สมัยประถม ครอบครัวผม มีแนวคิดว่า
เรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกัน อยู่บ้านนอกดีกว่า
ไปลำบากในเมือง ไม่อยากให้เต้นตามกระแส
ไปเข้า รร ดัง ในเมือง
ผมเลยถูกเตะไปเข้า รร บ้านนอกแบบนอกจริงๆ
และ บ้านนอกของผม ไม่ได้สวยงามแฟนซีแบบ
จินตนาการคนเมือง (แต่ไม่ใช่ทุกที่นะ ไม่เหมารวม)
สิ่งที่ผมเจอตลอดชีวิตวัยประถมคือ
-สภาพแวดล้อมที่มีแต่ เด็กติดยา ติดท่อม ติดเนื้อ
ติดหรี่(เด็กผช แทบทุกคนชอบเอาบุหรี่
-ทุกๆ 2-3 เดือน จะมีตำรวจ เดินมาลากคอ เด็กผช
ไปโรงพัก ส่วนใหญ่ก็ข้อหาลักขโมย ต่อยตี ผญ
โดนออกเพราะท้อง หรือ ขายบางอย่าง
-ทุกเช้าจะต้องมีคน โดนเรียกไปด่า ประจาน หน้าเสาธง
เรื่องอาชญากรรม หรือ ความผิดไรซักอย่าง
สมัยนั้น ผมเป็นเด็กเรียนหน่อมแน้ม ไม่รู้ค่อยรู้เรื่องอะไร
พอไปอยู่ตรงนั้น เลยปรับตัวอยู่ลำบากมาก
เด็กส่วนใหญ่เป็นลูกคนงาน เด็กตลาด พวกลูกข้าราชการ
อย่างผมจะถูกเรียกว่า ไทโรงบาล เพราะแม่ทำงานเป็นทันตแพทย์ใน รพ ที่ถึงแม้จะไม่ได้รวย แต่ก็มักจะถูกไถเงิน
จากลูกไทตลาด ไทหมู่นั้น หมู่นี้เสมอ
พอจะสู้กลับ ตีคืน ชนะแล้วมีคนเดินมาบอกผมว่า
ถืกอ้ายขะเจ้าขิ่วหน่าเด้ ไปตีน้องเขา (ทั้งที่ผมโดนหาเรื่องก่อน)
นับจากวันนั้นโลกก็เปลี่ยนไป ทุกพักเที่ยง เลิกเรียน
จะโดนเด็กโต ป.5 ป.6 จับไปขังไว้ในห้องน้ำรุมกระทืบ
หนักสุดท่เคยโดนคือโดนเอาบุหรี่จี้หัวนม
ทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ ฟ้องครูไป พวกนี้ก็ไม่หยุด บอกพ่อแม่
ก็บอกให้ผมสู้คน และโดนเพื่อนๆร่วมห้อง ยัดข้อหาขี้ฟ้อง
และยกระดับการแกล้งเป็น ขโมยกระเป๋า ขโมยรองเท้า บางวันมาเรียนโต๊ะเรียนหาย โดนโยนถุงขี้จากห้องน้ำโยนใส่
ผมจากคนไม่ชอบฆ่าสัตว์ ก็กลายเป็นคนเฉยๆ เพราะถูกพวหนี้
บังคับให้ไปยิงกระปอม (กิ่งก่า) ยิงหมา ยิงแมว แล้วพวกก็
นั่งหัวเราะชอบใจบอกไป เฮ็ดมันเฮ็ดหยัง(
บังคับให้ตรูทำ)
พยายามสู้คืนก็จะโดน มจึงเฮ็ดมูกรูติ ละชวนเพื่อนมารุม
กระทืบคืน
ผมเลยเรื่มโดดเรียน หนีไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ รร ร้านเกม
ป่าใกล้ไปโรงเรียน หรือ ตลาดแถวนั้น รอจนหมดเวลาแล้วค่อย
กลับบ้าน
พอที่บ้านรู้แทนที่จะช่วย ก็ทำเป็นเสียหน้า บอกให้ผมสู้สิ
คนอื่นยังอยู่ได้ ทำไมเราอยู่ไม่ได้ละก็บังคับให้กลับเรียน
พวกที่รุมกระทืบผม บางคนโดนออก บางคนก็ยังมา รร
