1. ค่าใช้จ่ายทั่วไป ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าน้ำมัน, ค่าจ้างบุคลากร ทำงานประจำสำนักงานใหญ่สำนักงานพรรคที่ส่วนกลาง สำนักงานภาคต่าง ๆ จังหวัดต่าง ๆ
(ยิ่งสาขามาก พนักงานประจำสาขามาก...ยิ่งน่าจะแบกรับค่าใช้จ่ายเยอะ...ยกเว้น พวกที่ติดป้ายเป็นสถานที่ประสานงานพรรค ที่บรรดา สส. สมาชิกพรรค เอาไปติดไว้หน้าบ้าน--อันนี้ไม่น่ามีค่าใช้จ่าย)
2. ค่าจ้างสื่อ จัดตั้งสื่อช่องทีวี วิทยุ ช่อง YouTube, Facebook, ช่องแอปต่าง ๆ...เพื่อคอยเชียร์ฝ่ายตัวเอง...คอยตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม...เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสของพรรค ให้คงอยู่ ไม่ให้กระแสตก ตลอด 4 ปี ก่อนเลือกตั้งแต่ละครั้ง
(อย่างข่าวล่าสุด สื่อที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเชียร์พรรคการเมืองหนึ่ง ขาดทุนนับพันล้าน!)
3. เคยได้ยินว่าเจ้าของพรรค, นายทุนพรรค ต้องออกค่าใช้จ่ายช่วยพวกบ้านใหญ่, ช่วย สส. คนดัง ๆ ที่มีฐานเสียงในจังหวัดต่าง ๆ ที่จะได้เป็น สส. แน่นอน...หลัก 10-20-30 ล้าน...ถ้าคิดทั่วประเทศ พรรคต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายช่วยบรรดา สส. กี่ร้อยล้าน กี่พันล้าน!? ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
(ประเด็นนี้ ต้องถามคนวงใน, พวกบ้านใหญ่, คนที่เคยลงสมัคร สส. ในนามพรรคใหญ่ ๆ...ว่าทางพรรคช่วยในการเลือกตั้ง ครั้งละประมาณเท่าไหร่)
4. เวลาจัดตั้งม็อบ เพื่อโจมตี เพื่อโค่นฝ่ายตรงข้าม...ใช้เงินเท่าไหร่, ค่าเวที, ค่าขนคนจากต่างจังหวัด...ถ้ายืดเยื้อยาวนาน ต้องใช้เงินกี่สิบ กี่ร้อยล้าน!?
(เวลาแกนนำม็อบหนีออกต่างประเทศ...นายทุนพรรคต้องรับผิดชอบ ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้หรือไม่ กี่แสนกี่ล้านบาท!?)
ข้อ 5. ต้องจ่ายค่าอะไรอีก กี่สิบ กี่ร้อยล้าน!?
ข้อ 6. ต้องจ่ายค่าอะไรอีก กี่สิบ กี่ร้อยล้าน!?
***********
สรุป...เจ้าของพรรค, นายทุนพรรค ต้องเสียเงินหล่อเลี้ยงพรรค หล่อเลี้ยงกระแสพรรค ปีละหลายสิบ หลายร้อยล้านบาท!
...ในรอบ 3-4 ปี หรือ 7-8 ปี กว่าจะเลือกตั้งเข้ามาได้ กว่าจะรวบรวมเสียง สส. เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้--ต้องจ่ายเงิน มหาศาล!
** จึงไม่แปลก ที่เห็นนักการเมือง ที่ว่า มีอุดมการณ์ต่อสู้กับคนโน้นคนนี้ กลุ่มโน้นกลุ่มนี้ มานักหนา, สกิลฝีปากเก่งนักเก่งหนา...ต้องก้มกราบ สวามิภักดิ์ สิโรราบ ต่อเจ้าของพรรค เจ้าของเงินที่ออกค่าใช้จ่ายช่วยพรรค
** เพราะลำพังตัว สส. เอง ถ้ารวยแค่ระดับ 10 ล้าน หรือ 100 ล้าน หรือ 1,000 ล้าน คงไม่มีปัญญาหาเงินมาออกค่าใช้จ่าย เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสพรรค, หรือดึงพวกบ้านใหญ่เข้ามาเป็นพรรคพวกจำนวนมาก ๆ ได้
(พวกนายทุนน้อยประจำจังหวัด ที่ออกไปตั้งพรรคเล็ก ได้แค่ 1-2 เสียง ก็เห็น ๆ อยู่ ว่าแทบไม่มีพลัง ไม่มีศักยภาพที่จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน)
** ก็ต้องยอมเป็นลูกน้อง เป็นข้าทาสบริวาร...ของเจ้านาย ที่เขามีปัญญาจ่าย, ที่เขากล้าจ่าย หลัก 100 ล้าน 1,000 ล้าน
อนิจจา การเมืองไทย. เอวัง.
