จขกท.พึ่งไปสอบนิติธรรมศาสตร์มา อย่างที่รู้ว่านิติมธ.คนสอบเยอะมากยากมาก โดยเฉพาะปีนี้ปี67 6500กว่าคน สอบเสร็จแล้วคะแนนออก จขกท.ตั้งใจอ่านทำโจทย์มาเป็นปีแต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้คะแนนไม่ถึงตามที่หวังแต่หลายคนก็เป็นกันซึ่งเราก็เข้าใจอยู่ว่าอาจจะเพราะเราประมาทก็ได้
แต่จขกท.รู้สึกเสียเวลาชีวิตมากเลยเตรียมสอบมาเป็นปีแต่กลับไม่ได้คะแนนตามที่หวัง รู้สึกว่าตั้งใจเต็มทีแล้วจริงๆ บางคนก็พึ่งมาทำ1เดือนกลับได้คะแนนเยอะแบบงงๆหรือบางคนก็เตรียมมาดีกว่าเรา ขอโทษที่อาจจะตัดพ้อเยอะไปหน่อย เข้าประเด็นละกัน
จขกท.อยากเรียนนิติศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆละ ตอนแรกม.ปลายก็เรียนม.รามเรียนๆไปซึ่งพ่อแม่ก็บอกว่าไม่ต้องตั้งใจเรียนม.รามมากเอาไว้เป็นรองๆไปก่อน ซึ่งเราก็เชื่อเขาตั้งใจหามหาลัยดีๆเรียน แต่ความฝันของเราก็คืออยากจบรามตอนม.6แต่เราต้องทิ้งความฝันนี้ไปเพราะพ่อแม่ไม่ค่อยเข้าใจหรือเราอาจจะขี้เกียจมากกว่าก็ด้วย
จากนั้นเราเลยเก็บเกรดหามหาลัยนิติศาสตร์ที่พ่อแม่คาดหวังไว้ ก็มาเจอนิติมธ. พอเราเจอตอนแรกก็คิดว่าจะสอบแค่พอใจตัวเองหมายถึงว่าไม่ติดก็ไม่เป็นไรเพราะก็ยังมีม.รามที่ยังอยากเรียนต่ออยู่หรือไม่ก็เรียนควบกันไปเลย
แต่มาคิดทีหลังว่ามันเหนื่อยมากที่ต้องเรียนทั้งสองอย่างพร้อมกันอาจจะเหมือนเรียนม.รามตอนช่วงม.ปลายที่ต้องตั้งใจเรียนม.ปลายแต่กลับต้องมาอ่านของม.รามเราเลยดรอปม.รามไป แล้วมาตั้งใจสอบเข้ามธ.
ซึ่งมาถึงปัจจุบันผลออกมาก็ไม่ได้ตามที่คาดหวังแถมเพื่อนที่สอบด้วยกับเรามีความฝันในคณะนี้ก็คะแนนก็ไม่ได้ถึงเซฟโซนอีก เพื่อนก็น่าจะไปม.กรุงเทพเขาว่างั้น แน่นอนว่ามันเสียสุขภาพจิตมากที่หวังแต่มหาลัยเดียว ซึ่งเราคิดว่าเราน่าจะทำได้เพื่อพ่อแม่เพื่อตัวเองแต่กลับทำไม่ได้ แต่ก็ทำใจมาพอสมควรแล้วว่าถ้าไม่ได้ก็แพลนB เราทำเต็มทีแล้วจริงๆตลอด1ปีที่ผ่านมา เราก็ทำโจทย์มาตลอดทั้งเหนื่อยทั้งสุขภาพจิตแย่มากๆในช่วงใกล้ๆสอบ จนรู้สึกว่ากฎหมายอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ชอบอีกต่อไปเพราะเรากดดันตัวเองจนถึงขนาดนั้น ทำให้สิ่งที่ชอบกลายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบซะแล้ว