และยังคงทำเหมือนเดิม จนกระทั่ง ถึงจุดนึงๆ
ประมาณช่วง 4 ทุกอย่าง สะสม บีบคั้นจนถึงขีดสุด
อธิบายเป็นคำพูดยาก เหมือนความคิดตอนนั้นกลายเป็นเลข
ฐานสอง moral และทุกอย่างหายไป มีแค่ความคิดๆเดียวในห้ว
ผมถืออุปกรณ์ทำครัวบางอย่าง ซ่อนไว้ในกระเป๋าก่อนไป รร
แต่วันนั้นเป็นเรื่องโชคดี หรือ เปล่าไม่รู้ มันคือวันที่ รร. บังคับให้เปลี่ยนชุด ม่อฮ่อม(ชุดท้องถิ่น) + ชุดพละ เลยต้องเปิดกระเป๋า
เอาชุดออกมาเปลี่ยน มีเพื่อนในห้องเห็นของในกระเป๋าผม เลย
เดินไปบอกครู วันนี้น คือครั้งแรก ครั้งเดียวในชีวิตที่เข้าห้องปกครอง
ผลสรุป ผมต้องย้าย รร ตอนนั้นผมที่เด็ก และก็ยังไม่มีวุฒิภาวะ
และอยู่ในช่วงที่ เลือดขึ้นหน้า โดนผู้ใหญ่ทุกคนชี้หน้าว่า
เป็นเด็กมีปัญหา ตอนนั้นในใจคิดแต่ว่า ทำไมคนที่ผิดคือตรูวะ
ทำไมคนที่โดนย้าย คนที่โดนตราหน้าว่ามีปัญหาคือผม
นั่นเป็นครั้งแรก ครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมด่า ครู บุพการี
ตัวเอง ด้วยคำหบายที่หนักกว่า ไอ่ here ไอ่ sus
แต่ข้อดีมันก็มีนะ เพราะประสบการณ์พวกนี้มันทำให้เรา
โตขึ้น เลิกใจบาง ไม่โลกสวยสวย ประเมินสถานการณ์ต่างๆ
ได้ดีขึ้น
เรียนรู้วิธีการ ใช้เสียงดัง วิธีการใช้กำลัง วิธีการเตะ การตั้งการ์ด ละตอนตัวผมในสมัยเด็กกลัวเลือด หลังจากผ่าน
ประถมมา ผมจับปลา จับกระรอก กระตาย มาแล่เนื้อกินได้
และผมเอาความโกรธ ความเกลียดชังนั้น เปลี่ยนมาเป็น
พลังงาน ในการสู้ชีวิต อ่านหนังสือ เรียนหนังสือหนักขึ้นๆ
สอบเข้าไปเรียน รร. ดีๆ ในอำเภอเมือง กับกทม ตอม ม.ต้น
และ ม.ปลาย ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ ผมก็คงไม่มีแรงขับ ให้พาตัวเองกินนอน กวดวิชา ตึกอุ๊ 7 วัน/สัปดาห์ ในหัวตอนนั้นคือ
ต้องไปใหไกลๆ ไปที่ดีๆ ออกห่างจากขุมนรกบ้านนอกนี่ให้
ไกลที่สุดให้ได้
พอทำสำเร็จมาอยู่ กทม ผมไม่เคยกลับบ้านเลย
ด้วยความทรงจำ แย่ๆ เลยพาลเกลียดบ้านนอกไปช่วงนึง
ผมปล่อยวาง อคติ ที่มีต่อบ้านนอกได้ก็โต เข้าวัยทำงานแล้ว
ปีนี้ ผ่านมาครบ 20 ปีละ หลายอย่างมันเริ่มเลือนราง
ก็เลยว่าจะลองไปเลี้ยงรุ่น โรงเรียนนั้นดู ว่าจะเป็นยังไง
ผมก็ไม่แน่ใจว่า ตัวเองใน วัยใกล้เลข 3
นี่จะสามารถลบความรู้สึก
อาฆาต ความเกลียด จากใจได้ไหม แต่ก็จะลองไปดู
ใครเคยมีประสบการณ์แย่ๆ วัยเด็กเข้ามาแชร์กันได้ครับ
ว่าสุดท้าย ปล่อยวางกันได้ไหม
