ขอแนะนำตัวก่อน คือผมbase รายรับประมาณ 8 หมื่น 8 พันบาททุกเดือน + มีรับ part time บ้าง รายได้เสริมประมาณ  10-30K ครับ เป็นคนชอบใช้บัตรเครดิตมาก อะไรรูดบัตรเครดิตได้จะรูดหมด ถ้าไม่มีค่าทำเนียม เพราะว่าชอบเก็บแต้ม และ แคชแบคต่างๆ ตอนนี้ถือบัตรเครดิตอยู่ 10 กว่าใบ เลือกใช้ตาม promotion จ่ายเต็มทุกครั้ง แต่จะจ่ายวันสุดท้ายตลอด เพราะรู้สึกเสียดายดอกเบี้ยงานฝากที่เก็บเอาไว้จ่ายค่าบัตร ประมาณว่า 3 บาท 4 บาท ก็ยังดี

ปกติทุกเดือนผมจะเปิดแอพบัตรเครดิตทุกธนาคารมาเช็คว่า มีค้างจ่ายบัตรใบไหนไว้รึป่าว  เดือนละ 3-4 ครั้งครับ เพราะว่าบัตรเครดิตหลายๆ ใบวันจ่ายยอดวันสุดท้ายมันจะเบื่อนไปเลื่อนมา วันสองวัน ข้ามเสาร์อาทิตย์บ้าง อะไรงี้ครับ กลัวลืม แต่สุดท้าย มันก็มีบางครั้งที่มันลืมบ้าง แต่ไม่เคยเกิน 1 อาทิตย์ เคยโดนคิดดอกเบี้ยสิบยี่สิบบาท แค่นั้นครับ 

แต่ล่าสุด มีบัตรธนาคารกรุงเทพ ที่เปิดไว้แต่ไม่ค่อยได้ใช้เลย เพราะว่าสิทธิประโยชน์ promotion ไม่ค่อยได้อะไร แต่ถึงอย่างนั้นก่อนหน้านี้ผมก็ยังเข้ามาเช็คใน app ตลอดว่าค้างจ่ายรึป่าว วันนึง ในเดือนธันวา 2566 รถผมน้ำมันใกล้จะหมดแบบสุดๆ คิดว่าอาจจะลากไปถึงปั๊มที่เติมประจำไม่ไหว เลยเข้าปั๊มใกล้ๆ ไปก่อน Caltex ปั๊มนี้รูดบัตร BBL ใบนี้ ได้ cashback 1% ผมก็เลยชักบัตรใบนี้ออกมาใช้ เพื่อจะเอา cashback 5 บาท แต่ปัญหาก็คือ ผมลืมไปเลยว่าหยิบบัตรใบนี้มาใช้ และช่วงนั้น โทรศัพท์เมมเต็มสุดๆ จนเครื่อง offload app ของทาง BBL ไปเลย ตอนผมมาเช็คยอดชำระบัตรเครดิต ด้วยความที่ลืมไปแล้วว่าพึ่งเติมน้ำมันไป และปกติแทบไม่ได้ใช้เลย ก็เลยเลือกที่จะไม่กด load เพื่อเปิดขึ้นมาเช็คเลยครับ จนผ่านไป 3 เดือนกว่าๆ วันที่ 6 เมษา เพื่อนพ่อที่อยู่ใกล้ๆ บ้านเก่าของผม ซึ่งเป็นที่อยู่ที่แจ้งไว้กับ BBL ให้ส่งใบแจ้งหนี้ไป เอาจดหมายมาให้ ผมก็เปิดอ่านตามปกติ ก็คิดว่าคงไม่มีไรน่าจะแจ้งโปรโมชันอะไรรึป่าว พอเปิดขึ้นมาสะดุ้งเลย ค้างชำระ 1006.19 บาท มีจุดสตางค์แบบนี้ ค้างมามากกว่า 1 เดือนแน่นอน นีาก็เลยรีบ load app มาดูเลยว่าค้างตั้งแต่เดือนไหน สรุปว่าไม่มีประวัติ ดูย้อนหลังได้แค่ 1 เดือน ก็เลยโทรหา CC ได้คำตอบว่าตั้งแต่ธันวา 66 แล้ว ผมถึงนึกออกตอนนั้น แล้วก็งงว่าทำไม BBL ถึงปล่อยค้างไว้จนถึง 3 เดือนแบบไม่โทรมาทวงเลยซักครั้ง ปกติผมรับสายเบอร์ 02 และเบอร์โทรศัพท์บ้าน ทุกครั้ง แม้แต่ไปต่างประเทศ ผมยังเปิด roaming ถ้าเป็นเบอร์ 02 โทรมาผมก็ยอมเสียเงินค่ารับสายเพิ่มนะครับ ไม่เคยตัดสายเลย แต่สุดท้ายผมก็จ่ายไปให้หมดทั้งต้นดอก ไม่ต่อรองอะไรเลย แล้วก็ล็อกบัตรไว้เลย

