"รีวิวบ้านตัวเอง" สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจปลูกบ้าน

พาพันรดน้ำต้นไม้ "รีวิวบ้านตัวเอง" สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจปลูกบ้าน ขนาดเล็ก Size S เพี้ยนลุย

วันนี้จะมารีวิวบ้านตัวเอง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคยที่กำลังตัดสินใจในการปลูกบ้านนะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะมาอวดหรืออะไรเลย (เพราะบ้านผมก็อวดใครไม่ได้เลยครับหลังกะจ้อยหร่อยมาก) คือที่มารีวิวเนื่องด้วยเมื่อไม่นานมานี้ได้นั่งคุยกับเพื่อนที่กำลังจะปลูกบ้าน เพื่อก็มีคำถามมาถามเราหลายเรื่องด้วยความที่เรามีประสบการณ์(เล็กน้อย) ในการปลูกบ้านมาก่อนก็เลยแนะนำเพื่อนไปตามความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวเอง(เท่านั้น) ส่วนตัวแล้วออกแบบบ้านเอง หมายถึงเราเขียนแปลคร่าวๆว่าเราต้องการแบบไหน มีห้องกี่ห้องตรงไหน ขนาดเท่าไหร่ มีพื้นที่อะไรอย่างไร วัสดุจะใช้อะไร ปรตู หน้าต่าง ห้องน้ำแบบไหน แล้วเราก็ไปให้ช่างผู้รับเหมาหรือสถาปนิกเขียนแบบอีกทีนะครับ ผมเขียนแบบไม่ได้เพราะไม่ได้เรียนมาทางนี้นะครับ 
อมยิ้ม02เริ่มที่ขนาดตัวบ้านเลยนะครับ พื้นที่ใช้สอย 93 ตารางเมตร เป็นบ้าน Size มินิมอลมากแต่อยู่สบาย(อยู่มา 2 ปีแล้วครับ) การปลูกบ้านของแต่ละคนขนาดไม่เท่ากัน เพราะต้องคำนึงถึงหลายเหตุ เช่น จำนวนผู้อยู่อาศัย, ขนาดที่ดิน (ขนาด+ทำเลที่ตั้ง เพราะมีผลต่อราคา), ความชอบส่วนตัวและครอบครัว(กรณีมีครอบครัวแล้ว), งบประมาณที่มี หมายถึง ความสามารถในการชำระหนี้ (กรณีกู้ธนาคาร) หรือ ถ้าเป็นคนที่มีเงินสดก็จำนวนเงินที่ตั้งใจจะใช้ (บวกไว้เลยอีก 20% เพราะจะเกินจากเดิมแน่นอน)และ วัสดุหรือสไตล์ที่ชอบ ทั้งหมดจะเป็นตัวแปลส่งผลต่อการออกแบบบ้านสักหลัง
          บ้านผมพื้นที่ 93 ตารางเมตร เพราะอยู่กัน 2 คนกับภรรยา (ปลูกก่อนแต่งงา 1 ปี ) พื้นที่ที่เราเลือกคือพื้นที่ออกจากนอกเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร และอยู่ใกล้ที่ทำงานของผมประมาณ 4-5 กิโลเมตร (มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี) สรุปคือ เป็นกึ่งกลางระหว่าง ตัวเมืองและที่ทำงาน แน่นอนว่าเราตั้งใจให้เป็นแบบนั้น แต่ก่อนที่จะมาซึ่งทำเลที่ตั้งของบ้านนั้น (เรากู้เงินซื้อที่ดิน+ปลูกบ้าน  ในคราวเดียวกัน) ต้องใจเย็นมากๆกับการหาซื้อที่ดินที่เราถูกใจ ผมโชคดีที่มีพี่ๆที่เขาหาซื้อที่ดินปลูกบ้านกันมาก่อนจึงทำให้เขารู้ว่าตรงไหนบ้างที่ประกาศขาย ผมกับภรรยาไปทุกที่ที่ประกาศขายเราไปยืน ไปดู ไปสำรวจในเวลาต่างๆกันเพื่อดูบรรยากาศของบ้าน ซึ่งก่อนที่ผมจะตัดสินใจปลูกบ้านใหม่คือผมซื้อทาวด์โฮมในตัวเมืองไว้ผมอยู่มาประมาณ 8 ปี ที่ผมตัดวินใจจะปลูกบ้านใหม่เพราะคิดถึงเรื่องของอนาคตคือ "การมีครอบครัว" ผมพิจารณาแล้วว่าบ้านที่เป็นทาวด์โฮมหลังที่อยู่มาสำหรับผมไม่เหมาะต่อการสร้างครอบครัว (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ) เพราะอาจจะเติบโตมาจากบ้านแบบต่างจังหวัดคือมีพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ เลี้ยงหมา หรือ อะไรก็ว่าไปและผมไม่ชอบอยู่ในเมือง ผมกับภรรยาเลือกอยู่สักพักเราก็ได้พื้นที่  พื้นที่ที่เราเลือกคือพื้นที่ที่เป็นที่โล่ง ด้านหลังเป็นทุ่งนาซึ่งอากาศถ่ายเทดี ช่วงเย็นจะมีลมพัดผ่านเย็นสบาย

