อยากได้คำแนะนำค่ะ☺️

ก่อนอื่นต้องเริ่มเกริ่นก่อน บ้านเรามีฐานะปานกลางพอมีพอกินแต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร มีพี่น้องสองคนเราเป็นคนโต ที่บ้านมีกิจการร้านอาหารขนาดกลาง แต่เปิดมา 41 ปีแล้วค่ะ ย่านซอยจรัญ แต่ก่อนร้านเราจะมีลูกน้อง 10 คน เราก็สนิทนับถือเป็นพี่หมด กินนอนกับพี่ๆ เค้าได้ เรียกว่าก็แทบไม่ได้ทำอะไร เรียน กิน นอน มีช่วยเสริฟอาหารแบบเด็กๆ ได้ พอเริ่มโตก็มีช่วยเสริฟช่วยคิดเงินบ้าง เพราะใยนยุคนั้นร้านเราคนเยอะมากถือว่ามีขื่อในระดับนึง แต่ยอมรับว่าชีวิตวัยรุ่นเราเกเร มีลูกไว แต่ก็ไปเรียนปกติ หลังจากนั้นชีวิตกึ่งคุณหนูของเราก็ต้องเริ่มซักผ้าเอง ทำกับข้าวเอง เพราะคำว่ามีลูกแล้วคือโตแล้ว มันก็ผิดที่ตัวเรานี่แหละ พอเริ่มเข้าวัยทำงานเราก็ไปทำงานนอกบ้าน ทำให้ต้องไปอยู่ข้างนอก ทำอยู่อย่างนั้นประมาณเกือบ 6 ปี เรากลับมาอยู่บ้านบ้างข้างนอกบ้าง ก็เห็นว่าลูกน้องคนเก่าๆ ก็ออกไปหมด และมีลูกน้องใหม่คนนึง แต่ก่อนเช่าห้องอยู่ข้างบ้านเราแล้วย้ายออกมาอยู่ห้องเช่าติดกับบ้านเราอีกข้างนึง เค้ามีครอบครัวมีลูกตอนนั้นยังเล็ก แรกๆ ก็คุยกันปกติดีไม่มีอะไร แต่หลังจากเราไปทำงานต่างจังหวัดอีก 2 ปี กลับมาอยู่บ้านเพราะเรามีโรคประจำตัวไทรอยด์ต้องหาหมอตลอด เลยกลับมาพร้อมแฟนมาอยู่ที่บ้านด้วย เราก็มีแฟนแต่เราก็รับผิดชอบตัวเองอยู่ และทำงานบริษัทแถวบ้าน หลังๆก็มันจะมีเรื่องปวดหัวตลอด เค้าทะเลาะกับแฟนเราไม่ถูกกัน เราก็เออคนกลางเกรงใจแม่ด้วยประกอบกับแฟนเป็นนักดนตรีปากร้ายไปว่าเค้าป่าว เราไม่แน่ใจ แล้วเริ่มลามขึ้นเรื่อยๆ คือเริ่มแขวะเราลูกเรา พ่อเราก็อายุมากขึ้นขี่รถส่งของเองก็เริ่มหลงลืมเค้าเริ่มด่าพ่อเรา จนบ้างครั้งลูกน้องที่บ้านเหลือเค้าเราเองก็ไม่อยากลงมาช่วยเพราะเราทำงานประจำแล้วไม่ชอบที่มีคนมาด่าพ่อเรา ถ้าเราไปยุ่งในครัวเค้าจะมีอารมณ์จิกกัดแดกดัน เราทำกับข้าวเค้าก็บอกทำไปจะแ**กได้มั้ย แบบพูดลอยๆ แต่ตอบโต้ไม่ได้นะแม่เราเข้าข้างด่าพ่อเราแม่เราก็เข้าข้าง จนบางทีเหมือนจะทนไม่ไหวอยากจะตบให้มันแตกๆกันไปข้างนึง ลูกเค้าเริ่มเรียนมหาลัย ในขณะที่ลูกเราเรียนไม่จบเกเร อันนี้เราไม่ได้ว่าถ้าพ่อแม่เราว่าก็ไม่มีอะไร แต่เค้าด่าลูกเราถึงขั้นเถียงกันตบหน้าลูกเรา แม่เราก็ไม่ว่าอะไร บอกให้อดทนเค้ามาช่วยงานเรา  ส่วนร้านก็เริ่มถอยลงเรื่อยๆ มาสุดตอนที่พ่อเรารถล้มแล้วทำอาหารเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ยอดขายก็ยิ่งแย่ เราทำงานใกล้บ้านส่วนใหญ่คนในบริษัทเป็นลูกค้าร้านเราหมดตั้งแต่เราเด็ก เริ่มติว่าอาหารไม่เหมือนเดิมเปลี่ยนไปบ้างกินไม่ได้บ้าง มาบอกแม่เค้าบอกไม่ต้องสนใจเราก็เริ่มคิดสร้างมาจนเกือบ 40 ปีจะปล่อยให้พังเลยอ่ะหรอ เริ่มมีความคิดอยากออกจากงานมาช่วยแม่ทำเองแล้วตอนนั้น พอพ่อเราเริ่มทรุดหนักเป็นมะเร็งเรายังต้องมาฟังเค้าว่าพ่อเรา เดี๋ยวก็ตายห่าแล้ว พวกบาปหนาเป็นมะเร็ง จนพ่อเราเสีย เราเริ่มเปรยกับแม่ว่าจะออกมาทำร้านกับน้องชาย ประกอบกับทำงานที่เก่าเงินเดือนก็ไม่สูงคือยังไม่ถึง 16000  กับอายูงาน 9 ปี ตัดสินใจลาออกแต่แม่ก็ยังไม่ยอมให้ทำร้าน ต้องบอกก่อนแม่เรา เป็นเบาหวาน อายุ 68 แล้ว เราดูแลแม่ไม่ได้ถ้าเราทำงานประจำ แต่เค้าขอเวลาเราอีก 1 ปีเค้าจะถอย เราไม่ได้บังคับให้แม่เลิกขายแต่เราแค่อยากให้เค้าพยุงเราไปในช่วงที่เค้ายังมีแรงทำเป็นพื้นฐานครอบครัว ถ้าเค้าป่วยเราอาจจะดูแลเค้าได้ ออกมาเรายังทำอะไรไม่ได้ก็ได้งานที่ใหม่ เงินเดือนดีเจ้านายดีเพื่อนดี แต่เราเริ่มใหม่ในวัย 43 คือมองไปข้างหน้ามันก็ยังไม่พอ ดูแลใครไม่ได้ ตอนนี้เรากำลังตัดสินใจจะลาออก ปัจจุบันแม่เราอายุ 70 แล้ว เรา 44 ลูกเราเป็นผู้ช่วยพยาบาล น้องชายทำงานประจำ ส่วนเราพี่สาวแฟน(ใหม่ แรกๆก็ดีหลังๆไม่ถูกกันอีกแล้ว)  กับนาง เปิดร้านกาแฟให้ช่วยกันดูแลอยู่ ติดกับบ้านเลยด้านล่างของที่บูกน้องแม่เราเช่าอยู่ แล้วมาทะเลาะกับเราเรื่องค่าไฟทุกเดือนทั้งๆมีมิเตอร์แต่ละห้อง ด้วยความไม่มีคนอยู่เค้าก็อยู่ห้องนึง เก็บของสองห้อง จ่ายค่าเช่าสองห้อง จ่ายค่าไฟห้องเดียว แล้วมาโวยวายเอาค่าไฟส่วนต่างจากเรา สุขภาพแม่เราเริ่มไม่ค่อยดี ลูกน้องก็อยากจะได้กิจการของแม่เรา ลูกเค้าเรียนจบจากที่เคยบอกจะได้เงินเดือนห้าหมื่น ซื้อรถ ซื้อบ้าน (พูดแดกดันเรา) ก็ไม่มีงานทำรอสอบ กพ. อย่างเดียว แต่เอ่ยปากจะให้ลูกมาบริหารร้านแม่เรา ส่วนแม่ก็เฉยไม่เคยห้ามว่าพูดอย่างนี้ไม่ดีจนเป็นนิสัย ด่าเราแฟนเราได้ ส่วนเราต้องใจเย็น  อาจเพราะเราทำงานข้างนอกตลอด ไม่ใกล้ชิดแม่ แม่แทบไม่เคยนั่งกินข้าวกับเรา เราชวนไปกินข้างนอกคือจะไปนับครั้งได้ เค้าจะกินกับลูกน้องเค้าทุกวัน ครอบครัวลูกน้องคือกินข้าว ซักผ้ากับเรา บางทีก็อยากจะบอกว่า
** เราอยากรู้ว่าเราควรทำยังไง ตัดสินใจยังไงดี ถ้าไม่ออกก็เหมือนปล่อย ถ้าออกเราก้อเคว้ง จะเปิดขายเองเลยร้านกาแฟก็จะเกินไป ช่วยแนะนำกันหน่อยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่