บ่ายแก่ของวันหยุดในฤดูร้อน
มันเป็นวันหยุดในฤดูร้อนที่ร้อนจนผมต้องเข้าหลบร้อนที่ชายคาบ้านบ่อยครั้งระหว่างทำงานตัดแต่งกิ่งไม้ ผมจำชื่อไม่ได้ว่าต้นที่กำลังแต่งกิ่งนี้ชื่อต้นอะไร รู้แต่ว่าเป็นชื่อฝรั่ง ผมนำมาปลูกไว้เมื่อต้นฝนที่ผ่านมา
ผมวานหลานที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นให้ไปซื้อน้ำแข็งพร้อมน้ำอัดลมมาเพื่อดับกระหายและดับร้อนไปพร้อมกัน ขณะที่เรานั่งพักร้อนกันอยู่นั้นเธอก็เอ่ยปากถามผมขึ้นมา
“ลูงแต่งกิ่งต้นอะไรอ่ะ” หลานถามผม ตามองไปต้นไม้ข้างหน้าที่ผมเพิ่งแต่งกิ่งเสร็จ
“มันเป็นต้นไม้ในตำนานน่ะลูก”
ต้นไม้ในตำนาน (จำชื่อต้นนี้ไม่ได้)
ผมตอบเพื่อสร้างความสนใจให้กับหลาน ที่จริงผมนึกกุศโลบายไว้แล้วว่าจะให้หลานช่วยลดน้ำต้นใม้ที่ผมปลูก แต่ถ้าผมบอกเป็นคำพูดธรรมดาไปหลานอาจจะไม่สนใจรดน้ำให้มันช่วงที่ผมกลับไปทำงานในวันธรรมดา กว่าจะมาอีกทีเสาร์-อาทิตย์ต้นไม้ก็ตายแล้ว ยิ่งช่วงฤดูร้อนนี้ ร้อนมากจริง ๆ ขนาดหญ้าที่โตวันโตคืนจนตัดไม่ทันในฤดูฝนยังต้องตายเป็นหย่อม ๆ แล้วต้นไม้ที่ไม่ใช่ไม้ที่มีถิ่นกำเนินในเมืองไทย เอามาปลูกในเมืองร้อนแบบนี้ถ้าดูแลไม่ดี น่าจะรอดยาก ผมจำเป็นต้องสร้างเรื่องให้ไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ที่พิเศษ ให้หลานจะต้องดูแลมันเป็นพิเศษ แล้วมันก็ได้ผล
“ตำนานยังไงลุง อยากฟัง” เข้าทางแล้ว หลานสนใจแล้ว
“มันเป็นต้นไม้ที่มีชื่ออยู่ในเนื้อเพลงที่แต่งขึ้นในยุคกลางของยุโรปน่ะ”
...ผมใส่ความน่าสนใจเพิ่มเข้าไปอีก
“ยูคกลาง! คือยุคไหนอะลุง ?” เธอไม่รู้จริง ๆ หรือเธออำผม นึกถึงตอนที่หลานคนนี้อายุ5ขวบ เธอนั่งรถไปกับผมเห็นป้ายโฆษณาข้างถนนแถวนครปฐมเขียนว่า “ที่นอนปีนัง” เธอถามผมว่า
“ปีนัง นี่มันปีไหนอะลุง” ผมอึ้งไปนิดนึง แล้วอธิบายกันนาน กว่าหลานจะเข้าใจ
อีกครั้ง เธอก็น่าจะประมาณ 5 ขวบเหมือนกัน เธอเคยถามผมว่า
“ สมัยก่อน มันคือสมัยไหนอะลุง”
ผมงงกับคำถามของหลาน ..แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าหลานคงคิดว่าเป็น ช่วงเวลาที่กำหนดลงไป เช่น สมัยอยุธยา สมัยกรุงธน พอมาเจอคำว่าสมัยก่อน เด็ก 5 ขวบเลยไม่รู้ว่าสมัยไหน
ตอนนี้หลานอายุ 16 แล้ว เธอคงไม่สงใสว่า มียุคกลางแล้วต้องมียุคหน้า ยุคหลัง ละมั่ง
“ยุคกลาง คือช่วงเวลาในประวัติศาตร์ของยุโรป ย้อนกลับไปประมาณ พันปีที่แล้ว บางคนเรียกว่ายุคมืด ช่วงนั้นมีเรื่องราวน่าสนใจเยอะแยะเลย เช่น มีแม่มด มีอัศวิน มีสงครามครูเสส มีเรื่องราวของอัศวิน และมีเพลงที่แต่งขึ้นในสมัยนั้นบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวินที่ต้องจากคนรักไปรบ ประมาณนั้น”
“อ้าว แล้วต้นไม้ข้างหน้านี้มันเกี่ยวอะไรอะลุง” ?
