ตอนนี้ผ่านพ้นครูผู้ช่วยแล้ว รอคำสั่งแต่งตั้งครู ค.ศ.1 แล้วจะได้เขียนย้ายช่วงเดือนกรกฎาคม
เหตุผลที่ย้ายคือ อยากมีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น อยากย้ายไปโรงเรียนใกล้บ้านซึ่งมี 2 โรง อยู่ห่างจากบ้านไม่เกิน 5 กิโลเมตรและเป็นช่วงที่ตัดสินใจจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อกับแม่ด้วย และต้องพายายไปหาหมอบ่อยๆ ซึ่งเป็นเหตุผลไม่อยากให้มีปัญหากับที่ทำงานเดิม
โรงเรียนที่ 1 อยู่ห่างจากบ้าน 2 กิโลเมตรเป็นโรงเรียนขยายโอกาสและจากที่ไปสำรวจมาขาดอัตรากำลังอยู่1ตำแหน่ง (โรงเรียนนี้จะมีคนเขียนย้ายมาถึง2คนในปีที่จะถึงนี้ ซึ่งเท่ากับว่าเราจะมีคู่แข่ง) และเราก็เข็ดจากที่โรงเรียนเดิม
โรงเรียนที่ 2 อยู่ห่างจากบ้าน 4 กิโลเมตรเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีห้องเรียน8ห้อง นักเรียน 61 คน ครู 4 คน ขาดอัตรากำลัง 2 ตำแหน่ง ซึ่งน่าจะได้สอนควบชั้น (โรงเรียนนี้ไม่ค่อยมีใครเขียนมา แต่เราก็อยากลองเขียนย้ายมาโรงเรียนนี้ เพราะเป็นโรงเรียนเดียวที่เราจะมีโอกาสเขียนย้ายมารอบนี้ได้แน่นอน)
โรงเรียนที่อยู่ตอนนี้ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง เราไม่มีความสุขกับงาน เพราะเหตุนี้ ทั้งเพื่อนร่วมงาน ชุมชน และสภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้เราเติบโต เราจึงขอลองย้ายไปอยู่โรงเรียนใหม่ดีกว่า ถึงแม้จะได้ทำหลายหน้าที่ก็ดีกว่าทนอยู่แบบไม่มีผลงานอะไร ทั้งโรงเรียนนี้ก็เป็นโรงเรียนขยายโอกาสห่างจากบ้านประมาน 9 กิโลเมตร แต่มีครูเขียนย้ายออกทุกปีเพราะไม่ไหวกับระบบ ทำให้มีแต่ครูผู้ช่วยเยอะ เวลาทำงานไม่ได้แบ่งหน้าที่ชัดเจนแต่ช่วยกันแบบทุลักทุเลมาก เราก็ต้องทนกับระบบที่เละแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกัน นักเรียนไม่ค่อยมีจิตอาสาช่วยเหลืองานแม้กระทั่งงานปัจฉิมก็ไม่อยากมาช่วยงานถึงแม้จะแจ้งให้สภานักเรียนมาช่วย ครูต้องได้ช่วยกันเองจนจบงาน ซึ่งเป็นมาแล้วทุกปี เมื่อเกิดความเสียหายในห้องเรียนซึ่งนักเรียนเป็นคนทำลายข้าวของครูประจำชั้นต้องเป็นคนรับผิดชอบ ถึงนัดให้ผู้ปกครองมาพบเพื่อชี้แจงความผิด ผู้ปกครองก็ผลักภาระให้ครูรับผิดชอบอยู่ดี สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาคือ ครูเกือบทุกคนมาสายมากถึงมากเข็มนาฬิกาจะตรงเวลาเข้าแถวอยู่แล้ว แม้จะอยู่บ้านพักครู จะอยู่ใกล้บ้านก็มาสายมีแต่ครูโรงเรียนบ้านไกลที่พอจะถึงเช้ากว่าเพื่อน ซึ่งเป็นปกติเกือบทุกวัน และที่พีกกว่านั้นก็มีการขอพบขอติการทำงานของเราเกือบทุกอย่างจนเราไม่กล้าที่จะตัดสินใจเพราะถ้าเราตัดสินใจแล้วสุดท้ายเขาก็เปลี่ยนการตัดสินใจเราอีกอยู่ดี ซึ่งเราก็ไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยการต้องฟังคำสั่งที่มากจนเกินไป จนไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจ บวกกับเราตัดสินใจเลือกโรงเรียนผิด เพราะตอนแรกเลยเราอยากอยู่โรงเรียนขนาดเล็กแต่ครอบครัวและพี่ๆให้เลือกโรงเรียนนี้ที่ดูเฉพาะฐานเงินเดือน ส่วนเราชอบอยู่กับชนบทมากกว่าถึงเม็ดเงินจะน้อยแต่สบายใจมากกว่า
และปีนี้ก็มาถึงมีโอกาสได้เลือกใหม่เราจะไม่เสียใจอีกเพราะเราได้เลือกเองแล้ว ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ราสมหวัง
ได้ย้ายโรงเรียนใหม่และเริ่มต้นชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปนะ
อยากย้ายโรงเรียนเพื่อมีเวลาเป็นของตนเองมากขึ้น
เหตุผลที่ย้ายคือ อยากมีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น อยากย้ายไปโรงเรียนใกล้บ้านซึ่งมี 2 โรง อยู่ห่างจากบ้านไม่เกิน 5 กิโลเมตรและเป็นช่วงที่ตัดสินใจจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อกับแม่ด้วย และต้องพายายไปหาหมอบ่อยๆ ซึ่งเป็นเหตุผลไม่อยากให้มีปัญหากับที่ทำงานเดิม
โรงเรียนที่ 1 อยู่ห่างจากบ้าน 2 กิโลเมตรเป็นโรงเรียนขยายโอกาสและจากที่ไปสำรวจมาขาดอัตรากำลังอยู่1ตำแหน่ง (โรงเรียนนี้จะมีคนเขียนย้ายมาถึง2คนในปีที่จะถึงนี้ ซึ่งเท่ากับว่าเราจะมีคู่แข่ง) และเราก็เข็ดจากที่โรงเรียนเดิม
โรงเรียนที่ 2 อยู่ห่างจากบ้าน 4 กิโลเมตรเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีห้องเรียน8ห้อง นักเรียน 61 คน ครู 4 คน ขาดอัตรากำลัง 2 ตำแหน่ง ซึ่งน่าจะได้สอนควบชั้น (โรงเรียนนี้ไม่ค่อยมีใครเขียนมา แต่เราก็อยากลองเขียนย้ายมาโรงเรียนนี้ เพราะเป็นโรงเรียนเดียวที่เราจะมีโอกาสเขียนย้ายมารอบนี้ได้แน่นอน)
โรงเรียนที่อยู่ตอนนี้ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง เราไม่มีความสุขกับงาน เพราะเหตุนี้ ทั้งเพื่อนร่วมงาน ชุมชน และสภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้เราเติบโต เราจึงขอลองย้ายไปอยู่โรงเรียนใหม่ดีกว่า ถึงแม้จะได้ทำหลายหน้าที่ก็ดีกว่าทนอยู่แบบไม่มีผลงานอะไร ทั้งโรงเรียนนี้ก็เป็นโรงเรียนขยายโอกาสห่างจากบ้านประมาน 9 กิโลเมตร แต่มีครูเขียนย้ายออกทุกปีเพราะไม่ไหวกับระบบ ทำให้มีแต่ครูผู้ช่วยเยอะ เวลาทำงานไม่ได้แบ่งหน้าที่ชัดเจนแต่ช่วยกันแบบทุลักทุเลมาก เราก็ต้องทนกับระบบที่เละแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกัน นักเรียนไม่ค่อยมีจิตอาสาช่วยเหลืองานแม้กระทั่งงานปัจฉิมก็ไม่อยากมาช่วยงานถึงแม้จะแจ้งให้สภานักเรียนมาช่วย ครูต้องได้ช่วยกันเองจนจบงาน ซึ่งเป็นมาแล้วทุกปี เมื่อเกิดความเสียหายในห้องเรียนซึ่งนักเรียนเป็นคนทำลายข้าวของครูประจำชั้นต้องเป็นคนรับผิดชอบ ถึงนัดให้ผู้ปกครองมาพบเพื่อชี้แจงความผิด ผู้ปกครองก็ผลักภาระให้ครูรับผิดชอบอยู่ดี สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาคือ ครูเกือบทุกคนมาสายมากถึงมากเข็มนาฬิกาจะตรงเวลาเข้าแถวอยู่แล้ว แม้จะอยู่บ้านพักครู จะอยู่ใกล้บ้านก็มาสายมีแต่ครูโรงเรียนบ้านไกลที่พอจะถึงเช้ากว่าเพื่อน ซึ่งเป็นปกติเกือบทุกวัน และที่พีกกว่านั้นก็มีการขอพบขอติการทำงานของเราเกือบทุกอย่างจนเราไม่กล้าที่จะตัดสินใจเพราะถ้าเราตัดสินใจแล้วสุดท้ายเขาก็เปลี่ยนการตัดสินใจเราอีกอยู่ดี ซึ่งเราก็ไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยการต้องฟังคำสั่งที่มากจนเกินไป จนไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจ บวกกับเราตัดสินใจเลือกโรงเรียนผิด เพราะตอนแรกเลยเราอยากอยู่โรงเรียนขนาดเล็กแต่ครอบครัวและพี่ๆให้เลือกโรงเรียนนี้ที่ดูเฉพาะฐานเงินเดือน ส่วนเราชอบอยู่กับชนบทมากกว่าถึงเม็ดเงินจะน้อยแต่สบายใจมากกว่า
และปีนี้ก็มาถึงมีโอกาสได้เลือกใหม่เราจะไม่เสียใจอีกเพราะเราได้เลือกเองแล้ว ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ราสมหวัง
ได้ย้ายโรงเรียนใหม่และเริ่มต้นชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปนะ