แชร์ประสบการณ์การผ่าตัดส่องกล้องนิ่วในถุงน้ำดี เป็นยังไงบ้าง (แบบละเอียด)

ในวันเดียวกันของการเตรียมตัวผ่าตัดมีการนำเลือดจากการเจาะเตรียมใส่สายน้ำเกลือไปตรวจประมาณ4-5ขวด ได้ผลตรวจเลือดได้รู้ทันทีก่อนผ่าตัด ผลเลือดของเราคือไม่มีความผิดปกติใดๆ และหมอก็ดูแล้วว่าเราก็ไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ แต่มันเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เราก็รู้สึกนอยด์มากๆ เสียใจว่าทำไมถึงมาเกิดขึ้นกับเราเซ็งมากๆ และพฤติกรรมการกินของเราไม่เข้าข่ายที่จีมึวามเสี่ยงของการเป็นโรคนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อวันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องยอมรับและสู้ต่อไป
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด มีพยาบาลมาแจ้งว่าถ้าหาก เรามีอุปกรณ์อะไรในปากให้ถอดออกให้หมด เราเลยถามพยาบาลว่า ถ้าจัดฟันล่ะคะ พยาบาลตอบว่า เอ่อ อันนี้คนไข้ต้องสอบถามกับคุณหมอที่ผ่าตัด จากนั้นตอนเตรียมตัวไปรอที่ห้องเตรียมจะเข้าไปผ่าตัด เรายังไม่เจอหมอเจ้าของไข้เพราะติดเคสผ่าตัดอยู่ เรานอนรอบนเตียงประมาณ1ชม. ยังไม่มีโอกาสได้ถามใครเรื่องนี้ลืมไปเลย เพราะมีอาการปวดท้องมาก เพราะอดน้ำและอาหารมา8ชม. ถึงแม้ให้น้ำเกลืออยู่ จากนั้นพอถึงเวลามีพยาบาลย้ายเตียงไปที่ห้องผ่าตัดจัดระเบียบการเตรียมผ่าตัดคนไข้ทุกอย่างรวดเร็วมากเสร็จสับ และพยาบาลคุยกันเรื่องทั่วไปเรื่องอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการผ่าตัดคงเพราะความเคยชินเพราะมีเคสตลอดเลยไม่ได้สนธนากับคนไข้(แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยค่ะแค่เรากลัวเฉยๆ) ไม่ได้มีใครคุยกับเราเลยในห้องผ่าตัดเราก็มีความกังวล มีคุณหมอผช.เราเดาว่าน่าจะเป็น anesthesiologist ฉีดยาสลบเข้าสายสายน้ำเกลือ เราเลยถามพยาบาลว่าคุณหมออยู่ไหนหรอคะ ? พยาบาลตอบว่าคุณหมอกำลังมาค่ะ เราก็ออโอเค แต่เรามีอาการแพนิกตอนที่ดมยาสลบอีกทียังไม่อยากหลับมองไฟจนเห็นภาพซ้อน(ในใจกลัวมากๆเลย)แต่พอคุณหมอพูดปลอบใจว่าหลับไปได้เลยไม่ต้องกลัวนะครับเราถึงจะยอมหลับตาและหลับไปเพราะยาสลบ😴 ตื่นมาปวดท้องมากคงเพราะหิวข้าว+เพิ่งผ่าเสร็จมีอาการปวด หมอให้ยาแก้ปวดชนิดรุนแรงจนหลับต่อไปอีก2-3ชม. เรียกไม่ตื่น  พอตื่นมาอีกทีปวดท้องมากที่สุด แน่น จุกมาก กินอะไรไม่ได้เลยใน1-2 วันแรก กิน ข้าวปลายช้อน2คำอิ่ม  แต่ไม่ได้ปวดแผลเพราะแผลเล็ก1เซ็นติเมตร 3ตำแหน่ง ใกล้กันบริเวณท้อง แล้วอีกอย่างมีแผลในปาก(เราสงสัยมากเดี๋ยวถามหมอวันนัดตรวจดูอาการ)เพราะตอนอยู่รพ.นอนปวดท้องแทบไม่มีเวลาถาม ลืม🥲
เรานอนรพ.3 วัน 2 คืน วันที่3 ก็คือพยาบาล มาถอดสายน้ำเกลือแล้วเป็นสัญญาณว่าเราดีขึ้น และโดยทั่วไป จะเริ่มดีขึ้นใน3 วัน เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว 
สิ่งที่ควรกินคือ อาการที่ย่อยง่าย มีประโยชน์ อย่าเพิ่งกินของเผ็ด รสจัด หรือหารที่ย่อยยาก และกินยาให้ครบถ้วน สำคัญค่ะ 
อาการปวดท้อง ปวดแค่ไหนหลังผ่าตัด เวลาที่ลุกต้องมีคนดึงขึ้นมา ใน1-2 วันแรก ไม่งั้นปวดเกร็งมาก และท้องจะป่อง บวม มีลมเยอะข้างในท้อง อึดอัดท้องมาก นอนหงายได้อย่างเดียวใน1-2วันแรก และให้ยาแก้ปวด ทุก6ชม. จากยาแรงมาก จนค่อยๆ เป็นยาที่แรงน้อยลง  ในวันแรกหลังผ่าตัด ปวดข้างในท้องจนรัองครวญคราง ทรมานมาก และกล้ามเนื้อกระตุก ตุ๊บๆๆๆ ถ้าปวดให้ขอยาแก้ปวดเลยอย่าอดทนกับความปวด หมอก็แจ้งมาแบบนี้ค่ะ แต่พอยาแก้ปวดหมดฤิทธิ์หลังๆเราไม่ค่อยขอเพราะเราเบลอทุกครั้งและเกรงใจด้วย แต่พยาบาลแจ้งว่าถ้าปวดมากขอได้เลยอย่าทนปวดแต่เว้นไว้6ชม. แต่ตอนเกือบๆวันที่3 หมอไม่ให้แล้วค่ะ เพราะคงกลัวเราจะติด แต่เป็นความปวดที่ทนไหว

  ถ้าหากมีญาติไปดูแลด้วยอย่างน้อย1คน จะดีมากค่ะ เพราะขยับตัวลำบากมากใน1-2วัน แรก ถึงแม้จะมีพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดเรียกเมื่อไรก็มาทันที แต่บางครั้งถ้าเราจะช่วยให้หยิบจับอะไรเล็กๆน้อยๆเช่น หยิบโทรศัพท์/ชาร์จแบต/ขยับหมอน/พยุงตัว บอกเลยแม้แต่ทำแค่นี้ยังไม่ไหวค่ะ  มึนๆ กับยาแก้ปวดด้วย โชคดีที่เรามีแฟนดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาทำให้ทุกอย่างเลย แม้แต่เปลี่ยนผ้าอนามัย
ถ้าใครที่มีประจำเดือน ที่อยู่ในช่วงมาน้อยหรือใกล้หมดประจำเดือน ที่อยู่ในช่วงมาน้อยหรือใกล้หมดประจำเดือน แนะนำ ใส่ผ้าอนามัยแบบสอดนะคะ และอย่าลืมที่จะเอาออก ไม่ควรใส่ไว้นาน หรือถ้าไม่มีไม่เป็นไร พยาบาลน่าจะมีวิธีดูแลคนไข้ค่ะ แต่ส่วนตัวเราใช้ผ้าอนามัยแบบสอดค่ะ มันคล่องตัวและสะดวกด้วย เพราะตอนผ่าตัดพยาบาลจะให้เราถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้นแต่มีผ้าห่มไว้มิดชิด
หลังการผ่าตัดเราไม่ปวดฉี่เลย งง มาก ไม่ฉี่มา10 กว่าชม. จนพยาบาล มาทวงฉี่และให้พยามจดปริมาณฉี่ เราบอก ไม่ปวด พอพยาบาล มาตาม3-4รอบ 
พยาบาลบอกว่า ถ้าครั้งนี้ยังไม่ฉี่อีก พยาบาลจะสวนฉี่ให้นะคะ จากนั้น เราก็ลุกไป นั่งในห้องชักโครกบ่อยๆ แล้วรอเวลา ไปสักพัก แล้วฉี่ก็มาแล้วออกเยอะมาก แต่ งงว่าไม่ปวดฉี่ จากนั้น พยาบาล ให้เรากินน้ำให้หมอขวดขนาดใหญ่ของขวดน้ำที่รพ. แต่ตอนนั้นกินน้อยมาก ๆใน1-2 วันแรก น้ำกินได้แค่ตอนกินยา พยามฝืนเท่าไร ทั้งวัน กินได้ถึงแค่ คอขวดเท่านั้น แต่พยาบาลก็ไม่ได้ บ่นว่าอะไรเรื่องกินน้ำ เพราะเข้าใจว่ายังกินไม่ได้ และไม่ได้บังคับเรื่องกินข้าว 
ให้เรากินเท่าที่เราไหว  ในทุกๆวัน เราจะเริ่มกินข้าวได้มากขึ้น อาการที่กินในรพ.จะเป็นข้าวต้ม+กับ และผลไม้ ขนมหวาน น้ำผลไม้ อะไรแบบนี้ค่ะ 
อาหารการกินจะคล้ายกับอาหารที่เรากินปกติแค่เป็นรสชาติอ่อน เราจะมีหมอดูแล2คน หมอศัลกรรมและหมอที่รักษากับถุงน้ำดีและช่องท่องท้อง
หมอจะเข้ามาสอบถามอาการเป็นระยะประมาณวันละ1ครั้ง หมอศัลกรรมที่ผ่าตัดเราให้คำแนะนำต่างๆ และให้เราไปเดินตรงทางเดินก็ได้ เพราะถ้าแค่เดินในห้องเข้าห้องน้ำแค่นี้ไม่เพียงพอ อยากให้เราผายลม ทำให้ดีขึ้น เราก็ฟังหมอด้วย และอ่านคำแนะนำของรพ.ในอินเตอร์เน็ตคร่าวๆมาแล้วด้วย 
เราเพิ่งรู้ว่าเราออกจากห้องไปเดินได้ด้วย ตอนแรกก็เขิลๆ กลัวคนอื่นตกใจเพราะมีคนมองๆ(เป็นคนโลกส่วนตัวสูงด้วย) อันนี้ขำๆนะคะ เพราะทางเดินไม่กว้างมาก เรากลัวไปเดินเกะกะใครเค้าด้วย ทางเดินจะมีพยาบาลแม่บ้านและไม่มีใครออกมาเดินเลยมีเราคนเดียว  เดินก็จะเดิน แบบย่องๆช้าๆ 2  รอบเหนื่อย กลับมานั่งแปปนึงหมอก็มาเยี่ยมไข้พอดีและเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอหมอที่รักษาเกี่ยวกับช่องท้องจบไป แต่หลังจากนั้นเราก็ผายลม จริงๆ รู้สึกสบายท้องมากขึ้น ผายลมไป2-3 ครั้ง ต่อวันเลย ขนาดเราเดินแค่2รอบ ต่อไปจะเจอแค่หมอศัลกรรมที่นัดติดตามอาการหรือล้างแผล
วันที่เรากลับบ้านมา เราเช็ดตัวพยายามไม่ให้น้ำโดนแผล ถึงแม้จะปิดปากแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ ผ่านไป3วันทนไม่ไหวแล้วเราอาบน้ำสระผมเลยพยามเลี่ยงโดนแผล ก็รอด
