JJNY : 5in1 ยันชวนสมัครส.ว.ไม่ผิด│ไอซ์งงใจกกต.│ก้าวไกลห่วง นำร่องขนแคดเมียม│ค้าปลีกภูธรวอน‘กนง.’│ราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่ง

ไอลอว์ โต้ กกต.  ยันชวนสมัครส.ว.ไม่ผิด ดูกฎหมายแล้ว ไม่มีข้อห้ามF
https://www.matichon.co.th/politics/news_4546403
 
 
ไอลอว์ โต้ กกต. ยันชวนสมัคร ส.ว.ไม่ผิด ดูกฎหมายแล้ว ไม่มีข้อห้าม

จากกรณี แฟนเพจเฟซบุ๊กของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “ไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น ส.ว. ได้” พร้อมกับเขียนข้อความอ้างว่า “การกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งจุดยืนของตนเองให้เผยแพร่และปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ใด” อาจมีความผิด ดังที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 26 เมษายน แฟนเพจเฟซบุ๊ก iLaw ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุเป็นข้อความว่า

ทางไอลอว์ได้ศึกษาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 โดยละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีข้อห้ามดังกล่าวอยู่ในมาตราหรือบทใด

ส่วนข้อห้ามที่ใกล้เคียงกับเรื่องนี้ คือ การวางเงื่อนไขเรื่องการ “แนะนำตัว” ผู้สมัคร ส.ว. ซึ่งกฎหมายเปิดทางให้ กกต.กำหนดเงื่อนไขได้ อย่างไรก็ดี
ระเบียบ กกต. เกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้สมัคร ก็ยังไม่ได้ประกาศใช้ และยังไม่มีผลบังคับใช้ แม้ว่า กกต.เคยประกาศว่าสำนักงาน กกต.จะส่งระเบียบดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 23 เมษายน 2567 ก็ตาม

ซึ่งทางไอลอว์ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. ที่หมายเลข 0-2141-8259 เมื่อเวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่ที่รับสายไม่เคยเห็นโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวมาก่อน และไม่เข้าใจว่าการกระทำที่โพสต์ถึงนี้จะผิดกฎหมายใด

เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าการชี้ชวนให้ผู้อื่นลงสมัคร ส.ว. เป็นความผิดหรือไม่ 
เจ้าหน้าที่ตอบว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีพฤติการณ์อื่นหรือไม่ เช่น มีการให้ทรัพย์สิน หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเลี้ยง หรือหลอกลวง ข่มขู่หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77

เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า การกรอกข้อมูลเผยแพร่จุดยืนบนเว็บไซต์เป็นความผิดกฎหมายใด 
เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่ากำลังจะมีการออกระเบียบเกี่ยวกับการแนะนำตัว ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นว่า ระเบียบดังกล่าวประกาศใช้หรือยัง ซึ่งน่าจะใกล้แล้ว เมื่อสอบถามให้ยืนยันว่าเมื่อไม่มีระเบียบก็ยังไม่มีกฎหมายใดห้ามใช่หรือไม่ เจ้าหน้าที่รับว่าใช่

ดังนั้น การที่เฟซบุ๊กของสำนักงาน กกต. และสำนักงานประชาสัมพันธ์ของ กกต. นำเสนอข้อมูลเชิงข่มขู่ประชาชนที่ทำกิจกรรมรณรงค์เรื่องการสมัคร ส.ว. ว่าจะเป็นความผิด จึงไม่มีกฎหมายรองรับ และเป็นข้อมูลเท็จ

ทุกคนสามารถตรวจสอบว่าในการลงสมัคร ส.ว.ครั้งนี้สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ ด้วยตัวเองได้ตามกฎหมายที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

ดู โพสต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง “ไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น ส.ว. ได้” กดที่นี่
ดู พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 กดที่นี่ 

https://www.facebook.com/iLawClub/posts/831655295674758


 
ไอซ์ รักชนก งงใจกกต. ชี้ชวนสมัครส.ว.ผิดกฎหมาย ย้ำนี่คือเหตุผลต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4547020

ไอซ์ รักชนก งงใจกกต. ชี้ชวนสมัครส.ว.ผิดกฎหมาย ย้ำนี่คือเหตุผลต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ
 
เมื่อวันที่ 26 เมษายน น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีศูนย์ต่อต้านข่าวเท็จ สำนักงาน กกต. ออกเอกสารข่าวเตือนเรื่องการจูงใจชี้ชวนคนมาสมัคร ส.ว. พร้อมเตือนผู้สมัครเรื่องการกรอกข้อมูล หรือจุดยืนปรากฏลงเว็บไซต์อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ว่า
 
นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องปฏิรูปองค์กรอิสระอย่าง กกต. ประเทศไหนมาศึกษากติกา เค้ามีแต่จะมองอย่างเหยียดหยาม นี่ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ ส.ว.เลือกมาเช่นกัน
 
อยากให้ ส.ว.ชุดถัดไปต่อจากนี้ มาจากประชาชนคนธรรมดาจริงๆ เยอะๆ เลย แล้วจะได้เลือกเอาคนมีสติปัญญาดีๆ เข้าไปทำงานให้มันเยอะๆ กว่านี้หน่อย
 
ปล. อัพเดตจาก iLaw ประกาศนี้ไม่จริงนะคะ กกต.แค่ขู่ ยังชักชวนคนสมัคร ส.ว.ได้ปกติ
 
#มติชน_สวชุดใหม่ThailandSelect
#สวชุดใหม่
#สว2567

https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/pfbid0EcPaCAKMyLg4PXQKq1BJAEV2hCvmDcyPQdgRzFM8fUbLNzuozUvBhm6gyRBZE2UFl
  

 
ก้าวไกล ห่วง นำร่องขนแคดเมียม สมุทรสาคร กลับ ตาก ย้ำป้องกันเข้มงวด ระมัดระวัง ปลอดภัย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8204081

ก้าวไกล ห่วง นำร่องขนแคดเมียม จ.สมุทรสาคร กลับ จ.ตาก 29 เม.ย.นี้ ย้ำป้องกันการปนเปื้อน ต้องทำด้วยความเข้มงวด ระมัดระวัง  ปลอดภัย จี้ เร่งผ่านกฎหมาย PRTR โดยไว
 
26 เม.ย. 67 – นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส. จ.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้ากรณีพบกากแคดเมียมใน จ.สมุทรสาคร ว่า
 
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการ(กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ที่ดิน) , นายวรณัฏฐ์ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจ.สมุทรสาคร , นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจ.สมุทรสาคร , นายสุบรรณ มานะวิทยาการ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืด ได้ร่วมกันลงพื้นที่ โรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาครที่พบกากแคดเมียมจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย ต.คลองมะเดื่อ 1 โรง และในต.บางน้ำจืด 2 โรง
 
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ล่าสุดในส่วนของ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ซ.กองพนันพล ต.บางน้ำจืด ในระหว่างที่ กมธ. ที่ดินลงพื้นที่ พบว่า พนักงานภายในโรงงานกำลังจัดเรียงถุง Big Bag ที่ถูกอายัดไว้ในอาคารโรงหลอม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจนับได้โดยสะดวก ซึ่งพนักงานไม่ได้ใส่หน้ากากป้องกันสารพิษ สวมใส่เพียงหน้ากากอนามัยธรรมดาทั่วไป
 
ส่วนในการจัดเรียง มีการวางถุงซ้อนกันในแนวตั้ง 4 ชั้น ทำให้ถุงที่อยู่ชั้นล่างรับน้ำหนักมากเกินไปจนฉีกขาด อีกทั้งยังมีถุง Big Bag อีกจำนวนหนึ่งวางอยู่ภายนอกอาคารโรงหลอมและไม่ได้ถูกปกปิดอย่างมิดชิด ซึ่งหากฝนตก อาจทำให้มีสารพิษรั่วไหลลงท่อไปตามแหล่งน้ำสาธารณะได้ นี่จึงเป็นข้อสังเกตและข้อห่วงใยจากการลงพื้นที่ของ กมธ. ที่ดินฯ โดยขอให้มีการระมัดระวังและเร่งแก้ไข ทำให้ถูกต้องให้มีความปลอดภัย
 
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทราบมาว่า วันที่ 29 เม.ย. จะมีการทดลองขนย้ายแคดเมียมจากจังหวัดสมุทรสาคร ไปยังพื้นที่ต้นทาง จ.ตาก ตนเห็นว่า จำเป็นจะต้องป้องกันการปนเปื้อนอย่างเข้มงวด ทำด้วยความระมัดระวังและปลอดภัย เพื่อให้จุดเริ่มการขน ระหว่างทาง และปลายทางปลอดภัย
โดยรถที่ใช้ขนส่ง จะต้องเป็นรถที่ได้รับอนุญาตในการขนส่ง รถขนส่งต้องมีวัสดุปิดคลุมหรือใช้ตู้คอนเทนเนอร์ในการขนย้าย เพื่อป้องกันฝนและอุบัติเหตุ ถุงที่ใช้ขนส่งกากแคดเมียมต้องเป็นสองชั้นเพื่อป้องกันถุงแตกเปื่อยระหว่างขนย้าย รวมถึง การดูแลความปลอดภัยและการป้องกันอุบัติเหตุในระหว่างการขนย้ายด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร พื้นที่ที่เดินทางผ่าน และประชาชนชาวจังหวัดตากปลอดภัย
 
