ทำไมเราไม่เคยเชื่อว่าแม่หรือทุกคนในครอบครัวรักลูกหรือหลานเท่ากันเลย
เราเกินมาในครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ตอนเด็กพ่อไม่เคยได้อยู่บ้านไปทำงานตลอดเราเลยไม่สนิทกับพ่อ แม่อยู่บ้านเลี้ยงเราจนเราเข้าประถมต้น แม่ก็ออกไปทำงานช่วยพ่อเพราะพี่เราเริ่มเข้ามัธยมแล้วต้องใช้เงิน เราจึงอยู่กับยายมาตลอด
หลังจากนั้นเราก็ถูกเปรียบเทียบกับพี่ ลูกคนข้างบ้าน เด็กในหมู่บ้าน โดยคนในครอบครัวแม้กระทั่งครูที่โรงเรียนเรื่องความเก่ง ทำไมเก่งไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของพี่เลยล่ะ ดูสิพี่ขยันมากเอาให้ได้ครึ่งหนึ่งของเขาหน่อย ดูพี่สิดื้ออย่างไหม เอาอย่างพี่สิ เอาอย่างคนนั้นสิ คนนี้สิ
เราได้ยินคำพวกนี้มาตั้งแต่ประถมต้นจนถึงม.ปลาย ตอนนั้นเราไม่เคยคิดใส่ใจกับเรื่องพวกนี้เลยจนเข้ามหาลัยแล้วมองย้อนกลับไป ตอนนั้นเราถามตัวเองหลายครั้งมากกว่าแม่/ครอบครัวรักเราจริงไหม?
ตอนเด็ก
เราอยากได้เสื้อผ้าใหม่ แม่บอกของพี่ยังใส่ได้
รองเท้าใหม่ ของพี่ยังใส่ได้
ขอซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ อย่าเล่นของเล่นไร้สาระ
อยากได้จักรยานสวยๆแบเพื่อนบ้าง ไม่มีเงินพอจะซื้อให้หรอก เดี๋ยวเอาของพี่ไปซ้อมให้
ดูพี่เป็นตัวอย่างสิ แก่งให้ได้เท่าพี่หน่อย ดูสิเข้าได้รับทุนด้วย เกรดเขาก็ดี
เราห่างกับพี่8-9ดังนั้นเราเข้าประถมพี่เข้ามัธยม เราเข้ามัธยมพี่จบมหาลัย
พอขึ้นม.ต้นดีหน่อยที่ไม่ได้ยินคำพูดเปรียบเทียบกับพี่แล้ว แต่ก็ยังโดนยายเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่ดี ทำให้เราไม่ชอบออกไปข้างนอก ไม่ ยากเจอใครด้วยและไม่อยากได้ยินใครเขาพูดถึงตัวเองด้วย
ช่วงมัธยมเรามีความสุขสุดๆเลยล่ะ ถึงแม้ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะโดนตายายห้ามออกข้างนอกเป็นประจำ ตอนนั้นจำได้ว่าเพื่อนช่วนไปนั้นไปนี้บ่อยมากแต่เราขอยายไปไม่ได้เพื่อนเลยห่างๆจากเราไปจนกระทั่งเขาไม่ช่วนเราเลย แต่ตอนนั้นก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรจึงไม่ได้สนใจ
จนจบม.ปลาย กำลังจะเข้ามหาลัยเป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตเรามาก ทำให้มองย้อนกลับไปโทษการกระทำทุกอย่างว่าครอบครัวลำเลียงรักลูกไม่เท่ากัน