          พื้นที่ทั้งหมดที่เราซื้อคือ ที่ดินขนาด1 ไร่ 3 งาน กับอีก 54 ตารางวา (พื้นที่เป็นโฉนด นส.4) หน้ากว้างประมาณ 34 เมตร ส่วนยาวจำไม่ได้) เป็นผืนผ้ายาวลึกลงไปด้านหน้ามีถนน(ขณะนั้นเป็นทางลูกรัง) แต่เทศบาลมีโครงการจะทำเป็นถนนคอนกรีต ซึ่งในปัจจุบันทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนที่เราปลูกบ้านขณะนั้นยังไม่มีบ้านเลยสักหลัง แต่เราจะมีเพื่อนบ้านที่เริ่มปลูกพร้อมกัน 3 หลัง ทางด้านขวาจะเป็นบ้านคุณลุงซึ่งเป็นเจ้าของที่ดั้งเดิม โดยตรงข้ามกัน เป็นบ้านของอาจารย์มนมหาวิทยาลัยเดียวกันซึ่งผมกับเขานัดแนะและชวนกันมาซื้อที่ดินตรงนี้ด้วยกัน ขนาดของที่ดินสำหรับในเมืองจะดูใหญ่และราคาสูง แต่ของผมถือว่าอยู่นอกเมืองราคายังไม่สูงมาก(ราคากลางๆ) ซึ่งตรงกับความต้องการของเราคือมีพื้นที่ปลูกต้นไม้ทำสวนเล็กๆ แลพสามารถต่อเติมบ้านสำหรับลูกๆในอนาคตถ้ามี 
          การวางพื้นที่ใช้สอย เนื่องด้วยพื้นที่เป็นแบบผืนผ้าแต่ก็ไม่แคบ ผมเลือกวางตัวบ้านให้ชิดทางด้านซ้ายของที่ดิน โดยด้านขวามจะได้เป็นพื้นที่โล่ง เพราะทางด้านขวามีบ้านอีกหนึ่งหลังผมไม่ต้องการปลูกชิดทางด้านที่มีบ้าน อยากให้หน้าบ้านและข้างบ้านด้านที่มีบ้านมีความโล่ง มีพื้นที่พอสมควรจะได้มีรบกวนกัน แต่ยังสามารถสื่อสารกันได้ เดินไปคุยกันได้แบบสบายๆ และไม่ได้ปลูกชิดถนนด้านหน้า โดยผมปลูกลึกลงไปจากถนนหน้าบ้านประมาณ  25 เมตร เพราะไม่ต้องการติดถนน และเว้นพื้นที่ไว้สำหรับปลูกที่จอดรถ การปลูกที่จอดรถผมจะปลูกติดกับถนนหน้าบ้าน(ถนนหน้าบ้านเป็นซอยตันไปแค่หนเาบ้านคุณลุงเลยไปเป็นดงอ้อย ไม่สามารถไปไหนต่อได้) เพราะฉนั้นรถที่จะเข้ามาเส้นทางนี้คือรถของบ้านเรา 3 หลังเท่านั้น ผมออกแบบให้โรงจอดรถอยู่หน้าบ้านเพราะต้องการใช้แนวของที่จอดรถเป็นแนวกำแพงไปในตัว คือเราขับรถมาจอดรถแล้วเดินเข้าหน้าบ้าน ไม่เอารถเข้ามาจอดด้านข้างเพราะไม่ต้องการเสียพื้นที่ด้านข้างและไม่ชอบที่ต้องเอารถมาจอดข้างบ้านฝุ่นจะตามรถมา แต่เราก็มีประตูรั้วที่สามารถนำรถเข้ามาในบริเวณข้างบ้านได้ในกรณีจำเป็น 
(ภาพอดีต)

ภาพปัจจุบัน

              งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด(รับเหมา) ตัวบ้านทั้งหมด รวมประตู หน้าต่าง สุขภัณฑ์ ระบบน้ำ ระบบไฟทั้งหมด 1 ล้านบาทถ้วน (ไม่รวมรั้ว และ ที่จอดรถนะครับอันนี้มาทำทีหลัง)  เนี่ยหลังนี้เลย 93 ตรม. 1 ล้านบาท บางคนบอกแพง บางคนบอกถูกก็คงต้องพิจารณาหลายๆอย่าง แต่สำหรับผมกำลังพอดีแล้ว คือเราสามาถเลือกวัสดุ เช่น แบบหน้าต่าง ประตู ประจกต่างๆ กระเบื้องมุงหลังคา สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ กระเบื้อง เป็นต้น ทั้งหมดเลือกได้ตามใจเราซึ่งผมก็เลือกในราคากลางๆ (ตามงบประมาณที่เราตั้งไว้) งบประมาณทั้งหมดผมตั้งไว้ที่ 3 ล้านบาท ที่ดิน 1.8 ล้าน + บ้าน 1 ล้าน ถมที่ดินอีก 3 แสน   (มีวงเงินในการกู้ธนาคาร และผมสามารถผ่อนโดยไม่ลำบากตรากตรำ) แต่สุดท้ายแล้วผมได้รับวงเงินกู้ 2.7 ล้านบาท เพราะเป็นบ้านหลังที่ 2 ผมจะได้รับเงินกูเพียง 90% ของวงเงิน (เพราะฉนั้นผมต้องมีเงินสดอีก 4 แสนบาทในการดำเนินการ) เพราะฉนั้นเวลาปลูกบ้านเราต้องเตรียมเงินสดไว้ด้วยตามแต่ขนาดของบ้านที่เราจะปลูก เพราะเงินกู้จะออกเป็นงวดๆไป เราต้องมีเงินจ่ายล่วงหน้าซึ่งก็แล้วแต่การตกลงและสัญญากับผู้รับเหมา ผู้รับเหมาของผมนั้นดีมากๆ เป็นโชคดีที่สุดในด้านนี้จริงๆ ผู้รับเหมาของผมชื่อ "ช่างต๋อง" หนองบัว กาญจนบุรี (ใครสนใจหลังไมค์มาผมมีเบอร์โทร) เขารับงานทั่วประเทศนะ เป็นช่างที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างบ้านมายาวนานได้รับการแนะนำมาจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยซึ่งเขาปลูกบ้านไปก่อนหน้าเรียบร้อย ราคาสำหรับผมถือว่ารับได้คือไม่ได้ราคาถูก แต่ก็ไม่ถึงขนาดแพงจนรับไม่ได้แลกกลับมาด้วยความสบายใจและสุดท้ายก็ดีจริงๆ 
             ก่อนปลูกบ้านผมนั่งดูรีวิวและแบบบ้านต่างๆนานมากดูแทบจะทุกเวป ทุกเวลา จนเราได้แบบที่เราต้องการโดยเรามีสเปคในใจ ในส่วนของผมนั้นมีสเปคดังนี้คือ  บ้านชั้นเดียว (สไตล์เรียบง่ายสบายๆ) 2 ห้องนอน (1 ห้องนอนใหญ่ของเราเอง และ 1 ห้องนอนเล็กสำหรับอนาคต หรือ ไว้เก็บของ) 2 ห้องน้ำ (โดยเป็นห้องน้ำใสตัวโซน 1 นอน และ ห้องน้ำตัวบ้าน 1 ห้อง) ห้องนั่งเล่น/รับแขก/Living Room จะเรียกอะไรก็ได้ครับ 1 ห้อง และโซนนั่งทำงานอีก 1 โซน และ ส่วนซักล้าง+ครัว ซึ่งผมตั้งใจเลยว่าจะเป็นส่วนที่อยู่นอกบ้านออกไป เพราะมีประสบการณ์จากบ้านคุณแม่ ทุกวันนี้ครัวคือ ออกจากตัวบ้านมาเลยทสำหรับผมคือมีประตูเปิดออกไปแต่อยู่ในหลัวคาเดียวกัน พยายามไม่ให้กลิ่มเข้าบ้านและเปิดโล่ง ซึ่งในปัจจุบันส่วนนี้เป็นที่ซักล้าง แต่ไม่มีการประกอบอาหาร เพราะปลูกบ้านเล็กอีกหนึ่งหลังสำหรับคุณแม่ภรรยาที่จะเดินทางไปๆกลับๆประเทศพม่า จึงเอาส่วนที่ทำกับข้าวไปไว้ที่บ้านเล็กแทน หลังบ้านจึงมีสภาพเป็นแบบนี้ ปัจจุบัน

