เรียนพิเศษ จำเป็นแค่ไหน กับระดับ อนุบาล ยัน ป.6

การศึกษา คือการลงทุน!!

อยากทราบว่า ผปค คิดว่า ลงทุนกับลูกเล็ก ในวัยประถม คุ้มกันมั้ย ถ้าทุ่มให้เรียนพิเศษ ในช่วงวัยประถมนี้
แล้วถ้าไม่ให้จะสายเกินไปมั้ย ถ้าค่อยให้เรียนตอนสักมัธยมปลาย ??

คือ ลูก 2 ค่าเทอม ก็หลายหมื่นแล้ว ถ้าต้องมาจ่ายค่าเรียนพิเศษอีก แม่ก็ไม่ไหว จะติวเอง ก็ไม่ได้ เด็กสมัยนี้เรียนยากเกิ๊นนน
เลยทำใจ เรียนแค่ใน รร. ไม่ตก คะแนนดี ทำใจให้พอใจแล้ว ค่อยไปหาเงินทุ่มตอน มัธยมปลาย เพื่อเข้า มหาลัยไปเลย จะช้าเกินไปหรือป่าว??

อยากส่งเสริมกิจกรรม เรียนอื่นๆ ที่ไม่ใช่วิชาการนะ แต่ๆละคอร์ส ก็หลักหลายพัน ถึงหลักหมื่น กันทั้งนั้น อิแม่ปวดใจ
สมัยนี้ เงินเพื่อการศึกษา ค่าเรียน ค่าพิเศษ ค่ากิจกรรม เยอะมากมาย T_T

เศร้าใจหลาย แม่ยาย แม่ย่า ต่างบอกว่า ให้รีบๆมีลูกไปเถอะ ออกมาถึงเวลาก็เลี้ยงได้เอง

แต่!! เลี้ยงแบบไหนละ ให้ได้คุณภาพ ในสังคม การแข่งขัน และเงินตรา เอานิยาม สมัยรุ่นแม่ๆ เรามาใช้ ไม่ได้แล้ว เลี้ยงแบบบุพเฟ่ เรียนโรงเรียนวัด ไม่เคยกวดวิชา อาศัยหัวดี เฮง สอบได้ สอบติด มันไม่ได้ทุกคนมั้ยอ่ะ

ตอนนี้คนรอบตัว ทั้งญาติ พีน้อง คนรู้จัก เพื่อนๆ ล้วนให้ลูกตัวเองเรียนพิเศษ กันหมด ตัวเราเลยรู้สึกกดดันเหมือนกัน ลูกฉันไม่ได้เรียน จะทันเพื่อนมั้ยนะ
บางครั้ง มันเป็นการอุปทานหมู่หรือป่าว ตอนนี้ ไม่ใช่ ผปค หาค่าเทอมอย่างเดียว ต้องหาค่าเรียนพิเศษด้วย

พ่อๆ แม่ๆ ท่านไหน ส่วนใหญ๋ให้ลูกเรียนพิเศษมั้ย แล้วให้เรียนเพราะอะไร
1. ไปเรียนเสริมพิเศษ เพราะอ่อน เรียนในห้องไม่ทันเพื่อน ต้องเรียนพิเศษเสริมเพิ่มเติม ให้ทันเพื่อน 
2. ไปเรียนเสริมพิเศษ เพราะต้องการรู้มากกว่าในห้อง เรียนล่วงหน้า เรียนมากขึ้นให้เก่งขึ้น พิเศษขึ้น
3. ไปเรียนเสริมพิเศษ เพราะใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์ กลับบ้านเร็ว ก็ไม่มีคนดูแล และเพื่อฝึกนิสัย ฝึกวินัย สม่ำเสมอ ให้มีทบทวนหนังสือ มากกว่าในห้องเรียน
4. ไปเรียนเสริมพิเศษ เพราะเพื่อเตรียมตัวแข่งขันรายการต่างๆ ไปสอบแข่ง สอบชิงทุน สอบเข้า เรียนต่อ รร.ดังๆ เข้ายากๆ ทั้งหลาย

อยากรู้ว่า ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นเด็ก กทม. จะนิยมเรียนพิเศษซะเกือบหมดห้อง ถ้า ตจว. ก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันมั้ย ถ้าเด็กในเมืองก็คงเหมือนๆ นร. ในกทม.
แต่ เรารู้สึกว่า เด็กที่เรียนเก่ง เรียนดี ที่ 1 ใน รร. ตจว. กลายเป็นเด็กกลางๆ ลงไปถึงท้ายห้องได้เลย เมื่อเทียบกับเด็ก นร. ใน กทม.

