ใช่ฮะ เรากำลังจะเดินทางไปอินเดีย
นี่คือภาพถ่ายเช็คอิน โพสเฟสประมาณ 15 นาที ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์รองเท้าแยกร่างสลายตัว
***ข้อคิดนักเดินทาง อย่าประมาท
ถึงจะดีแล้ว ก็อย่าประมาท***
ที่สนามบินกลางที่ใหญ่ที่สุดในสยาม (International Airport)
เขตตำบลหนองปรือและตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี
โซนผู้โดยสารขาออก เลี้ยวซ้าย
ย้อนไปคืนก่อนการเดินทาง ฉันรื้อรองเท้าหนังคู่ใจที่ห่อไว้อย่างดี พื้นรองเท้าหนาเดินเหินสะดวก
เข้ากับทุกสภาพผิวถนนของแต่ละภูมิประเทศที่เดินทางไป
ครั้งล่าสุดใส่ไปโอซาก้า ยังแข็งแรงดี และยังไม่ได้นำออกมาใช้อีกเลยจนถึงทริปอินเดีย
นี่คือภาพถ่ายหลักฐาน ว่าฉันไม่ได้โม้โป้ปด ที่พูดเป็นเรื่องจริงที่แต่งขึ้น (หยอกๆ)
อ่ะ ใส่ไปจริงๆ
ฉันคิดว่ารองเท้าอาจจะเก่าไปบ้างตามการเวลา พอใช้งานก็นำออกมาเช็ดทำความสะอาดตามปกติ
แต่ไม่คิดว่ามันเสื่อมสภาพแล้ว (อาจจะเป็นรองเท้าที่ถูกทำขึ้นใหม่จากต้นแบบออรอจินัล)
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จึงจัดอยู่ในขอบข่ายความประมาท
จนถึงเวลาเดินทางก็รีบคว้ามาสวม เดินสับๆ มั่นใจ นั่งรถจนถึงสนามบิน
แล้วพอเดินเข้า Gate เท่านั้นแหละ ฉันคิดว่า ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหนสักแห่ง
ที่เท้าของฉันเหมือนมีอะไรหลุดไปพร้อมขณะเดิน เป็นขุยๆสีน้ำตาล ตรงทางที่ฉันเดินไปเช็คอิน
เหมือนนิทานสมัยก่อนที่คนถูกนำไปทิ้งได้แต่โปรยขนมลงบนทางเพื่อที่จะได้กลับบ้านได้ถูก...
ฉันเพิ่งสังเกตเห็นเพราะคนไม่มากจึงรีบเก็บทิ้ง จนกระทั่งเข้าเครื่องตรวจสแกน
ฉันถอดรองเท้า จึงพบว่าในส่วนของส้นพลาสติกแข็งกับตัวของที่หุ้มเท้า เริ่มมีช่องอากาศถ่ายเทขึ้นเป็นแล่งๆ
รอยต่อของตัวรองเท้ามีช่องว่างมากขึ้นๆ ฉันรีบดึงสายรองเท้ารัดบริเวณตัวรองเท้าเข้ากับพื้นรองเท้าให้แน่น
ประกบกันสุด พร้อมสวดภาวนา อย่างเพิ่งหลุดนะ เดี่ยวไปซื้อใหม่ที่อินเดีย สาธุๆๆ
ณ ขณะที่ฉันกำลังภาวนานั้นเอง การก้าวเท้าไปข้างหน้าของฉันก็แทบจะสะดุดลงทันที
ตอนนี้ ขอเรียกว่าที่หุ้มเท้ากับพื้นรองเท้าถูกยึดเข้าด้วยกัน ด้วยเชือกรองเท้าเส้นเดียวที่ถูกมัดไปเท่านั้น
ทั้งสองส่วนได้แยกสลายตัวกันไปเรียบร้อย แต่เรายังดันทุรังใส่ต่อ ฉะนั้นขณะการเยื้องย่างมันไม่สัมพันธ์กัน
พื้นรองเท้าบิดงอ ม้วนเข้ากับพื้นทางเดินอีกที จึงทำให้เกิดการตีประทบระหว่าง ที่หุ้มเท้ากับพื้นรองเท้า
และตีกระทบพื้นทางเดินอีกที
" ปับ ๆ ๆ ปั่บ ๆ ปั่บ ๆ ๆ "
