เรื่องราวของตัวฉันเอง (ใช้เป็นชื่อเรื่องนี้ไปก่อนยังคิดชื่อเรื่องไม่ออก 555+)

บทนำ

สวัสดีชาวพันทิป ทุกท่านนะครับ เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของผมเอง ซึ่งก็ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นนิยายได้มั้ยนะ ซึ่งในขณะที่ผมเขียน เป็นวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังตกงานอยู่ และพอจะมีเวลาว่าง ก็เลยคิดว่าจะลองสานฝันตัวเองอีกซักครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก่อนที่ผมจะล้มเลิกความฝันนี้ ถ้าไม่มีคนเข้ามาอ่าน เพราะผมก็คงจะไม่รู้ว่ามันเวิร์คมั้ย ผมมีความใฝ่ฝันอยู่อย่างหนึ่งก็คือการที่จะได้เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ และความฝันที่สูงขึ้นไปกว่านั้นก็คือ การได้เป็นผู้กำกับหนังซักเรื่อง ไม่ว่าจะได้ไปทำหนังของค่ายไหนก็ตาม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะสามารถติดต่อไปทางไหนได้บ้าง เพราะว่าค่ายหนังใหญ่ๆก็คงจะงานยุ่งๆกัน และไม่ค่อยเปิดรับสมัครคนเพิ่มกันซักเท่าไหร่ กว่าที่จะสมัครแต่ละที่แล้วเขาจะเรียกสัมภาษณ์ก็คงจะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเรียกซักที่ หรืออาจจะไม่เรียกเลยก็เป็นได้  แต่ชีวิตเรามันยังคงต้องเดินต่อ ผมเลยตัดสินใจและลองดูกันอีกซักตั้งว่ามันยังพอจะเป็นไปได้มั้ย กับคนที่อายุ 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างอย่างผม มันอาจจะเป็นชีวิตที่เรียกได้ว่าล้มเหลวในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การงาน การเงิน ครอบครัว และ ความรัก ซึ่งผมจะเริ่มเล่าให้คุณฟังตั้งแต่ต้นเลย ว่าเพราะอะไร ผมถึงรู้สึกว่าตัวเอง " ล้มเหลว "