เพราะ???
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ตอนนี้ลูกสาว 15 สอบได้ทุนไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
เรียนโรงเรียนกลางๆ เกรดราวๆ 3 ต้นๆ สอบวัดผลระดบประเทศ ก็ค่อนมาทางหัวๆ โอเค คะแนนห่างจากแถวหน้าพอสมควร  แต่ไม่มีวิชาไหนต่ำหรือใกล้กับมาตรฐานครับ ทุกวิชา เกินมาตรฐานประเทศ ภาษาอังกฤษ ล้ำหน้า ไม่เท่าแถวหน้าแต่จัดว่าคะแนนสูงกับเกณฑ์ของประเทศ

ไม่เคยเรียนพิเศษใดๆทั้งสิ้น มีบ้างที่หาคนช่วยสอน เช่น มีลูญาติเกิดไทยแต่ไปรเียนและโตอเมริกามา 30 กว่าปี ให้สอนภาษาด้วยการนั่งวีดีโอคอลคุยกันสัปดาห์ละ 2 ชม. คุยเรื่องหนัง เพลง อะไรก็ได้ หมา แมว ชีวิตทั่วไปแค่นั้นแหละ เคยมีเรียนเลขเสริมตอนประถมสาม เพราะเห็นว่าเลขค่อนข้างอ่อน ไปเรียนพิเศษ แต่เรียนได้เดือนเดียวเลิก รู้สึกเสียเวลาและเงิน เสียความสุขลูกเปล่าๆ

จากนั้น สอนเองครับ เอาบทเรียนมานั่งอ่านล่วงหน้า ที่บอกว่า พ่อแม่สมัยนี้ สอนหนังสือลูกไม่ได้แล้ว บอกเลยว่าไม่จริงครับ  ในระดับประถม มัธยมต้น ถ้าคุณตั้งใจจริงๆ เอาตำราลูกมาอ่าน ก็พอจะจับทางได้แล้วล่ะ รวมถึง ไปส่องช่องยูทูปสอนพิเศษต่างๆ นั่งๆนอนๆดูไปว่าตัวอย่างแต่ละโจทย์มีอะไรบ้าง เอาข้อสอบวัดผลมานั่งทำเอง เช็คเฉลย

ตรวจ อ่านการบ้านลูกทั้งหมด ปรึกษาครู สงสัยถามครู ทำแบบนี้มาตลอดครับ
มัธยมปลาย อยู่ที่เค้า อยากเรียนมั้ย ถ้าอยากเรียนก็ไปเรียน ไม่ห้าม แต่ถ้าไม่อยาก แล้วมีทางอื่นพัฒนาตัวเอง ก็โอเค

อนุบาล จำได้ว่า เคยเจอโรงเรียน ที่ขายพ่วงเลย มีเรียนกวดวิชานอกเวลา เสาร์อาทิตย์ สอนน่น นี่โน่น แล้วเอาผลงานมาอวดว่าเด็กเค้าสอบประถมโรงเรียนดังๆที่ไหนได้บ้าง
แล้วผมก็ บ๊ายบาย ไม่ใช่ทางครับ ไปเข้าอนุบาลพวกแนวความคิด การเรียนเชิงสาธิต จนจะสอบประถมแล้ว ยังอ่านเขียนไม่เก่ง คิดเลขไม่คล่อง ลายมือไม่สวย ไปสอบสาธิตดังๆไม่ติดด้วย แต่ก็สอบโรงเรียนที่เน้นการเรียนเชิงสาธิตได้ เข้าไปก็ใช้เวลาปรับตัวนิดหน่อย ก็เรียนมาได้ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ มีเวลา และ เห็นว่าสำคัญ การฝึกทักษะใหม่ๆไปกับลูกเป็นเรื่องสนุกครับ อย่าคิดว่ามันคือการสอน แต่ให้คิดว่ามันคือการฝึกหัด
เช่น พวกทักษะการคิดเลขแบบใหม่ๆ ที่เน้นไปที่การเปรียบเทียบ เชื่อมโยง (แบบเพิ่ม ลด ใช้เส้นตรง เพ่ิมไปทางขวา ลดไปทางซ้าย ขยับกี่ช่อง การคูณคือการทำซ้ำ ไม่ใช่การท่องสูตร การหาร คือการแบ่งเท่า ไม่ใช่การท่องสูตร สมการ คือประโยคแบบหนึ่ง ไม่ใช่การจำสูตร) การเรียนภาษาแบบใหม่ๆ (เรียนเพื่อคิดเป็นภาษานั้น การออกสเียงจากตัวอักษรที่ผสมกัน หรือการแกะอักษรจากเสียงที่ได้ยิน แทนการท่องศัพท์ การอ่าน ฟัง เขียน) หรือ แม้แต่ ภาษาไทย ประวัติศาสตร์ ดนตรี สังคม ที่คุณ สามารถพาลูกไปรับประสบการณ์ได้จริงๆ

แต่วิธีนี้ ไม่เหมาะสำหรับการมุ่งหน้าสู่การสอบแข่งขันนะครับ บอกเลยว่า ประถม เด็กที่สอบแข่งขันโรงเรียนดังสายเน้นวิชาการจ๋าเลย อ่าน เขียน คิดเลข เรียนมาแบบปึ้กมาก แทบจะอ่านโจทย์สอบประถมออกด้วยตัวเองก็มี
ส่วนพวกเด็กสอบสาธิตชื่อดังชั้นนำ ก็มีระบบความคิดเชือ่มโยงวิเคราะห์ที่เก่งมาก เพราะ การแข่งขันสุงครับ ย่อมต้องเก่งจริงๆ

แต่ ส่วนตัว ชีวิต ก็เรียนโรงเรียนแบบนั้นแหละ สมัยก่อนคงแข่งขันน้อยมั้ง สอบเข้าได้ เรียนมาเชิงการคิดตั้งแต่เด็ก จนเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้เรียนพิเศษอะไร สอบก็ได้มหาลัยที่เค้าว่ากันว่าดัง ดีเยี่ยมของไทย ดราม่าตลอด นั่นแหละ
แต่ พอโตมา มีเพื่อน พบคนมากขึ้น ทำให้รู้ว่า การศึกษา การเรียน มันไม่ใช่การสอบเข้า สอบได้ สอบไล่ แต่มันคือ ความสนใจ ทักษะ และ พัฒนาการ

สร้างพื้นฐานประมาณนึงให้เค้า รู้ว่าต้องทำอะไร พัฒนาอะไร แล้วสอนให้รู้จักตัวเอง คนอื่นมากๆ จะได้เลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ ถ้ารู้ว่าต้องการอะไร เดี๋ยวเค้าก็เลือกและขอมันเอง แทนที่พ่อ แม่ ต้องมายัดเยียดให้

อ้ออ ในวัยอนุบาล จริงๆสิ่งที่สำคัญ(ในความคิดผม) ไม่ใช่การนั่งหัดอ่านคำ เขียนหนังสือ แต่ คือจินตนาการ คิด ตั้งคำถาม นั่งทดลอง ทำสิ่งต่างๆให้เต็มที่ มือน้อยๆ น่าจะได้ จับสี ปั้นดิน จับสัตว์ตัวเล็กๆ เฝ้ามองต้นไม้งอก ดมดอกไม้ กลิ่นลม ชิมรสอาหาร ฟังเสียงต่างๆให้ได้เยอะที่สุด แล้วใส่เรื่องต่างๆไปในนั้นช่วยให้เรียนหนังสือได้ในอนาคต

นั่งมองนกบินกลับรัง นับว่าฝูงนี้มีกี่ตัว อีกฝูงที่บินไปมีกี่ตัว เอ๊ะ ฝูงไหนมากกว่ากัน ฝูงนี้ต้องไปตามเพื่อนมาอีกกี่ตัวถึงจะเท่ากับอีกฝูงนึก
นก 5 ตัว ไม่ใช่ five birdes แต่ five birds คือ five of a bird เอา bird มา 5 หน่วย เค้ารู้จัก five รู้จัก bird  ไม่ต้องมานั่งแปล ไม่ต้องมานั่งท่อง เราคิดและพูดด้วยภาษาอังกฤษโดยตรง
ไม่สอนว่า ซี เอ อาร์ "คาร์" แปลว่ารถ แต่เรียกมันว่า "คาร์" แล้วถามว่า คิดว่าสะกดยังไงได้คำนี้ จะเป็น car, kar เอาที่สบายใจเลย และถูกต้องหมด จนกว่า ชี้ให้เห็นคำว่า Car Park  นี่ไง คำว่า"คาร์" หน้าตาแบบนี้

เรียนพิเศษ มันก็มีแค่ 2 แนวครับถ้าอยากเรียน
แนวแรกคือ สอนให้เด็กสอบ แนวที่สองคือ สอนให้เด็กพร้อมเรียน
แนวแรก ผมอคติเป็นการส่วนตัว ไม่ชอบ ไม่ใช่ไม่ดีนะ มีเพื่อนๆที่เรียนมาเส้นทางนี้ ได้ดีก็มากมาย (เรือหายก็เยอะ) ส่วนอีกแบบ ต้องหาที่เรียนแนวนี้ให้เจอ เดี๋ยวนี้มีที่เรียนเน้นด้านนี้เยอะครับ พ่อแม่ต้องใจเย็นๆ มันคือการทำงานระยะยาว และ ต้องลงแรงไปกับเค้าด้วย
ต่อให้น้องเรียนแนวสาธิต มีที่กวดวิชาแนวนี้ แต่พ่อแม่ไม่ใช้ชีวิตแนวนี้ เค้าก็จะงงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่