เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://mgronline.com/china/detail/9670000037421
ติดตามข่าวสารน่าสนใจมากมายได้ที่
https://mgronline.com
นาทีนี้ส่วนแบ่งตลาดสำคัญเหนือกว่าผลกำไร ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของจีนทำสงครามหั่นราคากันดุเดือด หวังครองส่วนแบ่งเพิ่มมากขึ้นในตลาดแดนมังกร จากการเปิดเผยของผู้เข้าร่วมงานแสดงยานยนต์นานาชาติปักกิ่ง (Auto China Show 2024)
บีวายดีบริษัทผู้ผลิตรถอีวีรายใหญ่ที่สุดในโลกเปิดฉากทำสงครามลดราคารถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดลงร้อยละ 5-20 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อดึงลูกค้ามาจากรถเบนซิน
สงครามหั่นราคาซึ่งกินเวลานาน 3 เดือนส่งผลให้ราคารถยนต์แบรนด์ต่างๆ 50 รุ่น ปรับลดลงมาเฉลี่ยร้อยละ 10
นายลู่ เทียน หัวหน้าฝ่ายขายรถรุ่นไดนาสตี้ (Dynasty) ของบีวายดีกล่าวว่า รถอีวีจะเข้ามาแทนที่รถยนต์เบนซินเป็นแนวโน้มที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยบีวายดีตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์และราคาที่ดีที่สุดเพื่อดึงดูดใจลูกค้าชาวจีน
รายงานของโกลด์แมน ซาคส์ ระบุว่า ถ้าบีวายดีหั่นราคารถแต่ละคันลงอีก 10,300 หยวน (ราว 5 หมื่นกว่าบาท) อุตสาหกรรมยานยนต์อาจทำกำไรติดลบในปีนี้ การลดราคา 10,300 หยวนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 ของราคาขายรถโดยเฉลี่ยของบีวายดี โดยค่ายรถแห่งนี้กำหนดแบบจำลองงบประมาณในราคาตั้งแต่ 100,000 หยวน ถึง 200,000 หยวนเป็นหลัก
จีนเป็นตลาดรถอีวีแห่งใหญ่ที่สุดในโลก มีสัดส่วนการขายราวร้อยละ 60 ของทั้งโลก แต่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับการชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถดถอยและผู้บริโภคไม่อยากซื้อสินค้าราคาแพงมากๆ
ราคารถที่ถูกลงอาจทำให้ขาดทุนหนักและค่ายผู้ผลิตรายเล็กอาจเจ๊งเร็วขึ้น นอกจากนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจกรรมทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งค่ายรถที่มีสายป่านยาวพอจึงจะรอด
ปัจจุบัน มีผู้ผลิตรถอีวีไม่กี่รายในจีนเท่านั้น เช่น บีวายดี และหลี่ออโต้ แบรนด์ระดับพรีเมียม ที่สามารถทำกำไรได้ ในขณะที่ค่ายรถอีวีส่วนใหญ่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน โดยบีวายดีประกาศผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3 หมื่นล้านหยวนในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 80.7 จากปีก่อน
นายแจ็กกี้ เฉิน หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัทผู้ผลิตรถเจี๋ยถู (Jetour) ระบุว่า การแข่งขันด้านราคาในหมู่บริษัทผู้ผลิตรถอีวีของจีนจะขยายไปยังตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้น เพราะการขยายไปตลาดต่างประเทศช่วยทดแทนกำไรที่ลดลงในจีนได้
ผู้จัดการฝ่ายขายที่ส่วนจัดแสดงของเจเนอรัลมอเตอร์ค่ายรถอเมริกันชี้ว่า ราคาและแคมเปญโฆษณาคือหัวใจความสำเร็จของแบรนด์รถในจีนมากกว่าในเรื่องการออกแบบและคุณภาพ เนื่องจากผู้บริโภคจะคำนึงถึงงบประมาณในกระเป๋าและให้ความสำคัญกับการต่อรองราคา
นายชุย ตงซู เลขาธิการของ สมาคมรถยนต์นั่งแห่งประเทศจีน (China Passenger Car Association) เคยคาดการณ์เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า บริษัทผู้ผลิตรถของจีนส่วนใหญ่น่าจะยังคงลดราคาต่อไป เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบางคนบอกว่าสงครามลดราคาใกล้จะจบลงแล้ว
นายไบรอัน กู่ ประธานของ เอ็กซ์เผิง (Xpeng) บริษัทผู้ผลิตรถอีวีอัจฉริยะคาดว่า ราคาจะเริ่มนิ่งในระยะอันใกล้ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะขับเคลื่อนการพัฒนารถอีวีได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