ก่อนเข้ามหาลัยพ่อมีเงินเก็บก็ซื้อรถยนต์ พอซื้อมาได้ไม่นาน พี่ก็ป่วยค่ารักษาเป็นแสนบวกกับตอนนั้นเรากำลังจะเข้ามหาลัย เราติดรอบแรกมหาลัยที่หนึ่ง คณะศิลปศาสตร์สาขาภาษาจีนสื่อสาร แต่ตอนนั้นค่าเทอมหมื่นห้า พอพ่อได้ยินค่าเทอมที่ต้องจ่ายก็ไม่พูดอะไรแต่เป็นแม่ที่พูดว่าแพงมาก เราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันหนักขึ้นในเรื่องเงิน แม่บอกจะขายบ้านที่เราอยู่เพื่อจะให้เราได้เรียนต่อ เราจึงไปนั่งคุยกับพ่อแม่ว่าเราไม่เรียนต่อแล้ว จะออกไปทำงาน พ่อปฏิเสธเราบอกว่าอยากให้เราได้เรียน เพราะตัวเราแค่นี้ไม่สามารถทำงานหนักได้หรอกเรียนเถอะเรื่องเงินพ่อจะพยายามหาเอง
ช่วงนั้นเราจำได้ว่าร้องไห้ทุกวันอ่านหนังสือไปร้องให้ไปเพราะ เราตัดสินใจไม่เข้ามหาลัยแต่รอสอบเข้า ราชภัฏแทน เพราะค่าเทอมแค่เก้าพัน เรามารู้ทีหลังว่าเงินทุนที่พ่อเก็บไว้ให้เราเรียนเอาไปรักษาพี่หมดแล้วแสนกว่าบาท
ตอนนั้นเราน้อยใจมาก เราจึงเกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับพี่
พี่อยากเรียนอะไรพี่ก็สามารถเลือกได้ แต่เรากลับไม่สามารถเลือกได้
พี่อยากอยู่หอนอกได้อยู่ แต่เราไม่สามารถอยู่ได้เพราะไม่ได้มีเงินมากพอจะให้เราทำตามใจตัวเองได้
เราอยากได้ชุดใหม่ๆอยากออกไปกินข้าวนอกหอ ชาบูหมูทะ เข้าคาเฟ่ เที่ยวเล่นเหมือนเด็กมหาลัยทั่วไปบ้าง แต่พอมองเงินในบัญชีกลับไม่พอที่จะทำตามใจตัวเองได้ ทำให้เราไม่มีเพื่อนเลย เหตุผลเดิมคือช่วนเราออกไปข้างนอกแต่เราปฏิเสธ ช่วงนั้นโควิดเข้ามาพอดีพ่อกับแม่ไม่มีงานทำบวกแม่ป่วยทำให้ต้องกลับบ้าน พ่อเริ่มทำงานแบกหามเพื่อหาเงินส่งเราเรียน บางวันกลับมาเข่าถะลองเพราะล้ม บางวันหัวแตกกลับมาด้วยความเหนื่อยทุกครั้ง พอเห็นแบบนั้นเรายิ่งกำเงินที่มีให้มั่นขึ้นและเริ่มยืมกยศ.จะได้ไม่ต้องขอพ่อบ่อย ปกติก็ใช้เงินเดือนละสามพันอยู่แล้ว เงินกยศ.น่าจะพอใช้ แต่เอาเข้าจริงๆไม่พอเลย เพราะต้องออกเงินค่ากิจกรรมม.บ้าง สาขาบ้าง ค่าชีท ค่าปริ้นงาน นู้นนี้นั้นเต็มไปหมด เงินหมดก็ไม่กล้าของพ่อด้วย555 เลยแอบจิกเงินออมที่ออมตอนม.ปลายมาใช้ตอนนั้นจำได้ว่ามีแค่สองหมื่นกว่าๆมาใช้ ช่วงปีสองโควิดหนักมาก พ่อไปทำงานไม่ได้ ดีหน่อยที่กยศ.