แถมข้อสอบมธ.มี100ข้อ ปีนี้ก็ตัดพาร์ทตรรกะออกทำให้ยากกว่าเดิมมากในความคิดส่วนตัว เพิ่มพาร์ทการอ่านมาถึง40ข้อ กฎหมายอีก60ข้อ ซึ่งวัดกันด้วยสติและความเร็วเท่านั้น เราต้องฝึกทักษะคิดวิเคราะห์ให้ไวทำลายลิมิตของตัวเอง เราทำทุกวิถีทางเลยทั้งจับเวลาข้อละ2นาที อ่านบทความอย่างรวดเร็วและวิเคราะห์คำตอบออกมาให้แม่นยำ เราทำมาหมดแล้วตามที่พี่ที่เรียนพิเศษบอก
สอบPretestก็ทำมาแล้วตอนแรกได้แค่50แต่ก็ค่อยๆพัฒนามาถึง60-70 มาเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างเรียนพิเศษก็ท้อมากๆเพราะคนรอบข้างที่เรียนด้วยเพื่อนที่เรียนด้วยกันก็ตามก็ทำคะแนนได้มากกว่าตลอด เช่น90คะแนนแต่ก็ไม่ได้ตามที่เขาคาดหวังนะ แต่เข้าใจได้เพราะมันคือPretestมันยากกว่าของจริงอยู่แล้ว
ถึงวันสอบจริงเราก็มั่นใจว่าทำได้ซึ่งปรากฏตอนไปทำก็ทำได้จริงๆแถมเหลือเวลามานั่งเช็คข้ออีก ซึ่งเราคิดว่าเราทำเต็มทีแล้วจริงๆ เราทำเร็วก็จริงแต่ทุกข้อเราก็อ่านแบบละเอียดหมดไม่ว่าจะบทความหรือกฎหมาย แต่ก็เป็นไปได้ที่เราอาจจะตกหลุมบางข้อ เราอาจจะประมาทจนคะแนนออกมาไม่ได้ขนาดนี้
มันทำให้รู้สึกFailมากพอคะแนนออกมาแต่เรายังไม่บอกพ่อแม่เพราะคะแนนมันออกมาก่อนวันประกาศจริงคือวันที่23 เม.ษ. แต่มันกลับออกวันที่ 9 เม.ษ. เราก็ยังเก็บไว้ก่อนเพราะอาจจะคะแนนผิดพลาดหรืออะไรเพราะช่วงนี้ก็มีข่าวว่ามธ.ข้อสอบหลุดอีกจนทำให้คะแนนนั้นเฟ้อมากน่าจะเป็นส่วนบทความAI ซึ่งมันตั้ง5คะแนนมันกำหนดชีวิตของนักเรียนหลายๆคนเลย แต่ม.กลับยังไม่ได้ทำอะไรและน่าจะปล่อยผ่าน
ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเราโดนโกงอยู่รึปล่าว เราก็เรียนกวดวิชาเดียวด้วยแถมก็เสียตังพ่อแม่ไปเกือบครึ่งหมื่น เราก็อยากได้คะแนนที่มันออกมาดีๆไม่อยากเสียตังพ่อแม่ไปแบบว่างปล่าว แต่จขกท.ทำเต็มทีแล้วจริงๆเสียสุขภาพจิตไปเยอะมากจนรู้สึกไม่อยากเรียนกฎหมายละอยากไปวาดรูปแทน ไขว้เขวไปช่วงหนึ่งเลย แต่มาคิดดูดีๆความฝันเราเองแต่กลับทำตามความคาดหวังของคนอื่น
พ่อแม่บอกว่าทำไมเราถึงเลือกแค่ม.เดียว เพราะว่าใจจริงเรามีม.สำรองคือม.รามที่อยากเรียนต่ออยู่แล้ว ใจของเรามันอยู่ที่ม.รามอะ เพราะเพื่อนที่อยากเป็นผู้พิพากษาก็เรียนที่นั้นเราก็อยากเรียนเหมือนกัน แต่พออยากเรียนพ่อแม่กลับทำเป็นว่าลองม.