กรณีกากแคดเมียมครั้งนี้ บ่งชี้ว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายที่รอบคอบ รัดกุม และโปร่งใสกว่านี้ เมื่อต้นปี 2567 พรรคก้าวไกลได้เสนอ ร่าง พ.ร.บ.รายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ หรือ PRTR และร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการขยะและการหมุนเวียนทรัพยากร ยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และรออยู่ในขณะนี้
 
ดังนั้นควรนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว ซึ่งก็ต้องฝากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดในฐานะที่เป็นเสียงข้างมากในสภา หากกฎหมายเข้าสู่สภาก็อยากให้ร่วมกันโหวตเห็นชอบ เร่งผ่านกฎหมาย ให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และเป็นการช่วยกันปิดกั้นช่องโหว่ที่เกิดขึ้น เช่นในกรณีนี้ หรือกรณีอื่น ๆ ที่อาจจะมีอีกในอนาคต” นายณัฐพงษ์ ระบุทิ้งท้าย
 

 
ค้าปลีกภูธร วอน ‘กนง.’ ลดดอกเบี้ย ต่อลมหายใจธุรกิจ ห่วงขึ้นค่าแรง 400 แห่ลดโอที ขึ้นราคาสินค้า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4547112

ค้าปลีกภูธร วอน ‘กนง.’ ลดดอกเบี้ย ต่อลมหายใจธุรกิจ ห่วงขึ้นค่าแรง 400 แห่ลดโอที ขึ้นราคาสินค้า
 
เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า การที่ธนาคารพาณิชย์และธนาคารภาครัฐ พร้อมใจกันลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลงอีก 0.25% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางและผู้ประกอบการรายย่อย(เอสเอ็มอี) ถือเป็นการช่วยต่อลมหายใจให้ลูกหนี้และผู้ประกอบการรายเล็กให้ดีขึ้น แม้จะเป็นแค่ 6 เดือน ยังดีกว่าไม่มีนโยบายอะไรออกมา
นายมิลินทร์กล่าวว่า อย่างไรก็ดีอยากขอให้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะประชุมครั้งต่อไป พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก อย่างน้อย 0.25% ต่อปี ก็ยังดี เพื่อช่วยต่อลมหายใจภาคธุรกิจได้ครอบคลุมในเซ็กเตอร์ต่างๆมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้การทำธุรกิจไม่เหมือนเดิมแล้ว ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การค้าขายลำบาก และไม่มีเงินทุนหมุนเวียน จำเป็นต้องใช้เงินกู้หมุนเวียนจากธนาคารมาทำธุรกิจ
 
ในครึ่งหลังของปีนี้ ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญปัจจัยลบอีกมาก เช่น ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นเป็น 400 บาท ราคาน้ำมัน เป็นต้น ล้วนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งเรื่องค่าแรง 400 บาท หากขึ้นอีก ทางซัพพลายเออร์ อาจต้องมีการปรับลดโอทีหรืออาจจะไม่มีเลย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และต้นทุนการผลิตสินค้า ส่วนราคาสินค้าถ้าไม่ไหวผู้ผลิตคงต้องทยอยปรับขึ้น ถ้าเป็นไปได้ขอให้ลดดอกเบี้ยลงอีกและค่าแรง 400 บาท ก็อย่าเพิ่งขึ้น แม้ค่าแรงขึ้นแล้ว ทำให้คนมีรายได้เพิ่ม แต่ค่าครองชีพจะสูงขึ้นตาม จากสินค้าและอาหารที่ขึ้นราคา” นายมิลินทร์กล่าว
 
นายมิลินทร์กล่าวว่า ในส่วนของการเข้าระบบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในเบื้องต้นดูจากคำนิยามร้านค้าเล็กแล้ว ทางร้านคงไม่อยู่ในเงื่อนไข ซึ่งร้านเองก็อยากจะเข้าระบบได้ เพราะที่ผ่านมามีการเสียภาษีให้กับภาครัฐมาโดยตลอด จึงอยากขอให้รัฐบาลมีการกำหนดนิยามของร้านค้าขนาดเล็กให้ชัดเจน ก่อนที่จะเปิดรับสมัครในไตรมาส 3 ปี 2567 นี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่