โรงเรียนหนึ่ง...เด็กนักเรียนจะใช้บัตรและแอพฯเติมเงินสำหรับซื้ออาหาร และสินค้าในโรงเรียน สามารถเติมเงินผ่านระบบต่างๆได้
การทำโทษวินัยของโรงเรียนระบุชัดเจนถึง"ค่าปรับ" ที่เด็กต้องจ่ายในความผิดต่างๆเช่น

20 บาท สำหรับการมาไม่ทันเคารพธงชาติ ประตูหน้าโรงเรียนจะปิด เด็กที่จะเข้าได้ต้องชำระค่าปรับ 20 บาท หากไม่มีชำระ จะถูกนำตัวขึ้นห้องปกครองเพื่อติดต่อ ผปค ชำระค่าปรับ จึงจะได้เข้าห้องเรียน

20 บาทต่อวัน สำหรับการส่งงานวิชาศิลปะช้ากว่ากำหนด หากไม่ชำระ จะมีคะแนนแต่ไม่ถูกนำมารวมตัดเกรด กรณีส่งงานช้า ครูวิชา ต้องคำนวนค่าปรับย้อนหลังและทำการชำระเพื่อออกเกรดปลายเทอม

50 บาท สำหรับการขอแก้ไขใบงานใหม่ เพื่อส่งใบงานใบใหม่ ได้คะแนนใหม่นำไปรวมปลายเทอม หากใบงานชิ้นไหนคะแนนไม่ดี เด็กสามารถขอทำใหม่ได้แต่ชำระค่าแก้ไขตามระบุ

100 บาท ต่อครั้ง สำหรับการขาดเรียนโดยไม่แจ้งครูประจำวิชา สามารถชำระค่าปรับ และ มีชื่อเช็คเข้าเรียนได้ตามปกติ ถือว่าไม่ขาดเรียน โดยสามารถติดต่อชำระค่าปรับย้อนหลังได้ อย่างไรก็ตาม ไม่นับรวมคะแนนใบงาน สอบเก็บคะแนน และ งานต่างๆในเวลาเรียนดังกล่าว

200 บาท สำหรับการขอสอบซ่อม กรณีผลสอบออกมาไม่ดี หรือสอบตก นักเรียนสามารถขอสอบใหม่ ข้อสอบเดิม โดยชำระค่าใช้จ่ายตามที่ระบุ ต่อรายวิชา ในภาคการศึกษา มี 2 การสอบ(กลางภาค ปลายภาค) สามารถขอแก้ไขคะแนนสอบได้ทั้งสองครั้งแยกกัน

ครูเวรหน้าประตู ครูปฎบัติหน้าที่ปกครอง และ ครูรายวิชา จะได้ส่วนแบ่งค่าปรับ สำหรับทุกๆกรณี 2% ของค่าปรับรวมทั้งหมด เพื่อกวดขันให้บังครับวินัย ใช้ระเบียบอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังชี้แจงอีกด้วยว่า นโยบายดังกล่าว เป็นแบบจำลองชีวิตจริงในสังคมที่เด็กต้องเจอ และ นำมาใช้ทดแทนการทำโทษวิธีอื่นๆ ทางโรงเรียนได้ทดลองใช้บางข้อ (มาสาย) มาแล้วเกือบสิบปี พบว่าได้ผลดีเยี่ยม โดยฝ่ายปกครองมีรายได้เข้าเพื่อกวดขันระเบียบ สร้างแคมเปญต่างๆ รวมถึง ครูเวร ขยันขันแข็งในการกวดขันวินัย โดยเฉพาะการเข้าแถวเคารพธงชาติ