อนุมิตแล้วเราเลยได้ใช้เงินกยศบวกกับเงินออมนิดหน่อยก็ผ่านมาได้ จนมีเรื่องเกิดขึ้นกับพี่อีกครั้งมิจฉาชีพหลอกให้พี่โอนเงินให้หมดไปสามหมื่น ตอนนั้นพี่เป็นแค่ลูกจ้างได้เงินเดือนเก้าพัน บ้างคนส่งสัยเงินไปพอทำไมไม่ขอพี่ก็เพราะเหตุนี้แหละ หลังจากนั้นพี่บอกว่าจะไปสอบข้าราชการแต่ไม่มีเงิน เราจึงโอนให้ห้าพัน555ตอนนั้นเหลือเงินในบัญชีแค่เจ็ดพันกว่าๆก็กินแกล็บไปเลยสิ เรื่องนี้พี่ไม่กล้าบอกพ่อด้วยเราเลยช่วยพี่ พอโควิดหนักเข้าบวกกับการเรียนที่เริ่มเครียดเราจึงเข้าโรงบาล555หมอบอกเป็นเครียดลงกระเพาะได้ยามาเป็นกระสอบ ตอนนั้นกลัวตัวเองเป็นซึมเศร้ามากเพราะเคยเดินลงบันไปแล้วคิดว่าถ้าตกลงไปจะเจ็บไหมนะ ถ้าตกลงไปทุกอย่างจะจบพ่อจะได้ไหมเหนื่อยด้วย บางครั้งก็คิดว่าถ้ารถชนเราก็ดีสิจะได้จบๆไป มีความคิดแบบนี้หลายครั้งมากจนรู้สึกกลัวความคิดตัวเอง เราเริ่มอยากหาเงินเองแล้วเลยอยากเขียนนิยายเพื่อจะได้สักร้อยสองร้อย เลยปรึกษาแม่แต่คำตอบที่ได้คือ สมองอย่างจะทำได้หรอ? เขียนหนังสือยังผิดอยู่เลยใครเขาจะอ่าน? ตอนนั้นน้อยใจมากแอบร้องไห้คนเดียวแล้วเริ่มเขียนนิยายจนพบว่าคำพูดของแม่เป็นจริงไม่มีใครอ่านนิยายเราจริงด้วย จิตตกมากเลยเลิกเขียนเพราะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้จริงๆ เลยอยากไปทำพาทไทม์ไปสมัครแต่เขาก็ไม่รับอยู่ดี เหมื่อนตัวจะตัวเล็กไปสำหรับงานนั้นๆ
เฮอออ เราอิจฉาพี่จัง อยากทำอะไรทำ อยากใช้ชีวิตอย่างไงใช้ อยากกินอะไรกิน อยากเที่ยวไหนเที่ยว แถมยังไม่โดนเปรียบเทียบกับใครอีก
เกิดมาในช่วงพี่พ่อแม่มีแรงกำลังพอที่จะซับพอร์ตทุกอย่าง พอถึงเราบ้างกลับบอกว่าไม่มี
เราโทษทุกอย่างเลย โทษแม่ โทษพ่อ ครอบครัว พี่ ราวถึงตัวเองด้วยที่เกิดมา ถ้าเราไม่เกิดมาทุกอยากจะดีมาก มากจริงๆ
อิจฉาพี่จัง
เราเกินมาในครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ตอนเด็กพ่อไม่เคยได้อยู่บ้านไปทำงานตลอดเราเลยไม่สนิทกับพ่อ แม่อยู่บ้านเลี้ยงเราจนเราเข้าประถมต้น แม่ก็ออกไปทำงานช่วยพ่อเพราะพี่เราเริ่มเข้ามัธยมแล้วต้องใช้เงิน เราจึงอยู่กับยายมาตลอด
หลังจากนั้นเราก็ถูกเปรียบเทียบกับพี่ ลูกคนข้างบ้าน เด็กในหมู่บ้าน โดยคนในครอบครัวแม้กระทั่งครูที่โรงเรียนเรื่องความเก่ง ทำไมเก่งไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของพี่เลยล่ะ ดูสิพี่ขยันมากเอาให้ได้ครึ่งหนึ่งของเขาหน่อย ดูพี่สิดื้ออย่างไหม เอาอย่างพี่สิ เอาอย่างคนนั้นสิ คนนี้สิ
เราได้ยินคำพวกนี้มาตั้งแต่ประถมต้นจนถึงม.ปลาย ตอนนั้นเราไม่เคยคิดใส่ใจกับเรื่องพวกนี้เลยจนเข้ามหาลัยแล้วมองย้อนกลับไป ตอนนั้นเราถามตัวเองหลายครั้งมากกว่าแม่/ครอบครัวรักเราจริงไหม?
ตอนเด็ก
เราอยากได้เสื้อผ้าใหม่ แม่บอกของพี่ยังใส่ได้
รองเท้าใหม่ ของพี่ยังใส่ได้
ขอซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ อย่าเล่นของเล่นไร้สาระ
อยากได้จักรยานสวยๆแบเพื่อนบ้าง ไม่มีเงินพอจะซื้อให้หรอก เดี๋ยวเอาของพี่ไปซ้อมให้
ดูพี่เป็นตัวอย่างสิ แก่งให้ได้เท่าพี่หน่อย ดูสิเข้าได้รับทุนด้วย เกรดเขาก็ดี
เราห่างกับพี่8-9ดังนั้นเราเข้าประถมพี่เข้ามัธยม เราเข้ามัธยมพี่จบมหาลัย
พอขึ้นม.ต้นดีหน่อยที่ไม่ได้ยินคำพูดเปรียบเทียบกับพี่แล้ว แต่ก็ยังโดนยายเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่ดี ทำให้เราไม่ชอบออกไปข้างนอก ไม่ ยากเจอใครด้วยและไม่อยากได้ยินใครเขาพูดถึงตัวเองด้วย
ช่วงมัธยมเรามีความสุขสุดๆเลยล่ะ ถึงแม้ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะโดนตายายห้ามออกข้างนอกเป็นประจำ ตอนนั้นจำได้ว่าเพื่อนช่วนไปนั้นไปนี้บ่อยมากแต่เราขอยายไปไม่ได้เพื่อนเลยห่างๆจากเราไปจนกระทั่งเขาไม่ช่วนเราเลย แต่ตอนนั้นก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรจึงไม่ได้สนใจ
จนจบม.ปลาย กำลังจะเข้ามหาลัยเป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตเรามาก ทำให้มองย้อนกลับไปโทษการกระทำทุกอย่างว่าครอบครัวลำเลียงรักลูกไม่เท่ากัน
ก่อนเข้ามหาลัยพ่อมีเงินเก็บก็ซื้อรถยนต์ พอซื้อมาได้ไม่นาน พี่ก็ป่วยค่ารักษาเป็นแสนบวกกับตอนนั้นเรากำลังจะเข้ามหาลัย เราติดรอบแรกมหาลัยที่หนึ่ง คณะศิลปศาสตร์สาขาภาษาจีนสื่อสาร แต่ตอนนั้นค่าเทอมหมื่นห้า พอพ่อได้ยินค่าเทอมที่ต้องจ่ายก็ไม่พูดอะไรแต่เป็นแม่ที่พูดว่าแพงมาก เราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันหนักขึ้นในเรื่องเงิน แม่บอกจะขายบ้านที่เราอยู่เพื่อจะให้เราได้เรียนต่อ เราจึงไปนั่งคุยกับพ่อแม่ว่าเราไม่เรียนต่อแล้ว จะออกไปทำงาน พ่อปฏิเสธเราบอกว่าอยากให้เราได้เรียน เพราะตัวเราแค่นี้ไม่สามารถทำงานหนักได้หรอกเรียนเถอะเรื่องเงินพ่อจะพยายามหาเอง
ช่วงนั้นเราจำได้ว่าร้องไห้ทุกวันอ่านหนังสือไปร้องให้ไปเพราะ เราตัดสินใจไม่เข้ามหาลัยแต่รอสอบเข้า ราชภัฏแทน เพราะค่าเทอมแค่เก้าพัน เรามารู้ทีหลังว่าเงินทุนที่พ่อเก็บไว้ให้เราเรียนเอาไปรักษาพี่หมดแล้วแสนกว่าบาท
ตอนนั้นเราน้อยใจมาก เราจึงเกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับพี่
พี่อยากเรียนอะไรพี่ก็สามารถเลือกได้ แต่เรากลับไม่สามารถเลือกได้
พี่อยากอยู่หอนอกได้อยู่ แต่เราไม่สามารถอยู่ได้เพราะไม่ได้มีเงินมากพอจะให้เราทำตามใจตัวเองได้