ผู้บริโภคยิ้ม! สงครามหั่นราคาอีวีในจีนเดือดพล่าน คาดลุกลามไปตลาดต่างประเทศ
https://mgronline.com/china/detail/9670000037421
ติดตามข่าวสารน่าสนใจมากมายได้ที่
https://mgronline.com
นาทีนี้ส่วนแบ่งตลาดสำคัญเหนือกว่าผลกำไร ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของจีนทำสงครามหั่นราคากันดุเดือด หวังครองส่วนแบ่งเพิ่มมากขึ้นในตลาดแดนมังกร จากการเปิดเผยของผู้เข้าร่วมงานแสดงยานยนต์นานาชาติปักกิ่ง (Auto China Show 2024)
บีวายดีบริษัทผู้ผลิตรถอีวีรายใหญ่ที่สุดในโลกเปิดฉากทำสงครามลดราคารถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดลงร้อยละ 5-20 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อดึงลูกค้ามาจากรถเบนซิน
สงครามหั่นราคาซึ่งกินเวลานาน 3 เดือนส่งผลให้ราคารถยนต์แบรนด์ต่างๆ 50 รุ่น ปรับลดลงมาเฉลี่ยร้อยละ 10
นายลู่ เทียน หัวหน้าฝ่ายขายรถรุ่นไดนาสตี้ (Dynasty) ของบีวายดีกล่าวว่า รถอีวีจะเข้ามาแทนที่รถยนต์เบนซินเป็นแนวโน้มที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยบีวายดีตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์และราคาที่ดีที่สุดเพื่อดึงดูดใจลูกค้าชาวจีน
รายงานของโกลด์แมน ซาคส์ ระบุว่า ถ้าบีวายดีหั่นราคารถแต่ละคันลงอีก 10,300 หยวน (ราว 5 หมื่นกว่าบาท) อุตสาหกรรมยานยนต์อาจทำกำไรติดลบในปีนี้ การลดราคา 10,300 หยวนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 ของราคาขายรถโดยเฉลี่ยของบีวายดี โดยค่ายรถแห่งนี้กำหนดแบบจำลองงบประมาณในราคาตั้งแต่ 100,000 หยวน ถึง 200,000 หยวนเป็นหลัก
จีนเป็นตลาดรถอีวีแห่งใหญ่ที่สุดในโลก มีสัดส่วนการขายราวร้อยละ 60 ของทั้งโลก แต่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับการชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถดถอยและผู้บริโภคไม่อยากซื้อสินค้าราคาแพงมากๆ
ราคารถที่ถูกลงอาจทำให้ขาดทุนหนักและค่ายผู้ผลิตรายเล็กอาจเจ๊งเร็วขึ้น นอกจากนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจกรรมทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งค่ายรถที่มีสายป่านยาวพอจึงจะรอด
ปัจจุบัน มีผู้ผลิตรถอีวีไม่กี่รายในจีนเท่านั้น เช่น บีวายดี และหลี่ออโต้ แบรนด์ระดับพรีเมียม ที่สามารถทำกำไรได้ ในขณะที่ค่ายรถอีวีส่วนใหญ่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน โดยบีวายดีประกาศผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3 หมื่นล้านหยวนในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 80.7 จากปีก่อน
นายแจ็กกี้ เฉิน หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัทผู้ผลิตรถเจี๋ยถู (Jetour) ระบุว่า การแข่งขันด้านราคาในหมู่บริษัทผู้ผลิตรถอีวีของจีนจะขยายไปยังตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้น เพราะการขยายไปตลาดต่างประเทศช่วยทดแทนกำไรที่ลดลงในจีนได้
ผู้จัดการฝ่ายขายที่ส่วนจัดแสดงของเจเนอรัลมอเตอร์ค่ายรถอเมริกันชี้ว่า ราคาและแคมเปญโฆษณาคือหัวใจความสำเร็จของแบรนด์รถในจีนมากกว่าในเรื่องการออกแบบและคุณภาพ เนื่องจากผู้บริโภคจะคำนึงถึงงบประมาณในกระเป๋าและให้ความสำคัญกับการต่อรองราคา
นายชุย ตงซู เลขาธิการของ สมาคมรถยนต์นั่งแห่งประเทศจีน (China Passenger Car Association) เคยคาดการณ์เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า บริษัทผู้ผลิตรถของจีนส่วนใหญ่น่าจะยังคงลดราคาต่อไป เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบางคนบอกว่าสงครามลดราคาใกล้จะจบลงแล้ว
นายไบรอัน กู่ ประธานของ เอ็กซ์เผิง (Xpeng) บริษัทผู้ผลิตรถอีวีอัจฉริยะคาดว่า ราคาจะเริ่มนิ่งในระยะอันใกล้ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะขับเคลื่อนการพัฒนารถอีวีได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว