บ่นนนนนน

กระทู้สนทนา
เราเขียนกระทู้นี้เพื่อบ่นเรื่องที่ร.ร.อย่างเดียวอยากบ่นอะไรก็บ่นไม่ได้มีสาระอะไรเลย

คือเรื่องนี้เป็นเรื่องตอนทำงานกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มนึง งานนี้ที่ทำกันมันจะต้องเตรียมของมาทำงาน แล้วตอนนั้นเวลาหมดก่อนทำให้ยังไม่ได้แบ่งของ พอวันต่อมาเพื่อนก็เรียกให้เราไปแบ่งของที่ต้องเตรียม พอไปถึงนะมันก็เหลือแค่ของที่หาค่อนข้างยาก ก็คือเพื่อนแบ่งของกันก่อนโดยไม่มีใครมาบอกเรา  แล้วส่วนใหญ่เหลือแต่ของที่บ้านเราไม่มี ที่มันไม่ได้มีทุกบ้าน แถมบ้านเราก็อยู่ไกลไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ที่เราเอาไปได้ก็แค่สองอย่าง แต่เพื่อนคนอื่นเอาไปกัน 3-4 อย่าง เราก็เลยเกรงใจจะขอแลกของกลับเพื่อนแบบ เธอเอาอันนี้มาแทนเราได้ไหมเดี๋ยวเราของชิ้นนี้ที่นายต้องเอามาเราเอามาแทนให้ แต่พอเราพูดไปรอบแรกก็ไม่มีใครสนใจ เราก็คิดว่าเราอาจพูดเบาไป เราก็เลยพูดอีกรอบก็ไม่มีใครสนใจ เราก็เริ่มไม่ค่อยโอเคแล้วเพราะแบบ แบ่งของก็แบ่งกันก่อนไม่บอก พอเราพูดอะไรก็ไม่มีใครสนใจความรู้สึกแบบบอกตรงๆเลยนะว่าโครตแย่เลย เราเลยตัดสินเลยว่าถ้าพูดรอบสุดท้ายแล้วยังไม่ฟังอีกเราจะปล่อยเลยจะทำยังไงก็เรื่องของพวกคุณฉันจะไม่สนแล้วจะเอาไปเท่าที่ทำได้ สุดท้ายก็เหมือนเดิม

เรื่องต่อมาาาาา

อันนี้เปนตอนเข้าค่ายที่มีเรื่องหลายเรื่องเกิดขึ้นมา

เรื่องในค่าย1 คือตอนเราเก็บของอยู่ในเต้นท์เราก็โยนของชิ้นนึงที่ไม่รู้ว่าเปนของใครไปไว้ตรงที่ที่เก็บของกันแล้วมันกระเด็นไปใกล้เพื่อน เพื่อนก็หันมาถามเราว่าโยนของใส่เราทำไมเราก็ขอโทษไปแล้วบอกไปตามจริงว่าเราไม่ได้ตั้งใจ แล้วเราก็ขอให้เพื่อนช่วยส่งของอันนั้นมาให้หน่อยได้ไหม เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า ใช้เราทำไม่ แล้วสายตาที่ใช้มองเราคือแบบโครตแย่ อันนี้คือแบบรู้สึกแย่เกือบที่สุดของเรื่องที่จะมาบ่นแล้ว คนอื่นหรือเพื่อนอาจคิดว่าแค่เรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับเรามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแล้วเราก็รูสึกเสียความรู้สึกมาก แต่สุดท้ายก็ปรับความเข้าใจกันขอโทษกันและกัน

เรื่องในค่าย2 คือเรื่องนี้เราก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรหรอกนะแต่สุดท้ามันก็มี คือเรื่องมันเกิดจากเพื่อนขอยืมผ้าที่จะใช้เช็ดโต็ะเราตอนก่อนนอนในเต้นท์เพื่อ
นไม่เดินมาเอาแล้วก็อยู่ไกลกันเราเลยเรียกให้เพือนรับผ้าก็จบไม่มีปัญหาอะไร 

อันนี้แหละจะบ่นแบบจริงจังละอันบนถือว่าเปนการเล่าเรื่องในมุมของเราเล่าละกันนะ

คือเราก็สังเกตุว่ามีเพื่อนกลุ่มนึงดูไม่ชอบเรามากก ชอบใช้สายตาแบบดูถูกมองเรา ถ้าเราเดินไปใกล้ๆเขาจะเดินหนี วางของไกลๆก็จะยกออกไปว่างที่อื่น เราก็ไม่ได้อะไรมาก แต่ก็สงสัยว่าทำไมไม่ชอบเราขนาดนั้น เราก็เลยไปถามเพื่อนที่เราค่อนข้างสนิทแล้วก็สนิทกับกลุ่มนั้น เขาก็บอกว่าที่ไม่ชอบเพราะเราชอบไปยุ่งกับเขาตอนที่เขาคุยกันในกลุ่ม ประมาณว่าให้ความช่วยเหลือโดยที่เค้าไม่ต้องการ แล้วเราก็พูดเร็ว บางที่ก็เผลอพูดแทรก (ตอนนี้ก็พยายามปรับเรื่องที่พูดเร็วกับพูดแทรกอยู่) ก็เข้าใจได้ แล้วเพื่อนก็บอกด้วยว่ากลุ่มที่ไม่ค่อยชอบเรา เราไปโยนของใส่เพื่อนในกลุ่มแล้วไม่ขอโทษด้วย เราทำอะไรก็ไม่เคยขอโทษ แล้วก็โยนผ้าใส่เพื่อน

ตอนฟังนะเราโครตโกรธเลยแล้วก็รู้สึกแย่มาก(ที่สุด)
แบบมันทำให้เรารู้สึกว่าคำขอโทษที่เราบอกไปโครตไร้ค่า เหมื่อนเพื่อนไม่เห็นค่าของคำขอโทษของเรา  ตอนที่ฟังอยากถามออกไปเหมือนกันนะว่า คำขอโทษของเรามีค่าสำหรับเธอไหม  

สุดท้ายเราถามกับคนที่เปนคนในเรื่อง และเป็นคนเล่าเองเลยว่าได้พูดอย่างงี้จริงไหม เพราะเพื่อนที่คุยกับเราก่อนหน้าอาจจะฟังหรือจำผิดก็ได้ สุดท้ายเพื่อนก็บอกว่าพูดจริงแล้วก็บอกด้วยว่าไม่เคยได้ยินเราพูดขอโทษ
แล้วเราก็ถามเรื่องที่ทำไมดูไม่ชอบเรามาก ทั้งที่เรายังไม่เคยไปทำอะไรให้เลย เพื่อนในกลุ่มนั้นก็บอกกันว่าเธอจำได้ไหมตอน...
ที่ทำงานกลุ่มด้วยเธอเอาของไปแค่สองอย่าง ทั้งที่คนอื่นเอาไปหลายอย่างบลาๆๆ แล้วเราก็อธิบายตามมุมของเราที่เขียนไปข้างบน สุดท้ายเพื่อนก็เงียบ

เราเลยถามเรื่องที่เราโยนของใส่เพื่อนแล้วไม่ขอโทษต่อ เพื่อนก็บอกจำไม่ได้คนอื่นในกลุ่มก็บอกไม่เห็นได้ยิน แต่เราก็นรู้สึกแปกๆที่เพื่อนจำเรื่องที่คุยต่อจากนั้นได้ คือเราก็ไม่แน่ใจว่าคุยเรื่องไหนก่อนแต่จากที่เราวิเคราะห์ เราคิดว่าเรื่องที่เพื่อนจำได้อยู่หลัง เพราะเข้าค่ายตอนนั้นเหมือนเราจะเคลียร์กันเรื่องถุงเท้าก่อนแล้วถือโอกาศถามเพื่อนเลยว่าที่เรารู้สึกว่าเพื่อนมองแรงใส่เราจริงรึเปล่าต่อเลย จากนั้นก็ตัดสินใจว่าค่อยคุยต่อพรุ้งนี้เพราะเย็นแล้ว

พอวันต่อมาเราก็ตัดสินใจจะคุยเรื่องที่บอกว่าเราโยนผ้าใส่เพื่อนทั้งที่จริงๆเราโยนให้เพื่อน เพื่อนในกลุ่มก็บอกประมาณว่าให้คิดถึงใจคนโดนบ้างว่าเพื่อนจะรู้สึกยังไง
อีกคนก็บอกว่าผ้าขี้ริ้วเปียกๆมันใช่สิ่งที่ควรโยนไหม