ปิดก่อนไหม จุฬา ธรรมศาสตร์ ปู่ย่า ตายายเรียนที่นี่หมดเลยนะ ซึ่งเรารู้ตัวว่าจุฬาอะซิ่วไปกี่รอบก็คงไม่ติดเหรอมันเสียเวลา แถมยังต้องสอบ Tcas/a-level/คณิต1/ภาษาอื่นๆ เพื่อเข้าซึ่งรู้สึกว่าทำไมเรียนนิติต้องสอบคณิตด้วย ส่วนภาษาอะไม่มีภาษาอังกฤษ แถมเราก็เรียนห้องคำนวณเพราะคิดผิดว่าเราอาจจะไปเรียนบริหารแบบพ่อเพราะเราชอบค้าขายแต่ปรากฏว่าเราไม่ชอบเลขเลยแล้วก็ห่วยแตกมากตกตลอดไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ แต่ที่เกรดออกมาดีเพราะครูเห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ ซึ่งเราก็เลยไม่ตัดสินใจเอาจุฬา นิติถึงแม้จะมีแต่คนรอบข้างเชียร์แต่เรารู้ลึกๆอยู่แล้วว่าเราทำไม่ได้เหรอเราไม่เก่งเลขเลย+ภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่อังกฤษเราก็ต้องไปเรียนตั้งแค่แรกสู้คนที่เรียนห้องภาษาไม่ได้เหรอ เราเลยเลือกนิติ มธ.ถึงอาเราจะแอนตี้อยู่บ้างก็ตามที ซึ่งคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่าไม่ทำไม่สอบTcas/A-levelละ เพราะถ้าสอบก็จะมีตัวเลือกเพิ่มเช่น มช./เกษตร/มศว. คือเรามองว่าเราไม่อยากเข้าเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น มช.บ้านแม่อยู่เชียงใหม่ก็จริงแต่เราก็ต้องมาจากกรุงเทพมาเรียนเชียงใหม่อยู่คนเดียวแถมเรื่องฝุ่นอีกเรามีภูมิแพ้ เกษตร/มศว./อื่นๆ เรามองว่ามันไม่ได้เด่นหรือเก่งอะไรขนาดนั้น ทั้งอาจารย์ที่เรามีประสบการณ์ส่วนตัวกับม.เกษตรและมช.ที่เพื่อนเราไปแข่งขันแต่ไม่ชนะเพราะทัศนคติของอาจารย์(เรื่องนี้อยากให้เล่าเม้นมาได้นะ) แต่ก็ไม่ใช่เพียงเท่านี้เหรอว่ากันตรงๆ นอกจาก จุฬา/มธ./ราม เราก็ไม่อยากเข้าแล้วละ ม.กรุงเทพก็ได้แต่ค่าเรียนแพงมาก เราสงสารพ่อแม่
สรุปเลยก็คือ เราเลยเลือกมธ.แต่กลับผิดหวังกลับหลายอย่างๆตั้งแต่ตัวข้อสอบหรือข่าวที่ออกมา ว่าเขาไม่เห็นค่าคนที่ตั้งใจสอบขนาดนี้เลยเหรอถึงไปเอาบทความที่น่าจะเห็นได้ตามอินเตอร์เน็ต แทนที่แต่งบทความขึ้นมาใหม่แบบนี้คนดวงดีก็ติดนะซิ
ไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายสมมติอีกที่จะสมมติมาจากไหนก็ได้แต่อันนี้เราไม่ค่อยติดเพราะต้องวัดกันที่ความสามารถในการอ่านมาตราและตีความ
ส่วนตัวบทความเป็นถึง40%ของข้อสอบ แต่งขึ้นมาใหม่ก็จะแฟร์มากกว่าอาจารย์ก็มีเยอะแยะไม่ใช่เหรอ
นั้นแหละอาจจะเหมือนคนขี้แพ้โวยวายก็ได้แต่นั้นเป็นความจริงทั้งหมด ซึ่งผลออกมาเราก็ยอมรับว่าเราอาจจะประมาทจริงเก่งไม่พอเพราะคนที่เตรียมมาดีก็ได้90 เขาเป็นคนที่ตั้งใจจริงๆมากกว่า แต่ก็มีคนทีาไม่เรียนก็มีที่ได้80ถึงเซฟโซน ซึ่งความจริงแล้วเราไม่มีปัญหาอะไรเลยนอกจากข่าวที่พึ่งออกมา
