สวัสดีครับ เรื่องมีอยู่ว่า
ครอบครัวผมเคยเป็นครอบครัวที่พอกินพอใช้มากจนสามารถส่งเรียนเอกชนแพง ๆ ได้ เพราะพ่อผมได้ทำงานประจำที่มีรายได้สูง ส่วนแม่ก็มีรายได้จากการทำธุรกิจค้าขาย ช่วงนั้นผมมีความสุขกับชีวิตมาก อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไปตลอดในช่วงปิดเทอม แต่พอมาช่วงที่ผมขึ้นมัธยม พ่อผมก็โดนออกจากงาน ครอบครัวผมเลยไม่มีรายได้เลย จนต้องขายทรัพย์สินปู่ย่ามาใช้หนี้ ช่วงนั้นขายหมดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ รถยนต์จากสองคันก็เหลือแค่คันเดียว
ชีวิตมันดันเปลี่ยนไปหมดเลยครับ จากที่ผมเคยได้ไปเที่ยว ผมก็ไม่ได้ไปที่ไหนอีกเลยแม้แต่ทะเลหรือภูเขาใกล้ๆ จากที่ผมได้เรียนโรงเรียนเอกชนค่าเทอมเฉียดแสน ก็ต้องมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล ความกดดันพวกนั้น มันทำให้ผมต้องพยายามหาเงินเอง ตั้งแต่ ม.1 เพื่อที่จะมีความสุขแค่สิ่งเล็ก ๆ กับที่พ่อแม่ให้ไม่ได้ สิ่งที่ผมชอบก็ต้องขวนขวายเอาเอง พ่อแม่ไม่ซื้อให้ ไม่สนับสนุน แล้วผมก็กลับมาคิดว่าทำไมผมถึงต้องทำไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วย เพราะแค่อยากทำในสิ่งที่ชอบ ทำไมต้องมาเหนื่อย ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วพอพ่อออกมาจากงานประจำ ก็เริ่มหาอย่างอื่นทำเพิ่ม ซึ่งเงินที่ได้มาเป็นเงินก้อน ได้ 2 3 เดือนที มันทำให้ที่บ้านผมต้องมาใช้ชีวิตไม่เหมือนกันสักเดือน อยู่ดีๆบางเดือนก็รวย บางเดือนก็ยาจก ซึ่งในตอนนี้ก็เป็นช่วงที่หนักหนาสาหัสมากครับ ผมขึ้นมหาลัยแล้ว แล้วจำเป็นต้องไปอยู่หอพัก เพราะเดินทางเหนื่อยมาก บวกกับรถยนต์ที่มีคันเดียวและไม่จอดอยู่บ้าน เพราะแม่ออกไปอยู่ข้างนอกแล้วเอารถไปด้วย
หอพักผมราคาถูกมากครับ ถูกที่สุดในแถวนั้นเลยก็ว่าได้ เป็นห้องเล็กๆ ไม่มีหน้าต่าง ความรู้สึกเหมือนนอนในคุก ช่วงที่ผมย้ายเข้ามาอยู่หอพัก ผมแทบจะไม่ได้กินอะไรที่เป็นมื้อพิเศษเลย ต้องคิดหนักตลอดเรื่องค่าอาหาร บวกกับหอพักที่ไม่ได้ใกล้มหาลัยมาก จึงทำให้ผมต้องใช้ค่าเดินทางเพิ่มเติม ในบริเวณหอพักมีค่าครองชีพสูงมาก ผมได้เงินพอแค่กินอาหารตามสั่งวันละ 3 จานเท่านั้น แล้วมันมีค่าใช้จ่ายที่เยอะมากที่ไม่ใช่แค่ค่าอาหาร ไหนจะค่าซักผ้า ค่าของเครื่องใช้ต่าง ๆ จนวันนี้ผมยังไม่รู้จะเจียดเงินตรงไหนไปซื้อสบู่ แชมพูเลยครับ เพราะเงินมันจำกัดมาก ๆ แค่จะกินข้าวยังจะไม่พออยู่แล้ว
ผมได้เงินสัปดาห์ละ 2000 ครับ ซึ่งใช้ 7 วัน ตกวันละไม่ถึง 300 แค่ค่าอาหารตามสั่งก็ปาไปจานละ 70 แล้วครับ ไหนจะค่าอย่างอื่นอีก ผมแทบไม่มีเงินเก็บเลย ทำให้ผมน้อยใจว่าทำไมถึงต้องมาอยู่แบบนี้ ที่ผมไม่มีความสุขเลย
