สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
หลายครอบครัวก็ตลกร้าย ให้ลูกอดออม แต่พอลูกออมได้ถึงยอดเยอะๆ ก็เอาคืน แต่เอาในรูปแบบฉกฉวยไป
ถึงมันจะเคยเป็นเงินของพ่อแม่ แต่ทำแบบนี้มันสร้างความไม่เชื่อถือสำหรับลูกแล้ว ทำให้เด็กบางคนใช้จนหมด ไม่เหลือเก็บเพราะกลัวโดนแย่งไป
มีทางเดียวคือฝากเงินค่ะ อย่างน้อยธนาคารก็ให้คืนครบถ้าทำตามสัญญา
ถึงมันจะเคยเป็นเงินของพ่อแม่ แต่ทำแบบนี้มันสร้างความไม่เชื่อถือสำหรับลูกแล้ว ทำให้เด็กบางคนใช้จนหมด ไม่เหลือเก็บเพราะกลัวโดนแย่งไป
มีทางเดียวคือฝากเงินค่ะ อย่างน้อยธนาคารก็ให้คืนครบถ้าทำตามสัญญา
ความคิดเห็นที่ 7
คิดใหม่ทำใหม่ค่ะ
1. เงินเก็บของคุณได้มาจากไหน จากค่าขนม เงินแตะเอีย หรือจากการทำงาน ?
1.1 ถ้ามาจากค่าขนม เงินแตะเอีย พวกนั้นให้คิดว่าเป็นเงินคนอื่นแล้วคุณได้มาฟรีๆ อันนั้นคืนเค้าไป ไม่ต้องคิดมาก
1.2 ถ้าได้มาจากการทำงาน มันคือน้ำพักน้ำแรงของคุณ อันนี้ เออ น่าแค้นใจหน่อย แต่คิดซะว่า กินข้าวเขามาเยอะแล้ว แบ่งๆกลับไปบ้างก็แล้วกัน
2. แม่คุณเอาเงินไปทำอะไร ได้เคยถามเขาบ้างไหม ?
2.1 ถ้าเอาไปใช้จ่ายภายในบ้าน อันนี้ควรยกผลประโยชน์ให้เขา เพราะคุณมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้
2.2 ถ้าเอาไปเล่นพนัน ใช้จ่ายไม่สมเหตุผล อันนี้น่าแค้นใจหน่อย แล้วให้คิดเหมือนเหตุผลในข้อ 1.2 ไปก่อน
3. สถานะการเงินในบ้านเป็นเช่นไร คุณเคยรู้บ้างไหม ?
3.1 ถ้าย่ำแย่มาก ยังมีหนี้สิน และเหตุผลข้อ 2 ดีพอ ให้อภัยเขาไปรัวๆเลย แล้วเริ่มหาเงินด้วยตัวเองไปช่วยด้วย
3.2 ถ้าดีอยู่แล้ว ก็กลับไปดูเหตุผลข้อ 2 ต่อ
ส่วนเรื่องเงินเก็บ ยังไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้น ไว้ทำงานค่อยเก็บก็ได้ คุณต้องแยกแยะให้เป็นว่า การออมคือวินัย แปลว่า ตราบที่คุณยังเก็บเงินได้ มันจะถูกปลูกเป็นนิสัย ในอนาคต พอคุณมีรายได้ของตัวเองแล้วเอาไปฝากธนาคาร นิสัยตรงนี้จะทำให้เงินคุณงอกเงย แต่ถ้าจะมาแบบแนวคิด คห 3 . โดนพ่อแม่ฉกฉวย งั้นกรุไม่ต้องเก็บล่ะ ใช้มันให้หมด อันนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่แล้ว ผิดที่ตัวคุณหาข้ออ้างทำให้ผิดวินัยเอง ไม่ควรโทษคนอื่นนอกจากตัวเอง
เอาน่า คุณไม่ได้โดนคนเดียวหรอกนะ มีเราเป็นเพื่อนนะ เราเก็บเงินได้หลายหมื่น ก็ฝากแม่เอาไว้ เพราะก็ฝากแม่ไว้ตั้งแต่เด็กๆ มันก็เป็นนิสัย สุดท้ายพอเรียนจบอายุ 23 จะไปขอคืนเพื่อเอาไปเรียนต่อ เจอแม่บอก " ไม่เคยมีฝากนะ นู๋ไม่ได้ทำงานจะมีเงินเก็บได้ไง" ตอนนั้นเหว๋อไปเลย แบบ หะ... คือหมด ไม่รู้จะเถียงอะไรเลย เพราะเขาก็ยืนกรานว่าไม่มี ไม่เคยรับฝาก?!!! ก็อ่ะ ช่างมัน เรียนจบ เริ่มต้นจาก 0 บาท ก็ไม่เป็นไร... แต่เรียนรู้ล่ะ เงินมี ฝากที่บ้านไม่ได้!! ก็ทำงานเก็บเงินเองเลยทีนี้ ไม่ให้เค้าแตะเงินเราเลย... และเพราะนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก มันก็ยังทำงานของมันอยู่ ทุกวันนี้ ก็เหลือเฟือเงินเก็บเยอะไปหมด แถมมากพอจะแบ่งๆให้ที่บ้านด้วยอีก
เพราะงั้น ...ไม่ต้องซีเรียสนะ เข้าใจว่าแค้นและน่าน้อยใจ แต่เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ไปซีเรียสที่ฝึกกระบวนการคิดให้รับมือกับเรื่องน่ากวนใจพวกนี้ได้ จะดีกับในอนาคตมากกว่าค่ะ
1. เงินเก็บของคุณได้มาจากไหน จากค่าขนม เงินแตะเอีย หรือจากการทำงาน ?
1.1 ถ้ามาจากค่าขนม เงินแตะเอีย พวกนั้นให้คิดว่าเป็นเงินคนอื่นแล้วคุณได้มาฟรีๆ อันนั้นคืนเค้าไป ไม่ต้องคิดมาก
1.2 ถ้าได้มาจากการทำงาน มันคือน้ำพักน้ำแรงของคุณ อันนี้ เออ น่าแค้นใจหน่อย แต่คิดซะว่า กินข้าวเขามาเยอะแล้ว แบ่งๆกลับไปบ้างก็แล้วกัน
2. แม่คุณเอาเงินไปทำอะไร ได้เคยถามเขาบ้างไหม ?
2.1 ถ้าเอาไปใช้จ่ายภายในบ้าน อันนี้ควรยกผลประโยชน์ให้เขา เพราะคุณมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้
2.2 ถ้าเอาไปเล่นพนัน ใช้จ่ายไม่สมเหตุผล อันนี้น่าแค้นใจหน่อย แล้วให้คิดเหมือนเหตุผลในข้อ 1.2 ไปก่อน
3. สถานะการเงินในบ้านเป็นเช่นไร คุณเคยรู้บ้างไหม ?
3.1 ถ้าย่ำแย่มาก ยังมีหนี้สิน และเหตุผลข้อ 2 ดีพอ ให้อภัยเขาไปรัวๆเลย แล้วเริ่มหาเงินด้วยตัวเองไปช่วยด้วย
3.2 ถ้าดีอยู่แล้ว ก็กลับไปดูเหตุผลข้อ 2 ต่อ
ส่วนเรื่องเงินเก็บ ยังไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้น ไว้ทำงานค่อยเก็บก็ได้ คุณต้องแยกแยะให้เป็นว่า การออมคือวินัย แปลว่า ตราบที่คุณยังเก็บเงินได้ มันจะถูกปลูกเป็นนิสัย ในอนาคต พอคุณมีรายได้ของตัวเองแล้วเอาไปฝากธนาคาร นิสัยตรงนี้จะทำให้เงินคุณงอกเงย แต่ถ้าจะมาแบบแนวคิด คห 3 . โดนพ่อแม่ฉกฉวย งั้นกรุไม่ต้องเก็บล่ะ ใช้มันให้หมด อันนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่แล้ว ผิดที่ตัวคุณหาข้ออ้างทำให้ผิดวินัยเอง ไม่ควรโทษคนอื่นนอกจากตัวเอง