ถามคนที่เคยโดนทำร้าย สมัยเด็กหน่อยครับ ว่าปล่อยวางความเกลียดชังต่อคนที่ทำได้ไหม
เรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกัน อยู่บ้านนอกดีกว่า
ไปลำบากในเมือง ไม่อยากให้เต้นตามกระแส
ไปเข้า รร ดัง ในเมือง
ผมเลยถูกเตะไปเข้า รร บ้านนอกแบบนอกจริงๆ
และ บ้านนอกของผม ไม่ได้สวยงามแฟนซีแบบ
จินตนาการคนเมือง (แต่ไม่ใช่ทุกที่นะ ไม่เหมารวม)
สิ่งที่ผมเจอตลอดชีวิตวัยประถมคือ
-สภาพแวดล้อมที่มีแต่ เด็กติดยา ติดท่อม ติดเนื้อ
ติดหรี่(เด็กผช แทบทุกคนชอบเอาบุหรี่
-ทุกๆ 2-3 เดือน จะมีตำรวจ เดินมาลากคอ เด็กผช
ไปโรงพัก ส่วนใหญ่ก็ข้อหาลักขโมย ต่อยตี ผญ
โดนออกเพราะท้อง หรือ ขายบางอย่าง
-ทุกเช้าจะต้องมีคน โดนเรียกไปด่า ประจาน หน้าเสาธง
เรื่องอาชญากรรม หรือ ความผิดไรซักอย่าง
สมัยนั้น ผมเป็นเด็กเรียนหน่อมแน้ม ไม่รู้ค่อยรู้เรื่องอะไร
พอไปอยู่ตรงนั้น เลยปรับตัวอยู่ลำบากมาก
เด็กส่วนใหญ่เป็นลูกคนงาน เด็กตลาด พวกลูกข้าราชการ
อย่างผมจะถูกเรียกว่า ไทโรงบาล เพราะแม่ทำงานเป็นทันตแพทย์ใน รพ ที่ถึงแม้จะไม่ได้รวย แต่ก็มักจะถูกไถเงิน
จากลูกไทตลาด ไทหมู่นั้น หมู่นี้เสมอ
พอจะสู้กลับ ตีคืน ชนะแล้วมีคนเดินมาบอกผมว่า ถืกอ้ายขะเจ้าขิ่วหน่าเด้ ไปตีน้องเขา (ทั้งที่ผมโดนหาเรื่องก่อน)
นับจากวันนั้นโลกก็เปลี่ยนไป ทุกพักเที่ยง เลิกเรียน
จะโดนเด็กโต ป.5 ป.6 จับไปขังไว้ในห้องน้ำรุมกระทืบ
หนักสุดท่เคยโดนคือโดนเอาบุหรี่จี้หัวนม
ทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ ฟ้องครูไป พวกนี้ก็ไม่หยุด บอกพ่อแม่
ก็บอกให้ผมสู้คน และโดนเพื่อนๆร่วมห้อง ยัดข้อหาขี้ฟ้อง
และยกระดับการแกล้งเป็น ขโมยกระเป๋า ขโมยรองเท้า บางวันมาเรียนโต๊ะเรียนหาย โดนโยนถุงขี้จากห้องน้ำโยนใส่
ผมจากคนไม่ชอบฆ่าสัตว์ ก็กลายเป็นคนเฉยๆ เพราะถูกพวหนี้
บังคับให้ไปยิงกระปอม (กิ่งก่า) ยิงหมา ยิงแมว แล้วพวกก็
นั่งหัวเราะชอบใจบอกไป เฮ็ดมันเฮ็ดหยัง(บังคับให้ตรูทำ)
พยายามสู้คืนก็จะโดน มจึงเฮ็ดมูกรูติ ละชวนเพื่อนมารุม
กระทืบคืน
ผมเลยเรื่มโดดเรียน หนีไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ รร ร้านเกม
ป่าใกล้ไปโรงเรียน หรือ ตลาดแถวนั้น รอจนหมดเวลาแล้วค่อย
กลับบ้าน
พอที่บ้านรู้แทนที่จะช่วย ก็ทำเป็นเสียหน้า บอกให้ผมสู้สิ
คนอื่นยังอยู่ได้ ทำไมเราอยู่ไม่ได้ละก็บังคับให้กลับเรียน
พวกที่รุมกระทืบผม บางคนโดนออก บางคนก็ยังมา รร