การตั้งพรรคการเมือง (และผลักดันให้ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล) มีค่าใช้จ่ายมหาศาลจริง ๆ !?
(ยิ่งสาขามาก พนักงานประจำสาขามาก...ยิ่งน่าจะแบกรับค่าใช้จ่ายเยอะ...ยกเว้น พวกที่ติดป้ายเป็นสถานที่ประสานงานพรรค ที่บรรดา สส. สมาชิกพรรค เอาไปติดไว้หน้าบ้าน--อันนี้ไม่น่ามีค่าใช้จ่าย)
2. ค่าจ้างสื่อ จัดตั้งสื่อช่องทีวี วิทยุ ช่อง YouTube, Facebook, ช่องแอปต่าง ๆ...เพื่อคอยเชียร์ฝ่ายตัวเอง...คอยตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม...เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสของพรรค ให้คงอยู่ ไม่ให้กระแสตก ตลอด 4 ปี ก่อนเลือกตั้งแต่ละครั้ง
(อย่างข่าวล่าสุด สื่อที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเชียร์พรรคการเมืองหนึ่ง ขาดทุนนับพันล้าน!)
3. เคยได้ยินว่าเจ้าของพรรค, นายทุนพรรค ต้องออกค่าใช้จ่ายช่วยพวกบ้านใหญ่, ช่วย สส. คนดัง ๆ ที่มีฐานเสียงในจังหวัดต่าง ๆ ที่จะได้เป็น สส. แน่นอน...หลัก 10-20-30 ล้าน...ถ้าคิดทั่วประเทศ พรรคต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายช่วยบรรดา สส. กี่ร้อยล้าน กี่พันล้าน!? ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
(ประเด็นนี้ ต้องถามคนวงใน, พวกบ้านใหญ่, คนที่เคยลงสมัคร สส. ในนามพรรคใหญ่ ๆ...ว่าทางพรรคช่วยในการเลือกตั้ง ครั้งละประมาณเท่าไหร่)
4. เวลาจัดตั้งม็อบ เพื่อโจมตี เพื่อโค่นฝ่ายตรงข้าม...ใช้เงินเท่าไหร่, ค่าเวที, ค่าขนคนจากต่างจังหวัด...ถ้ายืดเยื้อยาวนาน ต้องใช้เงินกี่สิบ กี่ร้อยล้าน!?
(เวลาแกนนำม็อบหนีออกต่างประเทศ...นายทุนพรรคต้องรับผิดชอบ ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้หรือไม่ กี่แสนกี่ล้านบาท!?)
ข้อ 5. ต้องจ่ายค่าอะไรอีก กี่สิบ กี่ร้อยล้าน!?
ข้อ 6. ต้องจ่ายค่าอะไรอีก กี่สิบ กี่ร้อยล้าน!?
***********
สรุป...เจ้าของพรรค, นายทุนพรรค ต้องเสียเงินหล่อเลี้ยงพรรค หล่อเลี้ยงกระแสพรรค ปีละหลายสิบ หลายร้อยล้านบาท!
...ในรอบ 3-4 ปี หรือ 7-8 ปี กว่าจะเลือกตั้งเข้ามาได้ กว่าจะรวบรวมเสียง สส. เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้--ต้องจ่ายเงิน มหาศาล!
** จึงไม่แปลก ที่เห็นนักการเมือง ที่ว่า มีอุดมการณ์ต่อสู้กับคนโน้นคนนี้ กลุ่มโน้นกลุ่มนี้ มานักหนา, สกิลฝีปากเก่งนักเก่งหนา...ต้องก้มกราบ สวามิภักดิ์ สิโรราบ ต่อเจ้าของพรรค เจ้าของเงินที่ออกค่าใช้จ่ายช่วยพรรค
** เพราะลำพังตัว สส. เอง ถ้ารวยแค่ระดับ 10 ล้าน หรือ 100 ล้าน หรือ 1,000 ล้าน คงไม่มีปัญญาหาเงินมาออกค่าใช้จ่าย เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสพรรค, หรือดึงพวกบ้านใหญ่เข้ามาเป็นพรรคพวกจำนวนมาก ๆ ได้
(พวกนายทุนน้อยประจำจังหวัด ที่ออกไปตั้งพรรคเล็ก ได้แค่ 1-2 เสียง ก็เห็น ๆ อยู่ ว่าแทบไม่มีพลัง ไม่มีศักยภาพที่จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน)
** ก็ต้องยอมเป็นลูกน้อง เป็นข้าทาสบริวาร...ของเจ้านาย ที่เขามีปัญญาจ่าย, ที่เขากล้าจ่าย หลัก 100 ล้าน 1,000 ล้าน
อนิจจา การเมืองไทย. เอวัง.