“เกี่ยวซิ ก็ในเนื้อเพลงนั้น มีชื่อต้นไม้ต้นนี้อยู่ด้วย”
“จริงหรือลุง! ต้นไม้ต้นนี้มันมีชื่ออยู่ในเพลงที่แต่งขึ้นเมื่อพันกว่าปีเลยหรือลุง”
“ใช่” ผมตอบ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองโกหก ผมรู้ว่าต้นไม้ในชื่อเพลงนั้นชื่อต้นอะไร ผมรู้ว่าต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใด้ชื่อนั้นแน่ แต่สิ่งไม่รู้คือ ชื่อต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้านี้มันชื่อต้นอะไร แต่เอาวะ ตกบันไดพลอยโจน
“มันชื่อต้นอะไรอะลุง” หลานถาม
“ต้น โรสแมรี่” ลุงตอบ
“เล่าเรื่องราวในเนื้อเพลงนั้นให้หนูฟังหน่อยซิ ”
“ มันเป็นเรื่องราวของอัศวินหนุ่มชาวเมืองสการ์เบอโร (Scarborough) ประเทศอังกฤษคนหนึ่งที่ต้องจากผู้หญิงคนที่ตนรัก ขี่ม้ารอนแรมตามทางเดินเล็ก ๆ ขึ้นเขาลงห้วยไปรบกับศตรูอีกเมืองหนึ่ง ระหว่างทาง เวลาเจอใครเดินผ่านมา อัศวินคนนี้ก็จะถามว่า “ท่านจะเดินทางไปที่เมืองสการ์เบอโรมั้ย ถ้าผ่าน ฝากบอกหญิงคนรักของผมด้วยว่า ให้รอผม ให้ถักเสื้อไว้รอผม ให้เตรียมที่ดินไว้สักแปลง และปลูกต้นไม้ สี่ชนิดนี้ไว้รอผมกลับมาด้วย”
“โห โรแมนติกไม่เบาเลยนะเนี่ยะ แล้วต้นไม้ สี่ชนิดมันมีต้นอะไรบ้างอะลุง”
“ลุงจำได้ไม่หมด แต่ที่จำได้มีต้น โรสแมรี่ ที่อยู่ตรงหน้าเรา อยู่ในเพลงนั้นด้วย”
“อ๋อต้นนี้มันชื่อ โรสแมรี่”
“แล้วเพลงนั้นมันชื่อเพลงอะไรอะ”
“Scarborough Fair ของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกิ้ล”
“ว้าว มันต้องเป็นพลงที่โรแมนติกมากเลย เดี๋ยวหนูจะหาฟังใน ยูทู๊ปดู”
ผมเล่าเรื่องราวและประวัติของเพลง Scarborough Fair และต้น โรสแมรี่ ให้หลานฟังด้วยความรู้สึกผิด รู้ทั้งรู้ว่าต้นไม้ทีอยู่ข้างหน้านี้มัมไม่ใช่ โรสแมรี่ และมันไม่เกี่ยวกับเพลงในยุคกลางเลย แต่ที่ต้องเล่าไปก็เพราะผมจำชื่อต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้านี้ไม่ได้
หลังจากพักผ่อนหายเหนื่อยแล้วเราก็แยกย้ายกันไป
สักพักใหญ่ เธอเดินเข้ามาหาผม
“ลุงมั่วแล้ว ต้นนี้มันไม่ใช่ โรสแมรี มันคือซิลเวอร์โอ๊ค หนูโทรไปถามป้าแล้ว ป้าเป็นคนปลูกกับมือ ป้ายืนยัน”
“ลุงนี่มั่วได้เนียนจริง ๆเลย สัปดาห์หน้าลุงต้องซื้อ โรสแมรี่มาปลูกเลย ”