อาทิตย์ต่อมาผมเห็น promotion ฟรีค่าทำเนียมแรกเข้าบัตร T1 Luxe ซึ่งจริงๆ อยากได้มาซักพักละ เพราะอยากได้ที่จอดรถ Central คือผมอยู่ต่างจังหวัดครับ exclusive parking สาขาใกล้บ้านผมไม่ค่อยเต็ม คือผมชอบแวะเข้าไปจอดซื้อของที่ Tops foodhall บ่อยๆ เพราะว่าของใช้ประจำที่ใช้อยู่บางอย่างไม่มีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ติดแค่รายได้ประจำ base ไม่ถึง ก็เลยสมัครแบบฝากค้ำไป 125,000 เพื่อขอวงเงิน 100,000 บาท คือแค่อยากได้ที่จอดรถ + สะสมคะแนน The1 ได้เยอะ แต่สุดท้ายโดน reject เลยถาม CC ว่า เพราะอะไรนะ ก็สมัครแบบฝากค้ำแล้ว ถ้าจ่ายช้า 3 เดือนก็ริบเงินในบัญชีไปเลยสิ CC แจ้งแค่ว่า ให้ติดต่อบริษัทเครดิตบูโรแห่งชาติ เพื่อสอบถามรายละเอียด แต่แจ้งไม่ได้จริงๆ ว่าไม่ผ่านเกณฑ์ไหน อ่ะคราวนี้ผมเดาละ ว่าปัญหาอาจจะมาจากยอดค้างจ่ายของบัตร BBL เจ้าปัญหาตัวนี้รึป่าว ตอนแรกคิดว่าคงไม่เป็นไรเพราะยังไม่โดนตัด NPL แต่พอโดน reject บัตรเครดิตที่สมัครโดยใช้วิธาอายัดเงินฝากแบบนี้ ก็ชักหวั่นๆ แล้วครับ

ตอนนี้ผมโทรคุยกับ CC BBL อีกรอบแล้วว่าผมเหมือนจะมีปัญหาจากบัตรเครดิตนี้ เพราะส่งข้อมูลเครดิตไปแบบนั้นโดยไม่โทรมาทวงเลยซักครั้ง เค้าบอกเดือนนะจะยื่นแก้ให้ แต่ก็ไม่รู้จะออกมาเป็นยังไง เพราะบูโรยื่นแล้วเดือนเก่าๆ น่าจะแก้อะไรไม่ได้ ผมกะว่าจะขอข้อมูล บูโรมาดูซัก เดือนหน้า รอดูรายการแก้ให้เสร็จก่อน

แต่ ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ นอกจากบัตรเครดิตแล้ว ผมยังกู้ซื้อบ้านอีก 3 หลัง และรถอีก 1 คัน รวมๆ ยอดผ่อนต่อเดือนก็ 4 3 หมื่นปลายๆ DSR ก็ยังไม่ถึงครึ่งเลยครับ คือบ้านซื้อมา 3 หลังเอามาปล่อยเช่า ค่าเช่าก็ cover ค่าผ่อนหมด บางหลังเกิน บางหลังพอดี (ค่าเช่าบ้านไม่รวมในรายได้ที่บอกไว้ตอนแรก) ยังเป็นช่วงดอกเบี้ยโปรโมชันสามปีแรกอยู่ แต่เร็วๆ นี้จะเริ่มมีบางหลังครบ 3 ปีแล้ว ที่วางแผนไว้ตอนแรกคือจะ refinance เอาดอกเบี้ยโปรต่อ แต่พอมาบูโรพังแบบนี้ คิดว่าอาจจะ refinance ไม่ผ่านรึป่าวครับ ก็เลยมาตั้งคำถาม ขอข้อคิดเห็นจากทุกคนว่า ผมสามารถทำอะไรให้ตัวบูโรมันกลับมาดูดีเหมือนเดิม เพราะเอาจริงถ้า BBL โทรมาทวงผมซักครั้ง ผมก็จะจ่ายให้เลย พร้อมค่าทวง ผมไม่เอาเครดิตบูโรผมไปแลกกับเงิน 1000 บาทหรอกครับ ไม่คุ้มซักนิด หรือถ้าไม่ได้ มีแบงค์ไหนที่ปล่อยให้บ้างโดยที่ไม่ต้องรอจนครบ 3 ปี หรือว่าหมดหวังจริงๆ จะได้เตรียมตัดขายบ้านทิ้งๆ ไปเลยตั้งแต่เนิ่นๆ ขอความคิดเห็นของทุกคนด้วยครับ และขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