สรุปจากทั้งหมดที่กล่าวมา จขกท.สอบนิติมธ.คะแนนออกมาแล้วแต่คิดว่าไม่น่าจะติด ซึ่งเราก็สัญญาไว้กับพ่อแม่แล้วว่าเราจะติดให้ได้ แต่กลับไม่ติด จขกท.กลัวว่าพ่อแม่จะผิดหวังและไม่เข้าใจว่า มีPlan Bแล้วนั้นก็คือเรียนม.รามให้จบ เทียบโอนหน่วยกิตที่เรียนพรีดีกรีมา เราไม่ได้อยากเรียนมหาลัยท็อป3ขนาดนั้นและก็ไม่ได้อยากเรียนม.รัฐอื่นๆด้วยเรารู้สึกว่าเสียเวลา เราอยากเป็นผู้พิพากษาแต่กลับต้องมาติวข้อสอบของมหาลัยนั้นๆ แทนที่จะรีบเรียนให้จบแล้วออกไปหาประสบการณ์ ถึงหนทางนี้อาจจะทำให้สอบผู้พิพากษาไม่ติดก็ไม่เป็นไรเพราะใจของเราทุ่มเทให้หมดแล้วแต่พ่อแม่ก็คงอยากให้เรียนม.รัฐ กลัวที่จะไม่มีรุ่น ไม่มีเพื่อน ไม่มีคอนเนคชั่น ซึ่งม.รามถามว่าคอนเนคชั่นจะดีเท่ามธ./จุฬาไหม ก็คงไม่เท่าเหรอแต่เราไม่อยากไปเสียเวลากับการสอบเข้าแล้วเราอยากอ่านกฎหมายไม่ใช่คณิต/ภาษา/Tgat เราอยากเรียนม.รามให้จบเกรดออกมาดีๆซึ่งเพื่อนที่อยากจะเป็นผู้พิพากษาเรียนโคตรเก่งเขาก็ไม่เข้าระบบTcasเหมือนกันเพราะเขามองว่าเสียเวลาชีวิต เสียสุขภาพจิต ซึ่งเราก็คิดเหมือนกันถึงตัดสินใจเข้ามธ.เพราะเข้ารับตรงวิชาเฉพาะ100% เราไม่อยากจะซิ่วแล้วมันเหนื่อยเราอยากเรียนในสิ่งที่ชอบไม่ใช่มาสอบอะไรก็ไม่รู้เพื่อสิ่งที่ชอบ พ่อแม่ก็คงหวังให้เราเข้าม.รัฐให้ได้เพราะเขาอาจจะถูกปลูกฝังมาแบบนั้นแต่เราก็แค่อยากเรียนอะไรก็ได้ที่มีงานมีเงินแล้วก็ชอบ เราอยากเรียนม.รามให้จบแล้วอาจจะไปต่อโท จุฬา/ธรรมศาสตร์/ไม่ก็หาทุนไปเรียนกฎหมายที่ต่างประเทศในป.โท เรารู้ว่าเรียนรามก็อาจจะหาหลู่ทางยากกว่าแต่เรามุ่งมั่นจริงๆเรามีความรับผิดชอบในการเรียนเพราะเราชอบ เราไม่ได้ถูกบังคับให้เรียนอยู่แล้ว เราเรียนเพราะเราชอบจริงๆ
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เพราะเขาก็คงจะไม่ภูมิใจในตัวเราเราสอบไม่ได้ คงทำหน้าผิดหวัง คิดว่าเราขี้เกียจไม่ยอมสอบแบบชาวบ้าน ทำไมไม่เข้าม.รัฐซักอันไม่เลือกซักคณะอะไรก็ได้ที่เป็นม.รัฐแล้วถามว่าเราเรียนแล้วเราจะอยากเรียนไหม อะไรก็ได้ที่เป็นม.รัฐก็คงต้องทรมานไปอีก4ปี เราชอบทุกอย่างของราม สังคมและเพื่อนๆที่ช่วยกันเรียน กิจกรรม แม้กระทั่งอาจารย์เราพอใจแล้วที่จะเรียนม.นี้แต่เข้ากลับใส่ไฟให้ไปเรียนม.อื่น เราไม่เข้าใจว่าทำไม มันไม่ดีตรงไหน ถึงมันจะไม่ดีแต่เราก็อยากเรียนม.นี้ ถึงผลจะออกมาแย่แต่เราเป็นคนเลือกเองเราพอใจแล้ว แล้วพยายามทำตามที่เขาบอกแล้วแต่มันกลับไม่เป็นผลสำเร็จ แต่มธ.ความจริงแล้วก็เพราะเราอยากเรียนด้วยแหละ แต่ปัจจุบันนี้คงต้องนอปีหน้าแล้ว