และแล้วผมก็ถูกหลานจับโกหกได้ แต่ก็รู้สึกโล่งใจ หลานจะได้ไม่จำอะไรที่ผิด ๆ
*** แล้วสัปดาห์ต่อมาผมก็ซื้อ โรสแมรี่ มาปลูก ชดเชยความผิด***
ต้องซื้อ โรสแมรี่ ตำนานตัวจริงมาปลูก สัปดาห์ถัดมา
ต้นไม้ในตำนาน กับหลานขี้สงสัย
มันเป็นวันหยุดในฤดูร้อนที่ร้อนจนผมต้องเข้าหลบร้อนที่ชายคาบ้านบ่อยครั้งระหว่างทำงานตัดแต่งกิ่งไม้ ผมจำชื่อไม่ได้ว่าต้นที่กำลังแต่งกิ่งนี้ชื่อต้นอะไร รู้แต่ว่าเป็นชื่อฝรั่ง ผมนำมาปลูกไว้เมื่อต้นฝนที่ผ่านมา
ผมวานหลานที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นให้ไปซื้อน้ำแข็งพร้อมน้ำอัดลมมาเพื่อดับกระหายและดับร้อนไปพร้อมกัน ขณะที่เรานั่งพักร้อนกันอยู่นั้นเธอก็เอ่ยปากถามผมขึ้นมา
“ลูงแต่งกิ่งต้นอะไรอ่ะ” หลานถามผม ตามองไปต้นไม้ข้างหน้าที่ผมเพิ่งแต่งกิ่งเสร็จ
“มันเป็นต้นไม้ในตำนานน่ะลูก”
“ตำนานยังไงลุง อยากฟัง” เข้าทางแล้ว หลานสนใจแล้ว
“มันเป็นต้นไม้ที่มีชื่ออยู่ในเนื้อเพลงที่แต่งขึ้นในยุคกลางของยุโรปน่ะ”
...ผมใส่ความน่าสนใจเพิ่มเข้าไปอีก
“ยูคกลาง! คือยุคไหนอะลุง ?” เธอไม่รู้จริง ๆ หรือเธออำผม นึกถึงตอนที่หลานคนนี้อายุ5ขวบ เธอนั่งรถไปกับผมเห็นป้ายโฆษณาข้างถนนแถวนครปฐมเขียนว่า “ที่นอนปีนัง” เธอถามผมว่า
“ปีนัง นี่มันปีไหนอะลุง” ผมอึ้งไปนิดนึง แล้วอธิบายกันนาน กว่าหลานจะเข้าใจ
อีกครั้ง เธอก็น่าจะประมาณ 5 ขวบเหมือนกัน เธอเคยถามผมว่า
“ สมัยก่อน มันคือสมัยไหนอะลุง”
ผมงงกับคำถามของหลาน ..แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าหลานคงคิดว่าเป็น ช่วงเวลาที่กำหนดลงไป เช่น สมัยอยุธยา สมัยกรุงธน พอมาเจอคำว่าสมัยก่อน เด็ก 5 ขวบเลยไม่รู้ว่าสมัยไหน
ตอนนี้หลานอายุ 16 แล้ว เธอคงไม่สงใสว่า มียุคกลางแล้วต้องมียุคหน้า ยุคหลัง ละมั่ง
“ยุคกลาง คือช่วงเวลาในประวัติศาตร์ของยุโรป ย้อนกลับไปประมาณ พันปีที่แล้ว บางคนเรียกว่ายุคมืด ช่วงนั้นมีเรื่องราวน่าสนใจเยอะแยะเลย เช่น มีแม่มด มีอัศวิน มีสงครามครูเสส มีเรื่องราวของอัศวิน และมีเพลงที่แต่งขึ้นในสมัยนั้นบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวินที่ต้องจากคนรักไปรบ ประมาณนั้น”
“อ้าว แล้วต้นไม้ข้างหน้านี้มันเกี่ยวอะไรอะลุง” ?