บทที่ 1 ครอบครัว

      ผมชื่อดิวนะครับ ในส่วนของบทนี้ผมอาจจะกล่าวแค่คร่าวๆ เริ่มต้นที่ครอบครัวของผม ผมก็ไม่ค่อยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักว่าตั้งแต่เกิดมาครั้งแรกผมเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองเกิดมาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่รู้สึกได้คือ เหมือนผมพุ่งมาจากที่ไหนซักที่ ลงมาที่บ้าน แล้วครั้งแรกที่ผมลืมตาแล้วรู้สึกตัวว่าผมเกิดแล้วเหมือนจะเป็นผมขึ้นไปนั่งอยู่ข้างบนฝากระโปรงรถยนต์สีขาว เป็นรถ toyota ของพ่อผมนั่นเอง (ไม่แน่ใจว่าชาวพันทิปจำกันได้มั้ยว่ารู้สึกตัวตัวแรกเกิดตอนไหน เผื่อใครจำได้ เอามาแสดงความคิดเห็นมาแชร์กันได้นะครับ) พ่อผมเป็นครอบครัวคนจีน แน่นอนครับว่าครอบครัวคนจีนส่วนมาก จะมีลูกหลานคน และค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องต่างๆ ซึ่งบ้านผมเป็นหนึ่งในนั้น แต่ทั้งนี้ผมจะไม่ได้พูดถึงในส่วนนั้น หรืออาจจะมีแวะพูดถึงบ้างเป็นบางที ตามแต่สถานการณ์ในเรื่องที่ผมได้เขียน 
พ่อผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวโบราณในเรื่องต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น พ่อผมจะพูดเสมอว่า ให้ยึดงานประจำเป็นหลักไว้ก่อนเพราะงานประจำเป็นอะไรที่มั่นคง ซึ่งอันนี้จะพ่วงไปถึงเรื่องที่สองนั่นก็คือเรื่องการงาน เพราะการทำงานประจำยังไงก็ได้เงินทุกเดือน ซึ่ง มีอยู่ช่วงนึงที่ผมค่อนข้างจะมีปากเสียงกับพ่อซักหน่อยเรื่องการทำงานประจำ กับ งานฟรีแลนด์ ซึ่งเดี๋ยวผมจะเอามาเราให้พวกคุณฟังอีกทีหลัง แต่ ณ ปัจจุบัน เขาก็ยังมีคิดแบบนั้นอยู่แต่ก็พอจะเข้าใจแล้วว่ายุคสมัยนี้ ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามในยุคนี้ ไม่มีงานอะไรที่มั่นคง งานทุกอย่างล้วนแต่มีความเสี่ยงตกงานได้ทั้งหมด ยิ่งมี AI เข้ามาทำงานแทนที่คนในบางตำแหน่งบ้างแล้วก็ยิ่งทำให้การงานในยุคนี้ยิ่งยากเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะแข่งกับคนอย่างเดียวไม่พอแต่ต้องมาแข่งกับ AI ด้วย
      บางทีผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหนซักเท่าไหร่ เพราะบ้านผมมีลูกอยู่ 3 คน ผมเป็นลูกชายคนโตและมีน้องชายคนรอง 1 คน กับน้องสาวคนเล็กอีก 1 คน ซึ่งแต่ละคนตอนนี้ก็มีอาชีพที่ค่อนข้างจะโอเคในระดับนึง น้องชายผมทำอาชีพ วิศวะคอมฯ ส่วนน้องสาวคนเล็กผมก็ทำในส่วนของเจ้าหน้าที่ธนาคารให้คำปรึกษาเกี่ยวกับด้านสินเชื่อต่างๆของธนาคาร  ซึ่งตอนนี้ก็มีแค่ผมที่ยังคงไม่ไปไหนซักทีเอาจริงผมมันก็ไม่เอาไหนที่สุดในบ้านมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะน้องทั้สองคนของผมเป็นคนที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนดีตลอด ส่วนผมก็เรียนได้ในระดับกลางๆ แค่เอาให้ผ่านแต่ละวิชาได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ผมเรียนจบสายนิเทศมาพอตอนนี้ตกงานก็กลายเป็นยังต้องให้พ่อคอยช่วยเหลือในเรื่องของเงินอยู่ตลอดจนเข้าเหนื่อยใจ มันอาจจะเป็นผลพวงมาจากความที่ไม่ยอมฟังผู้ใหญ่เตือนเลยในเรื่องงานตั้งแต่ต้นก็เป็นได้ เพราะมีความมั่นใจมากเกินไป กับการทำยูทูปในช่วงยุคที่ยูทูปกำลังเริ่มบูม มีคนเคยบอกว่าถ้าคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้เพราะว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเราเขายังทำได้ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นคำพูดที่ขายฝันไปซักนิดแล้วให้คนอื่นลงมือทำในแบบของตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ เราอาจจะต้องดูที่ภูมิหลังของเขาด้วยว่าทำไมคนที่ทำได้เขาถึงทำได้ ซึ่งผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่า ส่วนใหญ่คนที่ทำได้เขามีภูมิหลังหรือฐานะที่ดีอยู่แล้ว หรือไม่ก็มีคอนเน็กชั่นที่ดีถึงทำสำเร็จ ในยุคนี้ไม่มีใครที่จะสำเร็จได้โดยที่ไม่มีฐานะ หรือคอนเน็กชั่นเลย เป็นเรื่องที่ยากมากๆ นอกจากจะฟลุ๊ก ซึ่งก็เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากๆ ซึ่งผมยังขาดในสิ่งที่ผมกล่าวไปข้างต้น ผมจึงไม่สามารถทำต่อได้ แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็ไม่เสียใจนะ ที่ได้ทำในสิ่งนั้น ถึงแม้มันจะไม่สำเร็จและเป็นความล้มเหลวสำหรับผม แต่อย่างน้อยๆเราก็ได้ลองทำและเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากตรงนั้น  จริงๆถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปอีกซักครั้ง แต่คราวนี้ผมอาจจะทำด้วยความรอบคอบมากขึ้น คิดถึงความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ว่าทำยังไงถึงจะสำเร็จ แต่อาจจะไม่ได้ทำในแพลตฟอร์มเดิม อันนี้คงจะต้องมาว่ากันอีกที แต่ ณ ตอนนี้คงจะต้องพับโปรเจคแล้วหางานให้ได้ก่อน เพื่อหารายได้มาจ่ายหนี้ที่มีอยู่ก่อนแหละนะ 555+ ถ้ามีคนได้อ่านผมคงต้องบอกว่าผมขอบคุณมากที่อ่านกันมาได้ถึงตรงนี้ ขอบคุณจริงๆ
       ในบทต่อไปผมจะมาเล่าถึงชีวิตผมที่นอกเหนือจากชีวิตครอบครัว  คราวนี้จะเป็นในส่วนของชีวิตความรักของผมกันบ้าง ซึ่งในด้านความรักของผมจะของเกริ่นสั้นๆว่าผมได้มีความรักที่มีหลากหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น ความรักที่ไม่มีทางสมหวัง  รักที่ไม่ควรไปรักตั้งแต่แรก  รักที่แอบชอบอยู่ฝ่ายเดียว  หรือ จะเป็นความรักที่ยากที่จะลืม ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง แต่คราวนี้ ผมอาจจะเล่าให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดย ที่ผมจะเรียกตัวเองด้วยชื่อว่า " ดิว " และ จะเรียกตัวละครที่อยู่ในบทต่อไปด้วยชื่อทั้งหมด ถ้าใครอยากติดตามอ่านต่อผมรบกวนคอมเม้นท์บอกกันหน่อยนะครับว่าอยากติดตามเรื่องของผมว่าจะเป็นยังไงต่อ เพื่อที่ผมจะได้มีกำลังใจในการเขียน บทที่ 2 ต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่