นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเรา ซึ่งเนื้อหามันก็ยาวมากๆ จะพยายามย่อให้สั้นที่สุดก็แล้วกันค่ะ
เราไม่สามารถปรึกษากับคนใกล้ตัวเราได้ และเราไม่มีความกล้าพอที่จะคุยกับคนในครอบครัว
คือตอนนี้เราอายุ 25 ใกล้จะในอีกไม่กี่เดือน 26 แล้ว แต่ยังไม่มีงานทำซึ่งเราก็สมัครมาหลายที่แล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนรับ เราท้อมากเลยค่ะ ซึ่งเราก็รู้เหตุผลดีเลยว่าทำไมเขาไม่รับเรา
เราเป็นคนพูดติดอ่างกลัวการเข้าสังคมกับคนที่ไม่รู้จักหรือสนิทด้วย ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง เป้าหมายชีวิตก็ไม่มี
พอรู้ว่าเองเป็นแบบนี้ มันก็เลยทำให้เราท้อยิ่งกว่าเดิมอีก รู้สึกผิดหวังน้อยใจตัวเอง คิดอยู่บ่อยๆกว่าเราไม่น่าเกิดมาให้เป็นภาระของแม่เลย ถ้าไม่มีเราแม่คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ก็ได้
ถ้าเราไม่ใช่ลูกคนเดียวเราคงจะจบชีวิตตัวเองไปแล้ว
ซึ่งเราพยายามเปลี่ยนนิสัยตัวเองตั้งแต่สมัยเรียน แต่มันก็กลับมาจุดเดิมอีก
เราเป็นคนขี้ลืม แต่พอเป็นเรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่ทำผิดพลาดกลับจำได้นาน มากทีไม่สามารถสลัดไปจากหัวได้ด้วยซ้ำ
หากเป็นเรื่องของตัวเองเรามากจะคิดไปทางลบ ทรงกันข้ามกับพอเป็นเรื่องของคนอื่นเราจะคิดบวกแทน บางทีก็สับสนกับตัวเองเหมือนกัน
เราก็ห่วนกลับมาคิดว่าเราเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทั้งที่ตอนเล็กๆ เราก็เป็นเด็กสดใสพูดมาก
แต่พอยิ่งโตยิ่งเป็นคนกด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าปรึกษาษาเรื่องส่วนตัวกับใคร กังวลว่าคนอื่นจะคิดไม่ดีกับเรา ตามคนอื่นไม่ทันสมองช้า
ช่วงตอนอายุ 21 เราเคยลองทำแบบสอบถามโรคซึ่งเศร้าเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรมากแค่ลองทำดูเฉยๆ ตอนนั้นเราอยู่ในระดับความเสี่ยงปานกลาง
ซึ่งตอนนั้นเราก็พยายามบอกคนรอบข้างเราทางอ้อมแล้วแต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะเราคิดว่าถึงพูดไปตรงๆก็ไม่มีใครเชื่อ
เป็นเพราะความเครียดสะสมตั้งแต่สมัยเรียน ในเวลาแค่ครึ่งปีน้ำหนักเราขึ้น 20 กิโล เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันยังตกใจเลย
ส่วนคนข้างบ้านก็เอาเราไปนิทาว่าเราท้องหรือเปล่า? นิทากันสนุกปาก ซึ่งที่เจ็บใจกว่านั้นคือคนเริ่มต้นที่คิดว่าเราท้องไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพ่อเราเอง
พอเป็นแบบนี้เราแทบไม่อยากเจอใครจึงหนีไปเล่นเกมเก็บตัวแต่งนิยายคลายเครียดอยู่แต่ในห้อง ไม่อยากรับรู้เรื่องภายนอก ไม่สนเรื่องอะไรทั้งนั้น
จนมาถึงปัจจุบัน
เรารู้ตัวเลยว่าอาการของเราแย่ลง คิดฆ่าตัวตายบ่อยขึ้นจนเห็นได้ชัด เหนื่อยกับชีวิตเต็มที ไม่มีใครเข้าใจเรเลยสักคน
เพราะไม่อยากเป็นภาระของใครเราจึงแกล้งทำเป็นคนสดใสพูดเสียงดังหัวเราะเสียงดัง แต่ภายในใจไม่ใช่แบบนั้นเลย(<-เรากล้าเฉพาะกับคนที่เป็นญาตที่สนิทด้วยเท่านั้น)
พออยู่กับคนอื่นสดใส แต่พออยู่คนเดียวเราก็กลับมาหดหู่อีกไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว
ซึ่งเราลองเพิ่งไปทำแบบทดสอบดูอีกครั้ง กลับพบว่าตอนนี้ เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง
เราจะทำยังไงดีคะ?ขอแค่อย่าซ้ำเติมกันก็พอค่ะ เพราะสภาพจิตใจเราตอนนี้น่าจะยังรับไม่ไหว
เราขอระบายและขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ
เราไม่สามารถปรึกษากับคนใกล้ตัวเราได้ และเราไม่มีความกล้าพอที่จะคุยกับคนในครอบครัว
คือตอนนี้เราอายุ 25 ใกล้จะในอีกไม่กี่เดือน 26 แล้ว แต่ยังไม่มีงานทำซึ่งเราก็สมัครมาหลายที่แล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนรับ เราท้อมากเลยค่ะ ซึ่งเราก็รู้เหตุผลดีเลยว่าทำไมเขาไม่รับเรา
เราเป็นคนพูดติดอ่างกลัวการเข้าสังคมกับคนที่ไม่รู้จักหรือสนิทด้วย ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง เป้าหมายชีวิตก็ไม่มี
พอรู้ว่าเองเป็นแบบนี้ มันก็เลยทำให้เราท้อยิ่งกว่าเดิมอีก รู้สึกผิดหวังน้อยใจตัวเอง คิดอยู่บ่อยๆกว่าเราไม่น่าเกิดมาให้เป็นภาระของแม่เลย ถ้าไม่มีเราแม่คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ก็ได้
ถ้าเราไม่ใช่ลูกคนเดียวเราคงจะจบชีวิตตัวเองไปแล้ว
ซึ่งเราพยายามเปลี่ยนนิสัยตัวเองตั้งแต่สมัยเรียน แต่มันก็กลับมาจุดเดิมอีก
เราเป็นคนขี้ลืม แต่พอเป็นเรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่ทำผิดพลาดกลับจำได้นาน มากทีไม่สามารถสลัดไปจากหัวได้ด้วยซ้ำ
หากเป็นเรื่องของตัวเองเรามากจะคิดไปทางลบ ทรงกันข้ามกับพอเป็นเรื่องของคนอื่นเราจะคิดบวกแทน บางทีก็สับสนกับตัวเองเหมือนกัน
เราก็ห่วนกลับมาคิดว่าเราเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทั้งที่ตอนเล็กๆ เราก็เป็นเด็กสดใสพูดมาก
แต่พอยิ่งโตยิ่งเป็นคนกด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าปรึกษาษาเรื่องส่วนตัวกับใคร กังวลว่าคนอื่นจะคิดไม่ดีกับเรา ตามคนอื่นไม่ทันสมองช้า
ช่วงตอนอายุ 21 เราเคยลองทำแบบสอบถามโรคซึ่งเศร้าเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรมากแค่ลองทำดูเฉยๆ ตอนนั้นเราอยู่ในระดับความเสี่ยงปานกลาง
ซึ่งตอนนั้นเราก็พยายามบอกคนรอบข้างเราทางอ้อมแล้วแต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะเราคิดว่าถึงพูดไปตรงๆก็ไม่มีใครเชื่อ
เป็นเพราะความเครียดสะสมตั้งแต่สมัยเรียน ในเวลาแค่ครึ่งปีน้ำหนักเราขึ้น 20 กิโล เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันยังตกใจเลย
ส่วนคนข้างบ้านก็เอาเราไปนิทาว่าเราท้องหรือเปล่า? นิทากันสนุกปาก ซึ่งที่เจ็บใจกว่านั้นคือคนเริ่มต้นที่คิดว่าเราท้องไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพ่อเราเอง
พอเป็นแบบนี้เราแทบไม่อยากเจอใครจึงหนีไปเล่นเกมเก็บตัวแต่งนิยายคลายเครียดอยู่แต่ในห้อง ไม่อยากรับรู้เรื่องภายนอก ไม่สนเรื่องอะไรทั้งนั้น
จนมาถึงปัจจุบัน
เรารู้ตัวเลยว่าอาการของเราแย่ลง คิดฆ่าตัวตายบ่อยขึ้นจนเห็นได้ชัด เหนื่อยกับชีวิตเต็มที ไม่มีใครเข้าใจเรเลยสักคน
เพราะไม่อยากเป็นภาระของใครเราจึงแกล้งทำเป็นคนสดใสพูดเสียงดังหัวเราะเสียงดัง แต่ภายในใจไม่ใช่แบบนั้นเลย(<-เรากล้าเฉพาะกับคนที่เป็นญาตที่สนิทด้วยเท่านั้น)
พออยู่กับคนอื่นสดใส แต่พออยู่คนเดียวเราก็กลับมาหดหู่อีกไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว
ซึ่งเราลองเพิ่งไปทำแบบทดสอบดูอีกครั้ง กลับพบว่าตอนนี้ เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง
เราจะทำยังไงดีคะ?ขอแค่อย่าซ้ำเติมกันก็พอค่ะ เพราะสภาพจิตใจเราตอนนี้น่าจะยังรับไม่ไหว