และยังคงทำเหมือนเดิม จนกระทั่ง ถึงจุดนึงๆ
ประมาณช่วง 4 ทุกอย่าง สะสม บีบคั้นจนถึงขีดสุด
อธิบายเป็นคำพูดยาก เหมือนความคิดตอนนั้นกลายเป็นเลข
ฐานสอง moral และทุกอย่างหายไป มีแค่ความคิดๆเดียวในห้ว
ผมถืออุปกรณ์ทำครัวบางอย่าง ซ่อนไว้ในกระเป๋าก่อนไป รร
แต่วันนั้นเป็นเรื่องโชคดี หรือ เปล่าไม่รู้ มันคือวันที่ รร. บังคับให้เปลี่ยนชุด ม่อฮ่อม(ชุดท้องถิ่น) + ชุดพละ เลยต้องเปิดกระเป๋า
เอาชุดออกมาเปลี่ยน มีเพื่อนในห้องเห็นของในกระเป๋าผม เลย
เดินไปบอกครู วันนี้น คือครั้งแรก ครั้งเดียวในชีวิตที่เข้าห้องปกครอง
ผลสรุป ผมต้องย้าย รร ตอนนั้นผมที่เด็ก และก็ยังไม่มีวุฒิภาวะ
และอยู่ในช่วงที่ เลือดขึ้นหน้า โดนผู้ใหญ่ทุกคนชี้หน้าว่า
เป็นเด็กมีปัญหา ตอนนั้นในใจคิดแต่ว่า ทำไมคนที่ผิดคือตรูวะ
ทำไมคนที่โดนย้าย คนที่โดนตราหน้าว่ามีปัญหาคือผม
นั่นเป็นครั้งแรก ครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมด่า ครู บุพการี
ตัวเอง ด้วยคำหบายที่หนักกว่า ไอ่ here ไอ่ sus
แต่ข้อดีมันก็มีนะ เพราะประสบการณ์พวกนี้มันทำให้เรา
โตขึ้น เลิกใจบาง ไม่โลกสวยสวย ประเมินสถานการณ์ต่างๆ
ได้ดีขึ้น
เรียนรู้วิธีการ ใช้เสียงดัง วิธีการใช้กำลัง วิธีการเตะ การตั้งการ์ด ละตอนตัวผมในสมัยเด็กกลัวเลือด หลังจากผ่าน
ประถมมา ผมจับปลา จับกระรอก กระตาย มาแล่เนื้อกินได้
และผมเอาความโกรธ ความเกลียดชังนั้น เปลี่ยนมาเป็น
พลังงาน ในการสู้ชีวิต อ่านหนังสือ เรียนหนังสือหนักขึ้นๆ
สอบเข้าไปเรียน รร. ดีๆ ในอำเภอเมือง กับกทม ตอม ม.ต้น
และ ม.ปลาย ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ ผมก็คงไม่มีแรงขับ ให้พาตัวเองกินนอน กวดวิชา ตึกอุ๊ 7 วัน/สัปดาห์ ในหัวตอนนั้นคือ
ต้องไปใหไกลๆ ไปที่ดีๆ ออกห่างจากขุมนรกบ้านนอกนี่ให้
ไกลที่สุดให้ได้
พอทำสำเร็จมาอยู่ กทม ผมไม่เคยกลับบ้านเลย
ด้วยความทรงจำ แย่ๆ เลยพาลเกลียดบ้านนอกไปช่วงนึง
ผมปล่อยวาง อคติ ที่มีต่อบ้านนอกได้ก็โต เข้าวัยทำงานแล้ว
ปีนี้ ผ่านมาครบ 20 ปีละ หลายอย่างมันเริ่มเลือนราง
ก็เลยว่าจะลองไปเลี้ยงรุ่น โรงเรียนนั้นดู ว่าจะเป็นยังไง
ผมก็ไม่แน่ใจว่า ตัวเองใน วัยใกล้เลข 3
นี่จะสามารถลบความรู้สึก
อาฆาต ความเกลียด จากใจได้ไหม แต่ก็จะลองไปดู
ใครเคยมีประสบการณ์แย่ๆ วัยเด็กเข้ามาแชร์กันได้ครับ
ว่าสุดท้าย ปล่อยวางกันได้ไหม