JJNY : 5in1 ก้าวไกลซัดชัยวัฒน์│ก้าวไกลเชียงใหม่เดือด│ซีไอเอ็มบีคาดสู้รบ│สงครามเดือดฉุดหุ้นไทยร่วง│ชี้ส่งสัญญาณหาทางถอย

ก้าวไกล ซัดชัยวัฒน์ กล่าวหาร้ายแรง นักการเมืองเอี่ยวเผาป่า เตือนเลิกเถอะ ผูกขาดความรักป่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4533451
 
 
’ก้าวไกล‘ ออกแถลงการณ์โต้ ‘ชัยวัฒน์’ หลังระบุพรรคการเมือง-ฝ่ายค้านเอี่ยวเผาป่า บอก หากมีมูลให้กางหลักฐานชัดเจน เหน็บ อย่าผูกขาดความรักป่าไว้แค่คนเดียว
 
จากกรณีที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สื่อสารในช่องทางออนไลน์ส่วนตัว และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะที่ทำให้สังคมเชื่อว่า พรรคการเมืองและนักการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่า ทำให้เกิดฝุ่นพิษเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
 
พรรคก้าวไกลขอชี้แจงว่า 

1. ข้อกล่าวหาดังกล่าว ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลขอให้นำมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย และตามแนวนโยบายของรัฐบาล
 
แต่หากไม่มีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลถือว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

2. ภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานราชการ ส่วนพรรคก้าวไกล ภาคประชาสังคม ร่วมทั้งอาสาสมัครประชาชน ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังคน อาสาสมัคร การเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดนนโยบายที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
 
3. พรรคก้าวไกลยังมีแนวนโยบาย และการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษระยะยาวอย่างยั่งยืน
 
สุดท้าย ขอย้ำเตือนไปยัง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ว่ากรุณาเปิดใจให้กว้าง อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว มิเช่นนั้นแล้ว จะนำมาสู่ความคิดที่ว่า ตนเองดีและสูงส่งกว่าคนอื่นๆ ซึ่งอาจนำมาสู่การปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจเกินขอบเขต และไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน อย่างที่นายชัยวัฒน์เคยถูกกล่าวหามาแล้วหลายครั้ง

https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/pfbid0QkGFUmfAzUYptzdG2fZD5HXrZbicH8zcriPRrUnh3LQ42S33dtRqmw69okFvLSAWl
  


ส.ส.ก้าวไกล เชียงใหม่ เดือด ชัยวัฒน์กล่าวหาด้วยอคติ เป็น ผอ.คิดแบบนี้ ถึงแก้ไฟป่าไม่ได้สักที
https://www.matichon.co.th/politics/news_4533832

ส.ส.ก้าวไกล ซัด ‘ชัยวัฒน์’ รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง แซะแนวคิดแบบนี้ ‘ไฟป่า’ ถึงแก้ไม่ได้สักที ท้าเปิดหลักฐานให้ชัด คนการเมืองจุดไฟ  ถามรัฐบาลยอมรับได้หรือ จนท.ระดับบริหารแนวคิดแบบนี้
 
เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกมาแสดงความเห็นว่าไฟป่า จ.เชียงใหม่ เกิดจากคนการเมืองว่า อคติทางการเมืองแบบทำให้แก้ไขปัญหาไฟป่าได้สักที จากการที่ได้ฟังสัมภาษณ์คิดว่าการระบุว่าสร้างสถานการณ์เพื่อเอาชนะทางการเมืองนั้นไม่ถูกต้องเท่าไหร่
 
ถึงขั้นเอาแผนที่เขตเลือกตั้ง ส.ส.มาแบ่งสีชัดเจนเลยว่าเป็นสีส้มชัดๆ และทำแผนผังระบุว่าไฟป่าเกิดขึ้นสูงมากในช่วงที่นักการเมืองระดับบิ๊กลงพื้นที่ แล้วก็พูดถึงว่าไม่ได้จะตำหนิ แต่แค่เตือนสติว่าวันหนึ่งฝ่ายค้านก็ต้องมาเป็นรัฐบาล อย่าทำแบบนี้ จะไปกระทบกับป่าของผม สัตว์ป่าของผม ผมว่าอันนี้มันตลกมาก เพราะเป็นการชี้แจงที่สะท้อนให้เห็นเลยว่าทำไมเราถึงแก้ปัญหานี้ไม่ได้สักที” นายภัทรพงษ์กล่าว
 
นายภัทรพงษ์กล่าวว่า เป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ใช้แต่ความรู้สึกและความอคติล้วนๆ โดยไม่มีข้อเท็จจริง ไม่ต่างอะไรจากรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง  คุมไฟป่าไม่ได้แล้วโทษพรรคการเมือง
 