เรายังไม่บอกพ่อแม่เพราะผลออก 23เม.ษ.ทางการจริงๆ แต่เราไม่รู้จะพูดอย่างไงให้เขาเข้าใจ พ่อแม่รักเราจริงๆอยู่แล้วแต่แค่เขาไม่เข้าใจเราซักทีแล้วมันเหนื่อยที่จะต้องเก็บไว้คนเดียว ปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องใส่ใจแต่ความจริงก็ไม่เป็นอย่างงั้น ถึงเราจะอธิบาย พอเราเรียนรามได้Aมาเขาก็คงจะทำหน้างั้นๆ เพราะไม่ใช่ม.รัฐ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เรียนโรงเรียนเอกชนแล้ว ถึงเราจะเกรด4เกือบทุกวิชาก็ตาม บางอย่างเราก็เข้าใจผิดไปบ้างก็มีแต่นี้ก็คือความรู้สึกของจขกท.จริงๆ อาจจะยาวไปหน่อยเพราะเก็บกดมากก แต่ตอนนี้พร้อมที่จะMoveonไปทำในวิ่งที่ชอบแล้ว แต่พ่อแม่ก็ยังคงคาดหวัง ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี คิดไม่ออกเลยจริงๆ
ส่วนเรื่องเรียนตอนเรียนพรีดรีกรีม.รามเราเรียนได้อยู่นะ ขนาดอ่าน2-3วันสอบก็ยังผ่าน แต่เกรดก็ตามสภาพ แต่เรากะว่ากลับไปจะตั้งใจทำให้เกรดมันดีขึ้น ตอนนี้รู้สึกท้อแท้แล้วก็ไม่ค่อยมีกำลังจะเรียนอะไรแล้ว อยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆว่าถ้าเป็นแบบนี้ควรจะทำยังไงดี
สอบนิติธรรมศาสตร์คะแนนไม่น่าถึงแต่ก็ไม่อยากซิ่วไปสอบอีกรอบรู้สึกเสียเวลา
แต่จขกท.รู้สึกเสียเวลาชีวิตมากเลยเตรียมสอบมาเป็นปีแต่กลับไม่ได้คะแนนตามที่หวัง รู้สึกว่าตั้งใจเต็มทีแล้วจริงๆ บางคนก็พึ่งมาทำ1เดือนกลับได้คะแนนเยอะแบบงงๆหรือบางคนก็เตรียมมาดีกว่าเรา ขอโทษที่อาจจะตัดพ้อเยอะไปหน่อย เข้าประเด็นละกัน
จขกท.อยากเรียนนิติศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆละ ตอนแรกม.ปลายก็เรียนม.รามเรียนๆไปซึ่งพ่อแม่ก็บอกว่าไม่ต้องตั้งใจเรียนม.รามมากเอาไว้เป็นรองๆไปก่อน ซึ่งเราก็เชื่อเขาตั้งใจหามหาลัยดีๆเรียน แต่ความฝันของเราก็คืออยากจบรามตอนม.6แต่เราต้องทิ้งความฝันนี้ไปเพราะพ่อแม่ไม่ค่อยเข้าใจหรือเราอาจจะขี้เกียจมากกว่าก็ด้วย
จากนั้นเราเลยเก็บเกรดหามหาลัยนิติศาสตร์ที่พ่อแม่คาดหวังไว้ ก็มาเจอนิติมธ. พอเราเจอตอนแรกก็คิดว่าจะสอบแค่พอใจตัวเองหมายถึงว่าไม่ติดก็ไม่เป็นไรเพราะก็ยังมีม.รามที่ยังอยากเรียนต่ออยู่หรือไม่ก็เรียนควบกันไปเลย
แต่มาคิดทีหลังว่ามันเหนื่อยมากที่ต้องเรียนทั้งสองอย่างพร้อมกันอาจจะเหมือนเรียนม.รามตอนช่วงม.ปลายที่ต้องตั้งใจเรียนม.ปลายแต่กลับต้องมาอ่านของม.รามเราเลยดรอปม.รามไป แล้วมาตั้งใจสอบเข้ามธ.
