Day0-Day1
-สนามบินสุวรรณภูมิ
-เดินทางสู่โตเกียว
-วัดเซนโซจิ
-ย่าน Akihabara
-เข้าที่พัก
เมื่อเก็บกระเป๋าเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางได้
เราถึงสนามบินเวลา 20.00 น. เราเลือกนำรถไปฝากอาคารจอดรถที่อยู่ตรงข้ามสนามบิน เพราะในวันกลับเรามาถึงในเวลาดึก ลากกระเป๋าข้ามมาเลยน่าจะสะดวกกว่า มีค่าจอดรถ 240 บาท/วัน จากนั้นก็เช็กอิน โหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ โดยการบินไทยเปิดเคาน์เตอร์ทั้งวัน สามารถมาเช็กอินและโหลดกระเป๋าได้เลย เราเลือกกินมื้อเย็นกันที่ Sub way แต่ไม่อิ่มเลยจัดข้าวเซเว่นตบท้ายไปอีก 1 เซต อิ่มท้องแล้วไปรอที่เกตได้
"ขอเชิญคุณวรวรรณ ศรีพฤกษ์ติดต่อที่หน้าเคาน์เตอร์ด่วน" ใจเต้นแรงเลยย คุณปลาบอกว่า "อะไรๆๆๆๆๆๆ เขาไม่ให้ไปแน่ๆเลย" รีบเดินไปเลยจ้า สรุปคือ หน้าจอของคุณใช้งานไม่ได้ ให้แจ้งเครมกับสายการบิน เอ้ออออ!! ยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากไทยเลย เอาซะ 1 เรื่องหล่ะ
จากนั้นใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ บนเครื่องบิน อิ่มไปกับอาหารบนเครื่อง
ที่นั่ง 51Bกับหน้าจอที่มืดมิดของเรา
เมนูออมเลต
พอกินข้าวไปสักพัก ก็ได้กลิ่นปุ๋งของคนข้างๆ วินาทีนั้นได้แต่หันมามองหน้ากันพร้อมพูดว่า "ใช่ใช่ไหม" แน้ มีขยับขาเผยกลิ่นด้วย ว่าแล้วก็หยิบหงษ์ไทยมาสู้
ถึงสนามบินนาริตะประมาณ 08.00 น. ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงอยู่ที่ ตม. ขนาดลง visit japan มาแล้ว ก็ยังต้องต่อคิวแถวเดียวกับคนที่ไม่ได้ลงมา แถวขดเป็นงูเลย ผ่าน ตม. มาแบบยิ้มๆ ไม่ถูกถามอะไรเลยงับ ดีแล้วหล่ะ แค่นี้ก็ตื่นเต้นไม่ไหว รับกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าเข้าเมืองโตเกียว
ภาษาอังกฤษที่ได้ร่ำเรียนมาได้ใช้แล้ววว พูดไปด้วยความมั่นใจว่า "Buy Suica" 55555 โอ้ยยย พอถึงเวลาต้องใช้ประโยคที่เตรียมมา คิดไม่ทันเลยจ้าาา เอาเข้าใจง่ายไปก่อนนนน จากนั้นแลกบัตรโดยสาร Keisei Skyliner โดยเราซื้อมาจากแอป Klook เมื่อเรียบร้อยแล้ว เข้าเมืองกันเลยค่ะ
ในช่วงที่เราไปไม่มีจำหน่ายบัตร Suica ที่ตู้อัตโนมัติแล้วนะคะ ต้องไปซื้อจาก JR EAST Travel Service Centers โดยเจ้าหน้าที่จะมีให้เลือกว่าเราจะซื้อ1,000 เยน หรือ 2,000 เยน เราเลือกแบบ 2,000 เยนมาค่ะ และมาลองเติมเงินเพิ่มอีก 3,000 เยนที่ตู้อัตโนมัติ
จากนั้นมาแลกตั๋ว Keisei Skyliner ที่skyliner & keisei information center ง่ายมากๆ แค่แสกน QR Code และเลือกรอบที่จะเดินทาง และลงมายังชานชาลาที่ 4 หรือ 5 ก็ดูจากเวลาที่แสดงบนหน้าจอและเลือกชานชาลาให้ถูกต้อง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ลงสถานี Nippori เปลี่ยนไปสาย JR Yamanote line ลงสถานี Otsuka เพื่อฝากกระเป๋าที่พัก แอบบอกว่าหน้าที่พักซากุระสวยมากกก และออกจากรถไฟฟ้าเดินใกล้มาก 200 เมตรเอง ฝากกระเป๋าเรียบร้อยไปสถานที่แรกกันเลยค่า
เริ่มแรกที่วัดเซนโซจิ คนเยอะมากกกก ถ่ายรูปมาแล้วติดมหาชนสุดๆ ไหว้เจ้าแม่กวนอิมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ไปหาของกินจุกจิก พร้อมกับสายฝน เลยไปต่อกันที่ย่าน Akihabara ที่คุณปลาตั้งใจจะไปคีบตุ๊กตา เข้าร้านนี้ ออกร้านนั้น จนต้องเบรกไว้ก่อน ยังมีอีกหลายวันนน เมื่อฝนเริ่มลง อากาศหนาวขึ้น เราเลยตัดสินใจกลับที่พัก ฝากท้องไว้กับเซเว่นหน้าสถานี และจบวันไปพร้อมอาการกรดไหลย้อนของคุณปลา
[CR] Ep.1 รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก ชมซากุระ 5 วัน 4 คืน ในปี2024
-สนามบินสุวรรณภูมิ
-เดินทางสู่โตเกียว
-วัดเซนโซจิ
-ย่าน Akihabara
-เข้าที่พัก
เราถึงสนามบินเวลา 20.00 น. เราเลือกนำรถไปฝากอาคารจอดรถที่อยู่ตรงข้ามสนามบิน เพราะในวันกลับเรามาถึงในเวลาดึก ลากกระเป๋าข้ามมาเลยน่าจะสะดวกกว่า มีค่าจอดรถ 240 บาท/วัน จากนั้นก็เช็กอิน โหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ โดยการบินไทยเปิดเคาน์เตอร์ทั้งวัน สามารถมาเช็กอินและโหลดกระเป๋าได้เลย เราเลือกกินมื้อเย็นกันที่ Sub way แต่ไม่อิ่มเลยจัดข้าวเซเว่นตบท้ายไปอีก 1 เซต อิ่มท้องแล้วไปรอที่เกตได้
จากนั้นใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ บนเครื่องบิน อิ่มไปกับอาหารบนเครื่อง
ถึงสนามบินนาริตะประมาณ 08.00 น. ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงอยู่ที่ ตม. ขนาดลง visit japan มาแล้ว ก็ยังต้องต่อคิวแถวเดียวกับคนที่ไม่ได้ลงมา แถวขดเป็นงูเลย ผ่าน ตม. มาแบบยิ้มๆ ไม่ถูกถามอะไรเลยงับ ดีแล้วหล่ะ แค่นี้ก็ตื่นเต้นไม่ไหว รับกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าเข้าเมืองโตเกียว
ภาษาอังกฤษที่ได้ร่ำเรียนมาได้ใช้แล้ววว พูดไปด้วยความมั่นใจว่า "Buy Suica" 55555 โอ้ยยย พอถึงเวลาต้องใช้ประโยคที่เตรียมมา คิดไม่ทันเลยจ้าาา เอาเข้าใจง่ายไปก่อนนนน จากนั้นแลกบัตรโดยสาร Keisei Skyliner โดยเราซื้อมาจากแอป Klook เมื่อเรียบร้อยแล้ว เข้าเมืองกันเลยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้