“เกี่ยวซิ ก็ในเนื้อเพลงนั้น มีชื่อต้นไม้ต้นนี้อยู่ด้วย”
“จริงหรือลุง! ต้นไม้ต้นนี้มันมีชื่ออยู่ในเพลงที่แต่งขึ้นเมื่อพันกว่าปีเลยหรือลุง”
“ใช่” ผมตอบ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองโกหก ผมรู้ว่าต้นไม้ในชื่อเพลงนั้นชื่อต้นอะไร ผมรู้ว่าต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใด้ชื่อนั้นแน่ แต่สิ่งไม่รู้คือ ชื่อต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้านี้มันชื่อต้นอะไร แต่เอาวะ ตกบันไดพลอยโจน
“มันชื่อต้นอะไรอะลุง” หลานถาม
“ต้น โรสแมรี่” ลุงตอบ
“เล่าเรื่องราวในเนื้อเพลงนั้นให้หนูฟังหน่อยซิ ”
“ มันเป็นเรื่องราวของอัศวินหนุ่มชาวเมืองสการ์เบอโร (Scarborough) ประเทศอังกฤษคนหนึ่งที่ต้องจากผู้หญิงคนที่ตนรัก ขี่ม้ารอนแรมตามทางเดินเล็ก ๆ ขึ้นเขาลงห้วยไปรบกับศตรูอีกเมืองหนึ่ง ระหว่างทาง เวลาเจอใครเดินผ่านมา อัศวินคนนี้ก็จะถามว่า “ท่านจะเดินทางไปที่เมืองสการ์เบอโรมั้ย ถ้าผ่าน ฝากบอกหญิงคนรักของผมด้วยว่า ให้รอผม ให้ถักเสื้อไว้รอผม ให้เตรียมที่ดินไว้สักแปลง และปลูกต้นไม้ สี่ชนิดนี้ไว้รอผมกลับมาด้วย”
“โห โรแมนติกไม่เบาเลยนะเนี่ยะ แล้วต้นไม้ สี่ชนิดมันมีต้นอะไรบ้างอะลุง”
“ลุงจำได้ไม่หมด แต่ที่จำได้มีต้น โรสแมรี่ ที่อยู่ตรงหน้าเรา อยู่ในเพลงนั้นด้วย”
“อ๋อต้นนี้มันชื่อ โรสแมรี่”
“แล้วเพลงนั้นมันชื่อเพลงอะไรอะ”
“Scarborough Fair ของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกิ้ล”
“ว้าว มันต้องเป็นพลงที่โรแมนติกมากเลย เดี๋ยวหนูจะหาฟังใน ยูทู๊ปดู”
ผมเล่าเรื่องราวและประวัติของเพลง Scarborough Fair และต้น โรสแมรี่ ให้หลานฟังด้วยความรู้สึกผิด รู้ทั้งรู้ว่าต้นไม้ทีอยู่ข้างหน้านี้มัมไม่ใช่ โรสแมรี่ และมันไม่เกี่ยวกับเพลงในยุคกลางเลย แต่ที่ต้องเล่าไปก็เพราะผมจำชื่อต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้านี้ไม่ได้