และอยากบอกว่าตอบโจทย์ชีวิตมากๆ เดิมทีโต๊ะทานข้าวอยู่ในบ้านแต่ไม่ได้ใช้งาน เพราะถ้าเราใช้ชีวิตแบบสะดวกคือ เราเตรียมอาหารตรงนี้และสามารถนั่งทานได้เลย เก็ล้างได้ง่าย ไม่มีกลิ่นเข้าบ้านสะดวกมาก และที่สำคัญคืออากาศถ่ายเทดีถ้าร้อนหรือฝนตกก็ย้ายเป็นบางครั้ง แต่ปัจจุบันตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันมาก ในส่วนนี้มีเครื่องซักผ้าด้วย
       อย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์ของการใช้ชีวิตประจำวันคือห้องนอนห้องแต่งตัวและห้องน้ำ บ้านของเราสามารถแบ่งออกเป็น 3 โซน โซนที่ 1 คือส่วนหน้าที่เป็น Living Room ซึ่งเราเลือกทำตามทรงหลังคาทำให้ดูกว้างขึ้น ส่วนที่ 2 คือพื้นที่ส่วนตัว คือ ส่วนห้องนอน  และส่วนที่ 3 คือ พื้นที่ตรงกลางได้แก่ ห้องเล็ก ห้องน้ำ และพื้นที่ทำงาน จากข้อมูลตรงนี้ขอบอกเลยว่า พื้นที่ที่เราควรใส่ใจในการออกแบบบ้านคือ "ห้องนอน และพื้นที่ส่วนตัว" หลายบ้านออกแบบบ้านมาให้ห้องมีขนาดพอๆกัน มีห้องนอนแขกอะไรแบบนั้น จากประสบการณ์จากบ้านแม่(ซึ่งผมเป็นคนออกแบบเองเหมือนกัน) ปัจจุบันห้องนอนแขกนี่คือแทบไม่ได้ใช้ เพราะฉนั้นพื้นที่ที่เราใช้ต้องให้ความสำคัญคือ ห้องนอน สำหรับผมควรจะมีพื้นที่มากที่สุดในบ้าน (ตามสัดส่วนขนาดของบ้าน) สำหรับบ้านผมในปัจจุบันไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมดที่บอกมานะครับ แต่ก็ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ดี ถ้าเพิ่มได้ก็อยากเพิ่มพื้นที่แต่งตัวกับห้องน้ำส่วนตัวอีก 50 เซนติเมตร ส่วนห้องรับแขกหรือ Living Room เนี่ย อยากบอกว่า ใช้งานประมาณ 20% ของชีวิตจริงๆ ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่เลย ยิ่งถ้าเราเป็นครอบครัวเล็กอยู่กับ 2 คน ก็ไม่มีความจำเป็นเท่าใด แต่ก็วางแผนล่วงหน้าว่าถ้ามีลูกเราก็สามารถปรับเป็นพื้นที่สำหรับลูกได้ เพราะเราไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมาก
           ขนาดของพื้นที่ต่างๆในบ้านจะรีวิวเป็นคร่าวๆนะครับ เริ่มจากนอกบ้านตั้งแต่ที่จอดรถมาถึงหน้าบ้านนะครับ จากที่จอดรถมาก็จะมีทางเดินเล็กๆมาที่ประตูหน้าบ้านซึ่งอยู่มุมซ้ายของบ้านเป็นประตูไม้บานเดียวแบบนี้เลยครับ

ประตูหน้าบ้านมีรั้วเล็กๆกันหมาครับ ผมกับภรรยาชอบเลี้ยงหมา มี 5 ตัว แต่ละตัวซนมากก็เลยต้องทำรั้วเล็กกันไว้ รองเท้าจะได้ไม่หายแบบไร้ร่องรอย 555 ก่อนหน้านี่จอดไม่ได้เลย เปิดประตูเข้ามาก็จะจเอกับห้องรับ Riving Room (นานๆทีจะมานั่ง) ขนาด 4x4 เมตร แต่แบ่งเป็นพื้นที่ในการทำประตูบ้านก็เหลือไม่ถึงแล้วครับ สภาพก็ประมาณนี้

ตรงส่วนนี้จะมีประตูกระจกเปิดออกได้เป็นบานสไลค์เปิดออกไปจะมีเทอเรสยืนออกไปเพื่อนั่งเล่นแบบนี้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่