นายภัทรพงษ์กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลเราตั้งทีมก้าวไกลสู้ไฟป่าเพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานราชการที่ของบไป 1,709 ล้านบาท แต่ได้แค่ 50 ล้านบาทเท่านั้น ถ้านายชัยวัฒน์ได้ไปดูการเตรียมการรับมือ จะเห็นชัดเจนว่าก่อนเริ่มต้นแก้ปัญหาไฟป่าหน่วยงานต่างๆ แทบไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดับไฟ ทั้งโดรนตรวจจับความร้อน เครื่องเป่าลม นอกจากนี้ ยังต้องควักกระเป๋าซ่อมกันเอง ถ้านายชัยวัฒน์ไปดูข้อมูลจะรู้ว่าทำไมปัญหามันลุกลามขนาดนี้
 
ถ้าบอกว่าเกิดขึ้นในปีนี้ ลองไปดูข้อมูลปี 2566 ก็ได้ จำนวนจุดความร้อนรายวันระบุชัดเจนอยู่แล้วว่ามันสูงขึ้นช่วงเดือนมีนาคมเหมือนกัน จากคำพูดที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการ (ผอ.) แบบนี้ ผมอยากจะขอถามกลับไปทางรัฐบาลว่าแนวคิดแบบนี้เป็นที่ยอมรับได้หรือไม่ พรรคฝ่ายค้านมาจุดไฟไล่รัฐบาล ผมว่าแนวคิดนี้ควรเลิกไปได้แล้ว เพราะถ้าคิดแบบนี้จริง ยุบฝ่ายค้านไปเลยดีกว่า จะได้ไม่เกิดไฟป่า
 
ผมขอแจ้งให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันเลยว่า ทุกวันนี้กระทรวงการคลังของนายกรัฐมนตรียังจัดทำเกณฑ์ประกาศในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ยังไม่เสร็จเลย นี่จะพ้นเดือน เม.ย.แล้ว ต้องรอปัญหาให้หมดไปก่อนถึงจะทำเสร็จหรือไม่” นายภัทรพงษ์กล่าว
 
นายภัทรพงษ์กล่าวว่า ผู้นำที่ดีควรเห็นปัญหาแล้วหาทางแก้ ไม่ใช่อ้างแต่ทางตัน เลิกโทษนักการเมือง เพราะตนก็เป็นประชาชนเหมือนกัน ต้องใช้ปอดสูดฝุ่นเหมือนทุกคน
 
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรต่อ นายภัทรพงษ์กล่าวว่า เราควรใช้ช่องทางกรรมาธิการ (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎรให้เกิดประโยชน์ แต่ช่วงนี้ยังปิดสมัย ดังนั้น ควรจะมีพื้นที่เป็นวงเปิดให้กรมอุทยานฯได้มีโอกาสพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าทำไมระดับ ผอ.ถึงมีความคิดแบบนี้
 
คุณเคยเข้าพื้นที่ไปดูไฟป่าก่อนที่จะเจอปัญหาหรือไม่ ได้ดูไหมว่ามีอุปกรณ์เพียงพอหรือเปล่า เคยรู้ข้อมูลพวกนี้หรือเปล่า ก่อนจะมาโทษว่าเป็นเพราะนักการเมือง” นายภัทรพงษ์กล่าว
 
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้จุดใช่หรือไม่ นายภัทรพงษ์ยืนยันว่า ไม่ได้จุด ไม่มีนักการเมืองคนไหนจะไปจุดไฟให้เกิดไฟป่าแบบนี้ แน่นอนว่าสาเหตุเกิดจากคน แต่การที่มากล่าวอ้างว่าต้องการชนะทางการเมือง ตนคิดว่าเป็นข้อกล่าวอ้างที่รุนแรงมาก และขอให้นายชัยวัฒน์เอาหลักฐานออกมาเปิดให้ประชาชนดู ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วมาพูดลอยๆ ไม่ต่างจากการเอาอคติ ความรู้สึกส่วนตัวมาพูดในหมวกของ ผอ.หน่วยงานของรัฐ ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ผิด
 
เมื่อถามว่า จะชวนมาลงพื้นที่หรือไม่ นายภัทรพงษ์ตอบว่า ไม่ต้องชวนหรอก เพราะถ้าโพสต์แบบนี้ คงไม่เคยลงพื้นที่อยู่แล้ว อยากให้เขาเห็นปัญหาเอง ถ้าอยากลงพื้นที่จริงทุกหน่วยงานก็พร้อมให้ข้อมูลอยู่แล้ว ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ระดับหน้างานไม่มีใครคิดว่ามาจากนักการเมือง



ซีไอเอ็มบี ไทย คาดสู้รบอิสราเอล-อิหร่าน กระทบไทย 4 ด้าน จับตาเสี่ยงสงครามดุฉุดเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4533137