เราอยากได้ชุดใหม่ๆอยากออกไปกินข้าวนอกหอ ชาบูหมูทะ เข้าคาเฟ่ เที่ยวเล่นเหมือนเด็กมหาลัยทั่วไปบ้าง แต่พอมองเงินในบัญชีกลับไม่พอที่จะทำตามใจตัวเองได้ ทำให้เราไม่มีเพื่อนเลย เหตุผลเดิมคือช่วนเราออกไปข้างนอกแต่เราปฏิเสธ ช่วงนั้นโควิดเข้ามาพอดีพ่อกับแม่ไม่มีงานทำบวกแม่ป่วยทำให้ต้องกลับบ้าน พ่อเริ่มทำงานแบกหามเพื่อหาเงินส่งเราเรียน บางวันกลับมาเข่าถะลองเพราะล้ม บางวันหัวแตกกลับมาด้วยความเหนื่อยทุกครั้ง พอเห็นแบบนั้นเรายิ่งกำเงินที่มีให้มั่นขึ้นและเริ่มยืมกยศ.จะได้ไม่ต้องขอพ่อบ่อย ปกติก็ใช้เงินเดือนละสามพันอยู่แล้ว เงินกยศ.น่าจะพอใช้ แต่เอาเข้าจริงๆไม่พอเลย เพราะต้องออกเงินค่ากิจกรรมม.บ้าง สาขาบ้าง ค่าชีท ค่าปริ้นงาน นู้นนี้นั้นเต็มไปหมด เงินหมดก็ไม่กล้าของพ่อด้วย555 เลยแอบจิกเงินออมที่ออมตอนม.ปลายมาใช้ตอนนั้นจำได้ว่ามีแค่สองหมื่นกว่าๆมาใช้ ช่วงปีสองโควิดหนักมาก พ่อไปทำงานไม่ได้ ดีหน่อยที่กยศ.อนุมิตแล้วเราเลยได้ใช้เงินกยศบวกกับเงินออมนิดหน่อยก็ผ่านมาได้ จนมีเรื่องเกิดขึ้นกับพี่อีกครั้งมิจฉาชีพหลอกให้พี่โอนเงินให้หมดไปสามหมื่น ตอนนั้นพี่เป็นแค่ลูกจ้างได้เงินเดือนเก้าพัน บ้างคนส่งสัยเงินไปพอทำไมไม่ขอพี่ก็เพราะเหตุนี้แหละ หลังจากนั้นพี่บอกว่าจะไปสอบข้าราชการแต่ไม่มีเงิน เราจึงโอนให้ห้าพัน555ตอนนั้นเหลือเงินในบัญชีแค่เจ็ดพันกว่าๆก็กินแกล็บไปเลยสิ เรื่องนี้พี่ไม่กล้าบอกพ่อด้วยเราเลยช่วยพี่ พอโควิดหนักเข้าบวกกับการเรียนที่เริ่มเครียดเราจึงเข้าโรงบาล555หมอบอกเป็นเครียดลงกระเพาะได้ยามาเป็นกระสอบ ตอนนั้นกลัวตัวเองเป็นซึมเศร้ามากเพราะเคยเดินลงบันไปแล้วคิดว่าถ้าตกลงไปจะเจ็บไหมนะ ถ้าตกลงไปทุกอย่างจะจบพ่อจะได้ไหมเหนื่อยด้วย บางครั้งก็คิดว่าถ้ารถชนเราก็ดีสิจะได้จบๆไป มีความคิดแบบนี้หลายครั้งมากจนรู้สึกกลัวความคิดตัวเอง เราเริ่มอยากหาเงินเองแล้วเลยอยากเขียนนิยายเพื่อจะได้สักร้อยสองร้อย เลยปรึกษาแม่แต่คำตอบที่ได้คือ สมองอย่างจะทำได้หรอ? เขียนหนังสือยังผิดอยู่เลยใครเขาจะอ่าน? ตอนนั้นน้อยใจมากแอบร้องไห้คนเดียวแล้วเริ่มเขียนนิยายจนพบว่าคำพูดของแม่เป็นจริงไม่มีใครอ่านนิยายเราจริงด้วย จิตตกมากเลยเลิกเขียนเพราะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้จริงๆ เลยอยากไปทำพาทไทม์ไปสมัครแต่เขาก็ไม่รับอยู่ดี เหมื่อนตัวจะตัวเล็กไปสำหรับงานนั้นๆ
เฮอออ เราอิจฉาพี่จัง อยากทำอะไรทำ อยากใช้ชีวิตอย่างไงใช้ อยากกินอะไรกิน อยากเที่ยวไหนเที่ยว แถมยังไม่โดนเปรียบเทียบกับใครอีก
เกิดมาในช่วงพี่พ่อแม่มีแรงกำลังพอที่จะซับพอร์ตทุกอย่าง พอถึงเราบ้างกลับบอกว่าไม่มี
เราโทษทุกอย่างเลย โทษแม่ โทษพ่อ ครอบครัว พี่ ราวถึงตัวเองด้วยที่เกิดมา ถ้าเราไม่เกิดมาทุกอยากจะดีมาก มากจริงๆ