โอเค ฉันจะหยุดเดินตรงนี้
ยอมแล้ว... หลุดออกมาให้หมด พอกันตรงนี้ พอเสียที ความดันทุรังสิ้นสุดลง
ฉันตัดสินใจนำพื้นรองเท้าทิ้งใส่ถังขยะ เพราะไม่ได้พกกาวตราช้างมาด้วย
เหลือเพียงที่หุ้มเท้ากับความทรงจำสีจางที่จะคงอยู่ตลอดไป
มันจะพังอะไรได้ขนาดนี้เนี่ย
ฉันตัดใจใส่ที่หุ้มเท้าเดินต่อ แม้มันจะไม่ได้เรียกว่า รองเท้าแล้ว
แต่เราก็ไม่มีทางเลือกมากนัก กลัวตกเป็นเป้าสายตา แต่แล้วฉันก็คิดผิด
ระบบทำลายล้างตัวเองของที่หุ้มเท้ายังคงทำงานต่อ มันเริ่มย่อยสลายหนังเทียม
กับตัวของมันเองในขณะเดิน ฉันรู้สึกไม่ดีที่ทำให้พื้นสาธารณะสกปรก
ฉะนั้นจึงไปซื้อรองเท้าใหม่
แท้น แทน ...
ยังไม่ทันขึ้นเครื่อง ยังไม่ทันได้ไปไหน ฉันก็ได้รองเท้าใหม่แล้ว เป็นแบรนด์รองเท้าที่ฉันชอบและใส่สบาย
ได้รองเท้าใหม่สมใจอยากฮะ ขอตัวไปบินละ แต๊งคยู
เข้าไปหาอ่านกระทู้ท่องเที่ยวจริงๆได้นะครับ
ถ้าฟ้าจะบิน ฟ้าต้องได้เกิบใหม่ทุกทริปไป
(ขำกี่โมง?) ยังไม่ทันบิน รองเท้าก็แยกร่างสลายตัว อุทาหรณ์สายชิล
นี่คือภาพถ่ายเช็คอิน โพสเฟสประมาณ 15 นาที ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์รองเท้าแยกร่างสลายตัว
***ข้อคิดนักเดินทาง อย่าประมาท
ถึงจะดีแล้ว ก็อย่าประมาท***
ที่สนามบินกลางที่ใหญ่ที่สุดในสยาม (International Airport)
เขตตำบลหนองปรือและตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี
โซนผู้โดยสารขาออก เลี้ยวซ้าย
ย้อนไปคืนก่อนการเดินทาง ฉันรื้อรองเท้าหนังคู่ใจที่ห่อไว้อย่างดี พื้นรองเท้าหนาเดินเหินสะดวก
เข้ากับทุกสภาพผิวถนนของแต่ละภูมิประเทศที่เดินทางไป
ครั้งล่าสุดใส่ไปโอซาก้า ยังแข็งแรงดี และยังไม่ได้นำออกมาใช้อีกเลยจนถึงทริปอินเดีย
นี่คือภาพถ่ายหลักฐาน ว่าฉันไม่ได้โม้โป้ปด ที่พูดเป็นเรื่องจริงที่แต่งขึ้น (หยอกๆ)
อ่ะ ใส่ไปจริงๆ
ฉันคิดว่ารองเท้าอาจจะเก่าไปบ้างตามการเวลา พอใช้งานก็นำออกมาเช็ดทำความสะอาดตามปกติ
แต่ไม่คิดว่ามันเสื่อมสภาพแล้ว (อาจจะเป็นรองเท้าที่ถูกทำขึ้นใหม่จากต้นแบบออรอจินัล)
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จึงจัดอยู่ในขอบข่ายความประมาท
จนถึงเวลาเดินทางก็รีบคว้ามาสวม เดินสับๆ มั่นใจ นั่งรถจนถึงสนามบิน
แล้วพอเดินเข้า Gate เท่านั้นแหละ ฉันคิดว่า ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหนสักแห่ง
ที่เท้าของฉันเหมือนมีอะไรหลุดไปพร้อมขณะเดิน เป็นขุยๆสีน้ำตาล ตรงทางที่ฉันเดินไปเช็คอิน
เหมือนนิทานสมัยก่อนที่คนถูกนำไปทิ้งได้แต่โปรยขนมลงบนทางเพื่อที่จะได้กลับบ้านได้ถูก...