 1-2วันแรกที่กลับบ้านยังเดินได้แค่ช้าๆ แต่ดีขึ้นฟื้นตัวไวมากเป็นลำดับ อย่างอธิบายไม่ถูก กินอะไรได้เพิ่มมากขึ้น ทีละเล็กน้อยในแต่ละวัน
เคยไปอ่านเจอมาเยอะว่า หลายคนจะมีอาการท้องเสีย แต่เราท้องผูกมาก First week เราเบื่อข้าวต้มกับอะไรจืดๆ อ่อนๆ มาก 
เราอยากลองกินไก่ทอด เลยลองสั่งไก่kfc ไม่มีกระดูกชิ้นเล็กๆ 2ชิ้น /ทาร์ตไข่/มันบด เราได้ลองกินของมันของทอดตามตำราแล้ว ว่าจะทำให้ท้องเสียขับถ่าย 
เพราะอยากกินเอง แต่ไม่ได้อยากท้องเสียนะคะ กินตามความรู้สึก เป็นไงเป็นกัน สรุป เหมือนเดิม ไม่ถ่ายเลย หรือยังมัน ไม่มากพอ แต่ปกติ แค่นี้ถือว่าเรากินมันแล้ว โดยปกติเราก็กินอาหารประมาณนี้ นานๆ กินของทอดที 
เราถามหมอศัลว่าหนูกินไฟเบอร์ได้ไหม หมอบอกว่ากินได้ครับ เราผ่ามาได้5วัน วันที่5เรามีธุระที่ห้างไปเดินแค่แปปเดียว รู้สึกปวดตุ๊บๆในท้อง ไม่ไหวจนต้องกลับบ้าน แบบค่อยๆเดิน จะยังไม่สามารถเดินเยอะได้ ห้ามยกของหนักเกิน5กิโลด้วย  
ขาเราต้องหมั่นขยับให้ได้มากที่สุดถ้าไม่ขยับจะมีอาการชาอาจเกิดลิ่มเลือด ผ่านมา6 วันยังคงมีอาการปวดท้องเหมือนท้องอืดอยู่ เล็กน้อยกินอะไรปริมาณมากๆ ยังไม่ได้ แต่ดีขึ้นเยอะมาก ยังคงปวดตึงหน้าท้องเล็กน้อย เวลาทำตัวตรงๆ แต่ทำงานบ้านอะไรได้หมด และคิดว่าการกินอาหารจะเริ่มกลับมาปกติ จะกินได้มากขึ้นเหมือนเดิม เมื่อคืนเรากินไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่ายไปปกติเราไม่ค่อยชอบกิน1-2weekกินทีเวลาจำเป็นจริงๆแบบฝืนใจกินเพราะรสชาติมันหวานแต่กินแล้วดีสบายท้องมาก ไม่งั้นเราคงอึดอัดท้องป่องอยู่แบบนี้
จบค่ะ ต่อไปนัดหมอศัลกรรมเร็วๆนี้ เพื่อดูแผล เดี๋ยวถ้าอย่างไรจะมาอัพเดทเพิ่มเติมนะคะ
 ถ้าสื่อสารอะไรผิดพลาดไปขออภัยด้วยค่ะ 

  💜ขอนอกเรื่องไม่บอกก็อึดอัดบอกใครก็ไม่ได้ ชีวิตเรามีแค่แฟนอยู่กัน2คน การเจ็บป่วยครั้งนี้เพียงแค่3วัน ทำให้เราพลาดรายได้ไปเยอะมากเหมือนกันค่ะ วันที่เราป่วยตอบแชทไม่ได้ ไม่รู้ลูกค้ามาจากไหนทักซื้อของเยอะมาก เป็น10 10 เจ้า แต่พอ2-3วันเราตอบไป ลูกค้าไปซื้อเจ้าอื่นหมดแล้วแต่มันเหมือนมีลางสงหรณ์อะไรสักอย่างเดือนที่แล้วยอดขายเยอะจนดีใจในรอบ7ปี ที่ไหนได้สุดท้ายมาจ่ายค่ารักษานี่เอง แต่ไม่เป็นไรถือว่าฟาดเคารห์ไปแล้วกัน ฮื้ออ 🥺
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่