบการณ์ จุดเริ่มต้น อะไรแบบนี้เหมือนกัน

สุดท้าย ลี ยอมให้ เจสซี่ ติดตามไปด้วยแต่ให้ไปถึงแค่ชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งห่างจาก วอชิงตัน ดี.ซี. ที่จะไปทำข่าวเพียง 186 กิโลเมตร 



พอออกเดินทางได้ไม่นาน เจสซี่ ก็โดนหน้างานรับน้องจนได้ 

ทำให้นึกถึงตัวเองตอนทำงานใหม่ ๆ ที่ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก

จน ลี รุ่นพี่ชาญสนามมาช่วย แบบชิว ๆ แนบเนียนและลื่นไหล แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของประสบการณ์อย่างชัดเจน

หลังผ่านตรงนั้นมาได้ เจสซี่ ก็เริ่มมีอารมณ์สับสนและตั้งคำถาม

ฉันเป็นช่างภาพสงคราม แต่ทำไมตอนนั้นถึงไม่มีความคิดที่จะถ่ายรูป ทำไมฉันถึงไม่ถ่ายรูป ฉันควรต้องถ่ายสิ

ทำไมพวกเค้าถึงทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น ทำไม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนชาติเดียวกัน  

ทำไม ผู้กระทำกับผู้ถูกกระทำก็รู้จักกันดีแท้ ๆ 

ทำไม ทำไม ทำไม

ตรงนี้ ลี ที่เป็นรุ่นพี่ถือว่ามีส่วนอย่างมากในการทำให้ เจสซี่ เข้าใจในชีวิตการทำงานนี้ โดยบอกกับเจสซี่ที่กำลังสับสนว่า

"เราไม่ได้มีหน้าที่ตั้งคำถาม เรามีหน้าที่แค่ถ่ายภาพไปให้คนอื่นตั้งคำถาม"

“ถ้าเราตั้งคำถามเอง มันจะไม่มีวันจบ”



จากนั้น ลี ก็พา เจสซี่ แวะข้างทางและช่วยให้เธอ…ขอใช้คำที่ตัวลีเองพูดช่วงท้ายเรื่องแล้วกัน

โปรเซสซิ่ง

ในซับแปลไว้ว่า กำลังทำใจ

แต่สำหรับผู้เขียน มองว่าคำนี้ ในกลุ่มของลี ที่เป็นนักข่าว ความหมายจริง ๆ น่าจะหมายถึง

ทำความเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ด้วยการพาไปแวะถ่ายภาพเฮลิคอปเตอร์ทหารที่ตกอยู่กลางลานจอดรถโล่ง ๆ  หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง องค์ประกอบภาพสวยมาก ผู้เขียนกดชัตเตอร์รั่ว ๆ ในใจ

จะมีอะไรช่วยให้นักถ่ายภาพสงบลงได้เท่าการพาไปถ่ายภาพสวย ๆ ในที่สงบ ๆ สักชุดหนึ่ง



หลังจากนั้นทีมก็เดินทางต่อไป และเรื่องราวก็เข้าสู่ ผู้เขียนขอใช้คำนี้แล้วกัน 

ช่วงฝึกงาน

ทีมเดินทางไปเจอกับการปะทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านเลยเข้าไปทำข่าว โดยมี ลี และ เจสซี่ เป็นช่างภาพ 

ตรงนี้ผู้เขียนสังเกตได้ว่าการแต่งกายของ เจสซี่ นั้นเป็นไปตามที่ ลี แนะนำในตอนต้นเรื่องแล้ว มีหมวกเกราะ ชุดกันกระสุนติดป้าย Press (สื่อ) ชัดเจน โดยมี โจ เป็นเหมือนครูฝึกตามประกบคอยจับคอเสือกันกระสุนของ เจสซี่ ไว้ คอยดึงไม่ให้โผไปถ่ายรูปในจังหวะไม่ปลอดภัย และ คอยดึงกลับมาเข้าที่กำบังเมื่อออกไปนานเกินหรือมีอันตราย

ส่วน ลี และ โจ เองก็แต่งกายตามสูตรที่สอน เจสซี่ ไวั 
ผู้เขียนมองว่าเป็นการทำตัวเป็นแบบอย่างให้เห็น

ระหว่างการเดินทาง โจและแซมมี่ก็ค่อย ๆ แนะทริปอะไรต่าง ๆ รวมถึงแชร์สิ่งที่เจอในการทำงานให้ เจสซี่  เช่น โจ ที่เล่าว่าคนทำงานนี้มักเป็นโรคนอนไม่หลับจนต้องพึ่งยานอนหลับ ถ้านอนได้ก็นอนเอาแรงไว้



ตรงนี้ แซมมี่ ถือเป็นตัวละครที่ผู้เขียนสนใจและประทับใจในแง่ที่ว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น แก่ตัวไปอยากเป็นคนแก่แบบไหน

แซมมี่คือคนแก่ที่ผู้เขียนอยากเอาเป็นอย่างนั้นเมื่ออายุเยอะขึ้น 

เปี่ยมประสบการณ์ รอบรู้และอ่านเกมขาด ทุกคำแนะนำที่ แซมมี่ พูดออกมาตั้งแต่ต้นเรื่องนั้น พอมานึกย้อนหลังแล้วเป็นคำแนะนำที่ถูกต้องและเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่พูดเตือนจริง ๆ

แต่ แซมมี่ ก็ไม่ได้บังคับ ลี และ โจ ให้ทำตาม เหมือนวัฒนธรรมเอเซียซึ่งผู้อาวุโสน้อยกว่าต้องทำตามผู้อาวุโสกว่า โดยให้คนที่ลงสนามจริงเป็นคนที่ตัดสินใจว่าจะทำแบบไหน เช่น การไปสัมภาษณ์ประธานาธิบดี ซึ่ง แซมมี่ ก็เตือนแล้วว่าคนแบบนี้ไม่คุ้มเสี่ยงไปสัมภาษณ์หลอก ซึ่งในตอนจบก็เป็นเช่นนั้น 

และ อีกหลาย ๆ เรื่อง ที่ แซมมี่ให้คำแนะทำโดยปล่อยให้การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเป็นของผู้ปฏิบัติงาน โดยตัวเองจะช่วยสนับสนุนเป็นแผนสำรองถ้าทำได้ ซึ่งนี่ทำให้ช่วงหนึ่งที่ทีมประสบปัญหาร้ายแรงก็สามารถรอดชีวิตมาได้เพราะ แซมมี่ 


เมื่อทีมเดินทางมาถึงชาร์ลอตส์วิลล์ ซึ่งระหว่างทางผ่านพบเรื่องราวและการสูญเสียมามากมาย ช่วงพักที่ค่ายทหาร เจสซี่ ก็เริ่มการ โปรเซสซิ่ง และสรุปกับ ลี ว่า แม้ตนเองจะพบเรื่องโหดร้าย เกือบตาย แต่ก็ไม่เคยพบว่าตนเองมีชีวิตชีวาขนาดนี้เลยในชีวิต 

ลี คงมองว่า เจสซี่ สรุปแล้วว่าเธอทำงานนี้ได้จริง ๆ 

และทีมก็ยอมให้เธอได้เข้าร่วมไปถ่ายภาพทำข่าวการบุกทำเนียบขาว ณ วอชิงตัน ดี.ซี. 

ตรงนี้มีจุดน่าสนใจคือ เจสซี่ จากเดิมที่ต้องมีโจคอยประกบ จับเสื้อคุมจังหวะโผถ่ายรูป ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เจสซี่ เรียนรู้จังหวะโผถ่ายรูปได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน แม้จะมีบางจังหวะที่ดูเสี่ยงอยู่บ้างด้วยความห้าวของวัยรุ่น แต่ โจ เห็นแล้วก็ยิ้ม ดีใจที่ศิษย์เรียนรู้เร็ว 

จาก เด็กฝึกงาน เป็น ช่างภาพสงคราม เต็มตัว



แต่เมื่อเทียบกับ ลี ที่ตอนนั้นดูเหมือนจะทำงานไม่ไหวแล้วด้วยสภาพจิตใจ ก็ยังถือว่าด้อยประสบการณ์กว่ามาก เพราะ ลี เป็นคนที่รู้สึกด้วยสัญชาตญาณนักข่าวว่าประธานาธิบดียังไม่ได้หนีออกไป ยังอยู่ในทำเนียบ และเข้าไปตรวจสอบในนั้น ตามด้วยทหารอีกกลุ่มหนึ่งและเกิดการปะทะกันขึ้น

ในทำเนียบขาวนี้เองที่ เจสซี่ พลาด ออกไปถ่ายรูปผิดจังหวะตอนที่อีกฝ่ายยิงออกมาพอดี

ลี ได้เข้าไปพลัก เจสซี่ ให้ล้ม หลบกระสุน ทำให้ตัวเองโดนยิง

ในช่วงแรกของหนัง เจสซี่ เคยถาม ลี ว่า "ถ้าเรามีหน้าที่แค่ถ่ายภาพไปให้คนอื่นตั้งคำถาม ถ้าฉันถูกยิง คุณจะถ่ายรูปตอนฉันโดยยิงไหม"

ลี ไม่ตอบ

ลี เคยถ่ายรูปเพื่อนนักข่าวที่เสียชีวิต และตัดสินใจลบมันเสีย ซึ่งขัดกับสิ่งที่เธอสอน

แม้ ลี รู้ว่าช่างภาพสงครามควรมีทัศนะคติแบบไหน ควรทำอย่างไร แม้เธอเองก็สอน  เจสซี่ แบบนั้น แต่เอาเข้าจริงตัวเธอเองกลับทำไม่ได้ 

แต่ เจสซี่ ทำได้ 



เจสซี่ ที่ล้มลง ถ่ายรูป ลี ขณะที่โดนยิง ทั้ง ๆ ที่ ลี มาช่วยเธอจนต้องโดนยิง

ฉากนี้ คนไทยที่เคยดูมักโพสถึงในเชิงไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของ เจสซี่ คิดว่าคงในทำนอง อกตัญญู ไม่รู้คุณคน เปรี้ยวจนมีคนมาตายเพราะตัวเอง ซึ่ง ด้วยค่านิยมแบบไทย ก็เข้าใจได้

แต่ในทางกลับกัน ผู้เขียนกลับมองฉากนี้ว่าเป็นการส่งต่อ

ลี อาจจะมีประสบการณ์สูง ผ่านอะไรมามาก แต่เธอไม่เคยชอบงานนี้ ทว่าไม่ใช่กับ เจสซี่ เด็กคนนี้เกิดมาเพื่องานนี้และมีแววจริง ๆ

เพราะ เจสซี่ ทำในสิ่งที่ ลี สอนได้ครบถ้วนทั้งหมด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่