ฉันเพิ่งสังเกตเห็นเพราะคนไม่มากจึงรีบเก็บทิ้ง จนกระทั่งเข้าเครื่องตรวจสแกน
ฉันถอดรองเท้า จึงพบว่าในส่วนของส้นพลาสติกแข็งกับตัวของที่หุ้มเท้า เริ่มมีช่องอากาศถ่ายเทขึ้นเป็นแล่งๆ
รอยต่อของตัวรองเท้ามีช่องว่างมากขึ้นๆ ฉันรีบดึงสายรองเท้ารัดบริเวณตัวรองเท้าเข้ากับพื้นรองเท้าให้แน่น
ประกบกันสุด พร้อมสวดภาวนา อย่างเพิ่งหลุดนะ เดี่ยวไปซื้อใหม่ที่อินเดีย สาธุๆๆ
ณ ขณะที่ฉันกำลังภาวนานั้นเอง การก้าวเท้าไปข้างหน้าของฉันก็แทบจะสะดุดลงทันที
ตอนนี้ ขอเรียกว่าที่หุ้มเท้ากับพื้นรองเท้าถูกยึดเข้าด้วยกัน ด้วยเชือกรองเท้าเส้นเดียวที่ถูกมัดไปเท่านั้น
ทั้งสองส่วนได้แยกสลายตัวกันไปเรียบร้อย แต่เรายังดันทุรังใส่ต่อ ฉะนั้นขณะการเยื้องย่างมันไม่สัมพันธ์กัน
พื้นรองเท้าบิดงอ ม้วนเข้ากับพื้นทางเดินอีกที จึงทำให้เกิดการตีประทบระหว่าง ที่หุ้มเท้ากับพื้นรองเท้า
และตีกระทบพื้นทางเดินอีกที
" ปับ ๆ ๆ ปั่บ ๆ ปั่บ ๆ ๆ "
โอเค ฉันจะหยุดเดินตรงนี้
ยอมแล้ว... หลุดออกมาให้หมด พอกันตรงนี้ พอเสียที ความดันทุรังสิ้นสุดลง
ฉันตัดสินใจนำพื้นรองเท้าทิ้งใส่ถังขยะ เพราะไม่ได้พกกาวตราช้างมาด้วย
เหลือเพียงที่หุ้มเท้ากับความทรงจำสีจางที่จะคงอยู่ตลอดไป
มันจะพังอะไรได้ขนาดนี้เนี่ย
ฉันตัดใจใส่ที่หุ้มเท้าเดินต่อ แม้มันจะไม่ได้เรียกว่า รองเท้าแล้ว
แต่เราก็ไม่มีทางเลือกมากนัก กลัวตกเป็นเป้าสายตา แต่แล้วฉันก็คิดผิด
ระบบทำลายล้างตัวเองของที่หุ้มเท้ายังคงทำงานต่อ มันเริ่มย่อยสลายหนังเทียม
กับตัวของมันเองในขณะเดิน ฉันรู้สึกไม่ดีที่ทำให้พื้นสาธารณะสกปรก
ฉะนั้นจึงไปซื้อรองเท้าใหม่
แท้น แทน ...
ยังไม่ทันขึ้นเครื่อง ยังไม่ทันได้ไปไหน ฉันก็ได้รองเท้าใหม่แล้ว เป็นแบรนด์รองเท้าที่ฉันชอบและใส่สบาย
ได้รองเท้าใหม่สมใจอยากฮะ ขอตัวไปบินละ แต๊งคยู
เข้าไปหาอ่านกระทู้ท่องเที่ยวจริงๆได้นะครับ
ถ้าฟ้าจะบิน ฟ้าต้องได้เกิบใหม่ทุกทริปไป