ซีไอเอ็มบี ไทย คาดสู้รบอิสราเอล-อิหร่าน กระทบไทย 4 ด้าน จับตาเสี่ยงสงครามดุฉุดเศรษฐกิจ
 
เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ประเมินสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน โดยมองผลกระทบต่อไทย 4 ด้าน ดังนี้

1. นักลงทุนจะเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และเลือกเข้าไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดการเทขายหุ้นและบอนด์ในตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่ากดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งมีโอกาสที่ค่าเงินบาทอาจแตะ​ 37​ บาทต่อ​ดอล​ลาร์สหรัฐ​ เนื่องจากบาทไม่ใช่สินทรัพย์​ปลอดภัยโดยเฉพาะช่วงราคาน้ำมันขึ้น​ อีกทั้งประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าสุทธิ​น้ำมัน
 
นายอมรเทพกล่าวว่า 2. ราคาน้ำมันขยับขึ้น จากความกังวลว่าสงคราม อาจจะกระทบกับอุปทานน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้​ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้คิดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งไปแรง เนื่องจากยังมีอีกหลายประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย อิรัก ที่อาจเพิ่มกำลังการผลิตชดเชยความเสี่ยงและอุปทานของอิหร่านได้
 
3. เรื่องเงินเฟ้อ สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น อาจส่งผลให้เงินเฟ้อของสหรัฐ และไทย ขยับตัวสูงขึ้น และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไป รวมทั้งไทยที่คาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงินที่ 1-3% ก็อาจปรับเปลี่ยนได้หากราคาน้ำมันขยับสูงขึ้น และอาจกระทบกับต้นทุนการขนส่ง และราคาสินค้าอื่นๆ​ได้​ หากรัฐบาลอุดหนุน​ราคาน้ำมันแล้ว​อาจกระทบต้นทุนการคลัง และการนำเข้าที่สูงขึ้น​ จึงควรทำเฉพาะจุดหรือกลุ่มเปราะบาง​ และสนับสนุนการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ​
 
4. การส่งออก การส่งออกของไทยไปตะวันออกกลางจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่เนื่องจากสัดส่วนมีน้อยจึงไม่น่ากระทบกับภาพรวม​ อย่างไรก็ตาม ให้ติดตามผลกระทบจากการสู้รบที่ส่งผลให้การขนส่งสินค้าผ่านทางทะเลไปยุโรป หรือมีค่าระวางเรือที่สูงขึ้น หรือมีการจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางอ้อมแอฟริกา ทำให้ต้นทุนการส่งสินค้าสูงขึ้นตามและกระทบกับสินค้ากลุ่มเกษตร หรือสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำเน่าเสียง่าย
 
อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมคาดว่าการสู้รบน่าจะอยู่ในวงจำกัดไม่บานปลาย และจบด้วยการเจรจา แต่ต่อไปความเสี่ยงด้านภูมิ​รัฐศาสตร์​จะเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ทั่วโลกจับตาและอาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ​ของ​ประเทศไทย​ใน​ปี​นี้” นายอมรเทพกล่าว



สงครามเดือดฉุดหุ้นไทยร่วง 28.94 จุด
https://www.dailynews.co.th/news/3358208/

หุ้นไทยปิดลบ 28.94 จุด นักลงทุนขายลดเสี่ยงก่อนหยุดสุดสัปดาห์

บรรยากาศหุ้นไทยวันที่ 19 เม.ย. 67 เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ เนื่องจากกังวลความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านบานปลาย นักลงทุนจึงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดสุดสัปดาห์ ส่งผลให้ ณ เวลา 17.02 น. ดัชนีหุ้นปิดที่ 1,332.08 จุดลดลง 28.94 จุด หรือ 2.13% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57,497.73 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 382.54 จุด ลดลง 9.01 จุด หรือ 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,077.58 ล้านบาท
 
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงในอิหร่าน ซึ่งกระทบต่อราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และดอกเบี้ย โดยคาดว่ากรอบล่างดัชนีอยู่ที่ 1,350 จุด ซึ่งไม่ควรจะหลุดในระดับดังกล่าว แต่ตอนนี้ประเมินแนวรับใหม่ไว้ที่ 1,330 จุด โดยสิ่งที่จะแนะนำนักลงทุนระยะยาว หากดัชนีหลุด 1,350 จุด เป็นจังหวะที่ควรเข้าทยอยซื้อหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์, ค้าปลีก, วัสดุก่อสร้าง

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ 
1. ปตท.สผ. ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 138.50 บาท ลดลง -5.00 บาท
3. ซีพีออลล์ ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง -0.75 บาท
4. อีเอ ปิดที่ 30.25 บาท ลดลง -1.00 บาท
5. เอโอที ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง -2.50 บาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่