เอาน่า คุณไม่ได้โดนคนเดียวหรอกนะ มีเราเป็นเพื่อนนะ เราเก็บเงินได้หลายหมื่น ก็ฝากแม่เอาไว้ เพราะก็ฝากแม่ไว้ตั้งแต่เด็กๆ มันก็เป็นนิสัย สุดท้ายพอเรียนจบอายุ 23 จะไปขอคืนเพื่อเอาไปเรียนต่อ เจอแม่บอก " ไม่เคยมีฝากนะ นู๋ไม่ได้ทำงานจะมีเงินเก็บได้ไง" ตอนนั้นเหว๋อไปเลย แบบ หะ... คือหมด ไม่รู้จะเถียงอะไรเลย เพราะเขาก็ยืนกรานว่าไม่มี ไม่เคยรับฝาก?!!! ก็อ่ะ ช่างมัน เรียนจบ เริ่มต้นจาก 0 บาท ก็ไม่เป็นไร... แต่เรียนรู้ล่ะ เงินมี ฝากที่บ้านไม่ได้!! ก็ทำงานเก็บเงินเองเลยทีนี้ ไม่ให้เค้าแตะเงินเราเลย... และเพราะนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก มันก็ยังทำงานของมันอยู่ ทุกวันนี้ ก็เหลือเฟือเงินเก็บเยอะไปหมด แถมมากพอจะแบ่งๆให้ที่บ้านด้วยอีก
เพราะงั้น ...ไม่ต้องซีเรียสนะ เข้าใจว่าแค้นและน่าน้อยใจ แต่เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ไปซีเรียสที่ฝึกกระบวนการคิดให้รับมือกับเรื่องน่ากวนใจพวกนี้ได้ จะดีกับในอนาคตมากกว่าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 23
พ่อแม่หาเงินมาให้ใช้ พอให้ลูก มันก็กลายเป็นเงินของลูก เมื่อถึงเวลาจำเป็นจะเอาเงินส่วนนั้นคืน ก็ควรมาอธิบายกันให้เข้าใจ จะขอยืม ขอไปเลย ก็สุดแล้วแต่จะจัดการ อย่างน้อยก็ไม่ใช่การขโมย การยักยอก การทำลายความหวังความตั้งใจของลูก ในทางกลับกัน ถ้าลูกให้เงินนั้นคืนด้วยความเต็มใจ หรืออย่างน้อยมีความเข้าใจสถานการณ์จำเป็น ก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนช่วยเหลือครอบครัว และเห็นคุณค่าของการอดออม
แสดงความคิดเห็น
พ่อกับแม่แอบเอาเงินเก็บผมไปตลอด5ปี
ขอเล่าย้อนก่อนครับ ว่าตอนแรกผมเคยเก็บตังมาก่อน ตอนนั้น7-8ขวบ มีเงิน300ก็ดีใจแล้วครับ แต่พอผ่านไปเรื่อยๆเงินก็หายถามแม่ แม่ก็บอกว่าหนูเอาเงินไปให้คนจน ตอนนั้นผมก็เชื่อ แต่มารู้ที่หลังว่าแม่เอาไปเลยเฟลครับ เลยไปคุยกับแม่ ทะเลาะกับแม่ สักพักแม่ขอโทษละคืนตังให้และขอโอกาศ
ผมก็โอเคจบไป พอเริ่ทเก็บตังครั้งนี้ก็มาเป็นอีกตอนแรกเลยบอกไปว่าให้บอกผมก่อน อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม แม่ก็บอกโอเค พอรอบที่2แม่ก็ทำอีก ก็คุยเหมือนเดิมและก็ให้โอกาศ
แต่พอรอบนี้ผมทนมา5ปีครับ ผมไม่ไหวเลยบอกแม่ แต่แม่ก็พูดหลีกเลี่ยงคำตอบ สุดท้ายแม่แค่บอกว่า ขอโทษและก็คืนตังมาให้100บาท??? คือผมเสียไป5000-6000 แต่ได้คืนร้อยเดียว ผมควรทำไงดีครับ ยาวหน่อยนะครับ