เรื่องที่บอกมาว่าไม่ควรโยนเข้าใจได้นะ แต่มีสิ่งนึงที่เราเอ๊ะมาก คือเพื่อนได้ตาวิเศษนี้มาจากไหนอยากได้เอาไปใช้อ่านนิยายตอนกลางคืนมากๆ มันน่าจะใช้ดีมากถึงขั้นมองเห็นว่าผ้าเปียกได้ตอนกลางคืนในตอนที่ไฟในเต้นท์ก็ไม่ค่อยสว่าง แถมยังสามารถมองเห็นได้ในขณะที่เราโยนผ้าให้เพื่อน.  

แต่จริงๆแล้วผ้าที่เราโยนให้เพื่อนมันไม่เปียกนะเราไม่ใช่คนที่เอาผ้าเปียกๆมาหมกไว้ในเต้นท์ แทนที่จะเอาไปตากข้างนอก

ส่วนที่บอกว่าให้คิดใจคนโดนบ้าง
เราก็คิดได้ที่หลังหรือเพื่อนจะให้เราถามว่า

ผ้าเนี่ยจะจะยืมไหมมือเท้าก็มีไม่ได้แขนขาพิกการเดินไม่ได้คงต้องให้เราเอาไปบริการให้ถึงที่ ตาก็ไม่น่าจะบอดเห็นว่าเราไม่ได้นั่งวางๆไม่ทำอะไร
(อันนี้คิดได้หลังจากเกิดเรื่องอาจรุนแรงไปต้องขอโต๊ดด้วยนะฮะ เพราะงุดหงิดจริงๆ)

แต่ก็จบโดยที่ว่าตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งกันอยู่ของใครของมัน

เรื่องสุดท้ายยยยย

หลังจากที่ตัดสินใจกันแล้วว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกัน ก็ไม่ได้มีอะไรจนวันนึง คนนึงในกลุ่มนั้นถามเราว่ายังไม่ส่งคลิปที่เราถ่ายลงในกลุ่มอีกหรอ(เปนคริปที่ครูสาธิตวิธีการทำ... ครูให้เอาโทรศัพท์มาถ่ายได้แต่ก็ไม่มีใครถ่ายมีแค่เราที่ถ่ายคนเดี่ยว) ปกติเราก็จะถ่ายแล้วส่งลงกรุ๊ปห้องทุกครั้งแต่หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมีเพื่อนที่ไม่โอเคถ้าเราให้ความช่วยเหลือโดยที่เขาไม่ขอเราเลยไม่ได้ส่งคริปลงกรุ๊ปห้อง แต่ถ้ามีคนขอเราก็ส่งคริปให้ได้ 

แต่พอเพื่อนทำยังงี้เราก็สงสัยว่าเขาต้องการอะไรจากเรากันแน่ บอกว่าไม่ชอบที่เราให้ความช่วยเหลือโดยที่เค้าไม่ต้องการ เราก็ไม่ทำไม่ยุ่งกับเค้าแล้ว ก็มาถามเราแบบนี้อีกถามเหมือนมันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำอยู่แล้ว

จบแล้ววว เขียนยาวมากกกก ตั้ง5,000กว่าคำ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยนะว่าที่เขียนอยู่เรียกว่าบ่นหรือระบาย 

ไม่รู้ว่าจะมีคนอ่านจนจบรึเปล่าแต่ถ้ามีก็รู้สึกว่าคนที่อ่านจนจบสุดยอดมาก เขียนเองยังตกใจเลยยาวมากตัวหนังสือลายตาไปหมด ถ้าเป็นเราเห็นตัวหนังสือขนาดนี้คงชิ่งไปอ่านนิยายแล้ว

แล้วก็ขอบคุณที่มานั่งอ่านคำบ่นที่ไม่ค่อยมีไม่สิต้องบอกว่าไม่มีสาระของเราจนจบนะฮะ

แต่จริงๆแล้วตอนเค้าค่ายมีเหตุการณ์มากกว่านี้เยอะมากกลุ่มเราเรียกได้ว่าสามัคคีคือพัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่