จริง ๆ แล้วปัญหาที่บ้านผมมันเกิดจาก เรามีเงินก้อนเข้ามาเยอะมาก แต่เงินมันถูกใช้ไปกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือย รวมๆ เกือบล้าน แม่ผมเอาเงินไปทำศัลยกรรมหมด โดยที่หนี้ก็ยังมีอยู่ เลยทำให้ตอนที่ไม่มีรายได้ บ้านผมไม่มีเงินเก็บเหลือเลย ช่วงที่ต้องเอาตัวรอดก็ต้องพยายามขายทุกอย่างที่ขายได้ รายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งหมด เอาทุกอย่างให้ถูกที่สุดโดยไม่สนใจคุณภาพแม้แต่นิดเดียว ผมรู้สึกโชคร้ายมากที่บ้านผมกำลังจะดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถรักษาเงินตรงนั้นไว้ได้เลย ทำให้ผมใช้ชีวิตขึ้นๆลงๆมาก ฟังดูแล้วมันอาจจะไม่ได้ดูลำบากขนาดนั้น แต่จริง ๆ แล้วผมไม่สามารถมีความสุขเล็ก ๆ ได้เลย เห็นเพื่อนไปเที่ยว ตจว กัน ผมก็ไม่มีเงินเหลือให้ไป เพื่อนไปกินชาบูกันเราก็ต้องเจียดเงินไปกิน แล้วอีกวันก็ข้าวแค่มื้อเดียว
ตอนนี้เครียดมากครับ จะหาทางออกยังไงดี ที่บ้านมีปัญหาเรื่องเงินมาหลายรอบมาก ๆ แล้วครับ ทำให้ผมท้อใจมาก พอมีความหวังแล้วมันก็แย่ลงทุกครั้ง ผมพยายามหาเงินเสริมแล้วมันก็ยังไม่พอสำหรับชีวิตประจำวันเลยครับ เพราะมันได้น้อยมาก ผมเครียดมาก ๆ ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ หรือผมไม่ควรหวังพึ่งพ่อแม่แล้ว
น้อยใจ ที่บ้านมีปัญหาเรื่องเงินตลอด
ครอบครัวผมเคยเป็นครอบครัวที่พอกินพอใช้มากจนสามารถส่งเรียนเอกชนแพง ๆ ได้ เพราะพ่อผมได้ทำงานประจำที่มีรายได้สูง ส่วนแม่ก็มีรายได้จากการทำธุรกิจค้าขาย ช่วงนั้นผมมีความสุขกับชีวิตมาก อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไปตลอดในช่วงปิดเทอม แต่พอมาช่วงที่ผมขึ้นมัธยม พ่อผมก็โดนออกจากงาน ครอบครัวผมเลยไม่มีรายได้เลย จนต้องขายทรัพย์สินปู่ย่ามาใช้หนี้ ช่วงนั้นขายหมดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ รถยนต์จากสองคันก็เหลือแค่คันเดียว
ชีวิตมันดันเปลี่ยนไปหมดเลยครับ จากที่ผมเคยได้ไปเที่ยว ผมก็ไม่ได้ไปที่ไหนอีกเลยแม้แต่ทะเลหรือภูเขาใกล้ๆ จากที่ผมได้เรียนโรงเรียนเอกชนค่าเทอมเฉียดแสน ก็ต้องมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล ความกดดันพวกนั้น มันทำให้ผมต้องพยายามหาเงินเอง ตั้งแต่ ม.1 เพื่อที่จะมีความสุขแค่สิ่งเล็ก ๆ กับที่พ่อแม่ให้ไม่ได้ สิ่งที่ผมชอบก็ต้องขวนขวายเอาเอง พ่อแม่ไม่ซื้อให้ ไม่สนับสนุน แล้วผมก็กลับมาคิดว่าทำไมผมถึงต้องทำไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วย เพราะแค่อยากทำในสิ่งที่ชอบ ทำไมต้องมาเหนื่อย ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วพอพ่อออกมาจากงานประจำ ก็เริ่มหาอย่างอื่นทำเพิ่ม ซึ่งเงินที่ได้มาเป็นเงินก้อน ได้ 2 3 เดือนที มันทำให้ที่บ้านผมต้องมาใช้ชีวิตไม่เหมือนกันสักเดือน อยู่ดีๆบางเดือนก็รวย บางเดือนก็ยาจก ซึ่งในตอนนี้ก็เป็นช่วงที่หนักหนาสาหัสมากครับ ผมขึ้นมหาลัยแล้ว แล้วจำเป็นต้องไปอยู่หอพัก เพราะเดินทางเหนื่อยมาก บวกกับรถยนต์ที่มีคันเดียวและไม่จอดอยู่บ้าน เพราะแม่ออกไปอยู่ข้างนอกแล้วเอารถไปด้วย
หอพักผมราคาถูกมากครับ ถูกที่สุดในแถวนั้นเลยก็ว่าได้ เป็นห้องเล็กๆ ไม่มีหน้าต่าง ความรู้สึกเหมือนนอนในคุก ช่วงที่ผมย้ายเข้ามาอยู่หอพัก ผมแทบจะไม่ได้กินอะไรที่เป็นมื้อพิเศษเลย ต้องคิดหนักตลอดเรื่องค่าอาหาร บวกกับหอพักที่ไม่ได้ใกล้มหาลัยมาก จึงทำให้ผมต้องใช้ค่าเดินทางเพิ่มเติม ในบริเวณหอพักมีค่าครองชีพสูงมาก ผมได้เงินพอแค่กินอาหารตามสั่งวันละ 3 จานเท่านั้น แล้วมันมีค่าใช้จ่ายที่เยอะมากที่ไม่ใช่แค่ค่าอาหาร ไหนจะค่าซักผ้า ค่าของเครื่องใช้ต่าง ๆ จนวันนี้ผมยังไม่รู้จะเจียดเงินตรงไหนไปซื้อสบู่ แชมพูเลยครับ เพราะเงินมันจำกัดมาก ๆ แค่จะกินข้าวยังจะไม่พออยู่แล้ว
ผมได้เงินสัปดาห์ละ 2000 ครับ ซึ่งใช้ 7 วัน ตกวันละไม่ถึง 300 แค่ค่าอาหารตามสั่งก็ปาไปจานละ 70 แล้วครับ ไหนจะค่าอย่างอื่นอีก ผมแทบไม่มีเงินเก็บเลย ทำให้ผมน้อยใจว่าทำไมถึงต้องมาอยู่แบบนี้ ที่ผมไม่มีความสุขเลย
จริง ๆ แล้วปัญหาที่บ้านผมมันเกิดจาก เรามีเงินก้อนเข้ามาเยอะมาก แต่เงินมันถูกใช้ไปกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือย รวมๆ เกือบล้าน แม่ผมเอาเงินไปทำศัลยกรรมหมด โดยที่หนี้ก็ยังมีอยู่ เลยทำให้ตอนที่ไม่มีรายได้ บ้านผมไม่มีเงินเก็บเหลือเลย ช่วงที่ต้องเอาตัวรอดก็ต้องพยายามขายทุกอย่างที่ขายได้ รายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งหมด เอาทุกอย่างให้ถูกที่สุดโดยไม่สนใจคุณภาพแม้แต่นิดเดียว ผมรู้สึกโชคร้ายมากที่บ้านผมกำลังจะดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถรักษาเงินตรงนั้นไว้ได้เลย ทำให้ผมใช้ชีวิตขึ้นๆลงๆมาก ฟังดูแล้วมันอาจจะไม่ได้ดูลำบากขนาดนั้น แต่จริง ๆ แล้วผมไม่สามารถมีความสุขเล็ก ๆ ได้เลย เห็นเพื่อนไปเที่ยว ตจว กัน ผมก็ไม่มีเงินเหลือให้ไป เพื่อนไปกินชาบูกันเราก็ต้องเจียดเงินไปกิน แล้วอีกวันก็ข้าวแค่มื้อเดียว
ตอนนี้เครียดมากครับ จะหาทางออกยังไงดี ที่บ้านมีปัญหาเรื่องเงินมาหลายรอบมาก ๆ แล้วครับ ทำให้ผมท้อใจมาก พอมีความหวังแล้วมันก็แย่ลงทุกครั้ง ผมพยายามหาเงินเสริมแล้วมันก็ยังไม่พอสำหรับชีวิตประจำวันเลยครับ เพราะมันได้น้อยมาก ผมเครียดมาก ๆ ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ หรือผมไม่ควรหวังพึ่งพ่อแม่แล้ว