เรื่องนี้อาจไม่ได้หลอนมากเเต่เป็นประสบการณ์จริงของพ่อเเละเเม่ผม
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2549
เรื่องเริ่มจากการไปเที่ยวของพ่อเเม่ผมในช่วงวันหยุดยาว
พ่อเเม่ผมขับรถออกจากกรุงเทพเวลาประมาณ 9.00 น. เเละถึง ตัวเมือง ชุมพร ประมาณ 16.00 น.
พวกเขาขับรถไปเรื่อยๆจนใกล้ค่ำ พ่อผมคิดว่าถ้าหาทางลัดไปกระบี่จะถึงได้เร็วขึ้น
เพราะตอนนั้นก็เวลา 19.30 น. เเล้ว เเม่ผมเลยเปิดหนังสือดดูเส้นทางเพื่อที่จะหาทางลัด
สักพักเเม่บอกว่าขับตรงไปจะเจอเเยกให้เลี้ยวขวาเเล้วตรงไปสักพักจะมีป้ายให้เลี้ยวซ้าย
ไปทางทางหลวงหมายเลขขึ้นต้นด้วย 40 เเต่ตัวหลังจำไม่ได้เเล้ว พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเส้นนี้
ไปได้ไม่ถึง 5 นาที ก็เห็นด้านซ้ายมือว่าเป็นกำเเพงวัด ทั้งๆที่ตอนก่อนเลี้ยวเข้ามาไม่เห็นตัววัดเลย
ขับตรงต่อไปเรื่อยๆสุดกำเเพงวัด บรรยากาศถนนค่อยๆมืดลงเเละไม่มีไฟสักดวง ลักษณะถนนเป็นเลนสวนกัน
ข้างทางไม่มีป้ายเเละไม่มีบ้านคนสักหลังรถสวนก็ไม่เจอ ตอนนั้นพ่อรู้สึกกลัวเลยพูดในใจว่า
"ขอให้เจอทางเส้นใหญ่ไฟสว่างๆเเละมีรถสักคันก็ยังดี" ขับมาสักพักก็เจอไฟสว่างเเละถนนตัด
พ่อผมเลยขับต่อไปเเละเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนใหญ่ ตอนนั้นพ่อดีใจมากเพราะเจอถนนใหญ่เเละกว้างมาก
ลักษณะถนนคือ มีเลนประมาณ3เลน เเละไฟสว่างตลอดทางถ้ามองทางขวาจะเป็นต้นไม้ไม่สามารถมองไปอีกฝั่งได้
ขับมาเรื่อยๆมองทางซ้ายจะเป็นกำเเพงยาวประมาณ2กิโลเมตรได้ ทางด้านขวาจะเห็นเป็นทางกลับรถ
พอถึงทางกลับรถที่สองพ่อกับเเม่ก็เห็นมีรถกระบะเเวนรอกลับรถตามหลังรถพ่อมา
มีสัมภาระอยู่บนหลังคาคล้ายกับขับรถมาเที่ยวเเบบครอบครัว ตอนเเรกก็ไม่ได้คิดอะไร
เเต่พอมาถึงที่กลับรถที่สาม รถกระบะเเวนคันนั้นก็กลับรถไปอีกฝั่งถนนนึง พอขับรถไปสักพักก็มีเเสงไฟมาต่อท้าย
พอมองกระจกหลังดีๆก็เห็นว่าเป็นกระบะเเวนคล้ายคันเดิมสีเดิมมีสัมภาระอยู่บนหลังคาเหมือนเดิม
จนมาถึงที่กลับรถที่สี่ กระบะเเวนคันนั้นก็ได้กลับรถไปอีกฝั่งเหมือนเดิม พอขับมาได้อีกสักพักก็มีกระบะเเวนมาจ่อท้ายรถของพ่อ
เหมือนเดิม คันเดิมสีเดิมมีสัมภาระอยู่บนหลังคาเหมือนเดิม พ่อจึงชะลอรถเพื่อให้กระบะเเวนเเซงเเต่กระบะเเวนไม่ยอมเเซง
เลยคิดว่าจะเป็นโจรปล้นเลยเหยียบคันเร่งเพื่อที่จะหนี
ตอนนั้นขับอยู่ที่ความเร็ว 150กิโลเมตรต่อชัวโมง (รถ Bmw 525i) ขับอยู่ประมาณ15นาทีถึงที่กลับรถที่ห้า ก็เห็นรถกระบะคันเดิมกลับรถไปเหมือนเดิม
จากนั้นพ่อก็เร่งความเร็วต่อ พ่อเเละเเม่ก็พร้อมใจกันสวดมนต์ เเละขับไปอีกประมาณ10นาทีได้ ก็เจอที่กลับรถที่หก เเละมีรถตู้กลับรถตามมา
เลยชะลอรถเพื่อที่จะดูว่ารถตู้จะเเซงไหม ปรากฏว่ารถตู้คันนั้นก็เเซงขึ้นหน้าเป็นปกติ
พอผ่านไปสักพักพ่อเเละเเม่ก็เห็นไฟเเดงเเละมีรถจอดรอสัญญาณไฟประมาณ10กว่าคันซึ่งเป็นสามเเยกเเละเห็นป้ายเลี้ยวซ้ายไปกระบี่
เเต่ที่ขับรถมาตั้งเเต่ต้นถนนไม่เคยเห็นรถที่รอไฟเเดงอยู่สักคัน มีเเต่รถกระบะเเวนกับรถพ่อเเเม่เเค่นั้น
พอเลี้ยวซ้ายสัก15นาทีก็เป็นตัวเมืองกระบี่เลย เเละ ขากลับพ่อเเม่ผมพยายามหาถนนเส้นเดิมเเต่ก็ไม่พบถนนเส้นนั้น
จนถึงตอนนี้ที่ผมเอามาหาก็ยังไม่พบ ไม่รู้ว่ากระบะเเวนคันนั้นคือคนหรือผีก็ไม่เเน่ใจ เป็นประสบการณ์ที่พ่อเเละเเม่เล่าให้ผมฟังอีกที
********* ถ้ามีใครรู้จักถนนเส้นนี้ช่วยบอกหน่อยนะครับ ***********
เเชร์ประสบการณ์หลอนระหว่างขับรถไปเที่ยวจาก กรุงเทพ ไป กระบี่
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2549
เรื่องเริ่มจากการไปเที่ยวของพ่อเเม่ผมในช่วงวันหยุดยาว
พ่อเเม่ผมขับรถออกจากกรุงเทพเวลาประมาณ 9.00 น. เเละถึง ตัวเมือง ชุมพร ประมาณ 16.00 น.
พวกเขาขับรถไปเรื่อยๆจนใกล้ค่ำ พ่อผมคิดว่าถ้าหาทางลัดไปกระบี่จะถึงได้เร็วขึ้น
เพราะตอนนั้นก็เวลา 19.30 น. เเล้ว เเม่ผมเลยเปิดหนังสือดดูเส้นทางเพื่อที่จะหาทางลัด
สักพักเเม่บอกว่าขับตรงไปจะเจอเเยกให้เลี้ยวขวาเเล้วตรงไปสักพักจะมีป้ายให้เลี้ยวซ้าย
ไปทางทางหลวงหมายเลขขึ้นต้นด้วย 40 เเต่ตัวหลังจำไม่ได้เเล้ว พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเส้นนี้
ไปได้ไม่ถึง 5 นาที ก็เห็นด้านซ้ายมือว่าเป็นกำเเพงวัด ทั้งๆที่ตอนก่อนเลี้ยวเข้ามาไม่เห็นตัววัดเลย
ขับตรงต่อไปเรื่อยๆสุดกำเเพงวัด บรรยากาศถนนค่อยๆมืดลงเเละไม่มีไฟสักดวง ลักษณะถนนเป็นเลนสวนกัน
ข้างทางไม่มีป้ายเเละไม่มีบ้านคนสักหลังรถสวนก็ไม่เจอ ตอนนั้นพ่อรู้สึกกลัวเลยพูดในใจว่า
"ขอให้เจอทางเส้นใหญ่ไฟสว่างๆเเละมีรถสักคันก็ยังดี" ขับมาสักพักก็เจอไฟสว่างเเละถนนตัด
พ่อผมเลยขับต่อไปเเละเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนใหญ่ ตอนนั้นพ่อดีใจมากเพราะเจอถนนใหญ่เเละกว้างมาก
ลักษณะถนนคือ มีเลนประมาณ3เลน เเละไฟสว่างตลอดทางถ้ามองทางขวาจะเป็นต้นไม้ไม่สามารถมองไปอีกฝั่งได้
ขับมาเรื่อยๆมองทางซ้ายจะเป็นกำเเพงยาวประมาณ2กิโลเมตรได้ ทางด้านขวาจะเห็นเป็นทางกลับรถ
พอถึงทางกลับรถที่สองพ่อกับเเม่ก็เห็นมีรถกระบะเเวนรอกลับรถตามหลังรถพ่อมา
มีสัมภาระอยู่บนหลังคาคล้ายกับขับรถมาเที่ยวเเบบครอบครัว ตอนเเรกก็ไม่ได้คิดอะไร
เเต่พอมาถึงที่กลับรถที่สาม รถกระบะเเวนคันนั้นก็กลับรถไปอีกฝั่งถนนนึง พอขับรถไปสักพักก็มีเเสงไฟมาต่อท้าย
พอมองกระจกหลังดีๆก็เห็นว่าเป็นกระบะเเวนคล้ายคันเดิมสีเดิมมีสัมภาระอยู่บนหลังคาเหมือนเดิม
จนมาถึงที่กลับรถที่สี่ กระบะเเวนคันนั้นก็ได้กลับรถไปอีกฝั่งเหมือนเดิม พอขับมาได้อีกสักพักก็มีกระบะเเวนมาจ่อท้ายรถของพ่อ
เหมือนเดิม คันเดิมสีเดิมมีสัมภาระอยู่บนหลังคาเหมือนเดิม พ่อจึงชะลอรถเพื่อให้กระบะเเวนเเซงเเต่กระบะเเวนไม่ยอมเเซง
เลยคิดว่าจะเป็นโจรปล้นเลยเหยียบคันเร่งเพื่อที่จะหนี
ตอนนั้นขับอยู่ที่ความเร็ว 150กิโลเมตรต่อชัวโมง (รถ Bmw 525i) ขับอยู่ประมาณ15นาทีถึงที่กลับรถที่ห้า ก็เห็นรถกระบะคันเดิมกลับรถไปเหมือนเดิม
จากนั้นพ่อก็เร่งความเร็วต่อ พ่อเเละเเม่ก็พร้อมใจกันสวดมนต์ เเละขับไปอีกประมาณ10นาทีได้ ก็เจอที่กลับรถที่หก เเละมีรถตู้กลับรถตามมา
เลยชะลอรถเพื่อที่จะดูว่ารถตู้จะเเซงไหม ปรากฏว่ารถตู้คันนั้นก็เเซงขึ้นหน้าเป็นปกติ
พอผ่านไปสักพักพ่อเเละเเม่ก็เห็นไฟเเดงเเละมีรถจอดรอสัญญาณไฟประมาณ10กว่าคันซึ่งเป็นสามเเยกเเละเห็นป้ายเลี้ยวซ้ายไปกระบี่
เเต่ที่ขับรถมาตั้งเเต่ต้นถนนไม่เคยเห็นรถที่รอไฟเเดงอยู่สักคัน มีเเต่รถกระบะเเวนกับรถพ่อเเเม่เเค่นั้น
พอเลี้ยวซ้ายสัก15นาทีก็เป็นตัวเมืองกระบี่เลย เเละ ขากลับพ่อเเม่ผมพยายามหาถนนเส้นเดิมเเต่ก็ไม่พบถนนเส้นนั้น
จนถึงตอนนี้ที่ผมเอามาหาก็ยังไม่พบ ไม่รู้ว่ากระบะเเวนคันนั้นคือคนหรือผีก็ไม่เเน่ใจ เป็นประสบการณ์ที่พ่อเเละเเม่เล่าให้ผมฟังอีกที
********* ถ้ามีใครรู้จักถนนเส้นนี้ช่วยบอกหน่อยนะครับ ***********