ซึ่งมาถึงปัจจุบันผลออกมาก็ไม่ได้ตามที่คาดหวังแถมเพื่อนที่สอบด้วยกับเรามีความฝันในคณะนี้ก็คะแนนก็ไม่ได้ถึงเซฟโซนอีก เพื่อนก็น่าจะไปม.กรุงเทพเขาว่างั้น แน่นอนว่ามันเสียสุขภาพจิตมากที่หวังแต่มหาลัยเดียว ซึ่งเราคิดว่าเราน่าจะทำได้เพื่อพ่อแม่เพื่อตัวเองแต่กลับทำไม่ได้ แต่ก็ทำใจมาพอสมควรแล้วว่าถ้าไม่ได้ก็แพลนB เราทำเต็มทีแล้วจริงๆตลอด1ปีที่ผ่านมา เราก็ทำโจทย์มาตลอดทั้งเหนื่อยทั้งสุขภาพจิตแย่มากๆในช่วงใกล้ๆสอบ จนรู้สึกว่ากฎหมายอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ชอบอีกต่อไปเพราะเรากดดันตัวเองจนถึงขนาดนั้น ทำให้สิ่งที่ชอบกลายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบซะแล้ว
แถมข้อสอบมธ.มี100ข้อ ปีนี้ก็ตัดพาร์ทตรรกะออกทำให้ยากกว่าเดิมมากในความคิดส่วนตัว เพิ่มพาร์ทการอ่านมาถึง40ข้อ กฎหมายอีก60ข้อ ซึ่งวัดกันด้วยสติและความเร็วเท่านั้น เราต้องฝึกทักษะคิดวิเคราะห์ให้ไวทำลายลิมิตของตัวเอง เราทำทุกวิถีทางเลยทั้งจับเวลาข้อละ2นาที อ่านบทความอย่างรวดเร็วและวิเคราะห์คำตอบออกมาให้แม่นยำ เราทำมาหมดแล้วตามที่พี่ที่เรียนพิเศษบอก
สอบPretestก็ทำมาแล้วตอนแรกได้แค่50แต่ก็ค่อยๆพัฒนามาถึง60-70 มาเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างเรียนพิเศษก็ท้อมากๆเพราะคนรอบข้างที่เรียนด้วยเพื่อนที่เรียนด้วยกันก็ตามก็ทำคะแนนได้มากกว่าตลอด เช่น90คะแนนแต่ก็ไม่ได้ตามที่เขาคาดหวังนะ แต่เข้าใจได้เพราะมันคือPretestมันยากกว่าของจริงอยู่แล้ว
ถึงวันสอบจริงเราก็มั่นใจว่าทำได้ซึ่งปรากฏตอนไปทำก็ทำได้จริงๆแถมเหลือเวลามานั่งเช็คข้ออีก ซึ่งเราคิดว่าเราทำเต็มทีแล้วจริงๆ เราทำเร็วก็จริงแต่ทุกข้อเราก็อ่านแบบละเอียดหมดไม่ว่าจะบทความหรือกฎหมาย แต่ก็เป็นไปได้ที่เราอาจจะตกหลุมบางข้อ เราอาจจะประมาทจนคะแนนออกมาไม่ได้ขนาดนี้
มันทำให้รู้สึกFailมากพอคะแนนออกมาแต่เรายังไม่บอกพ่อแม่เพราะคะแนนมันออกมาก่อนวันประกาศจริงคือวันที่23 เม.ษ. แต่มันกลับออกวันที่ 9 เม.ษ. เราก็ยังเก็บไว้ก่อนเพราะอาจจะคะแนนผิดพลาดหรืออะไรเพราะช่วงนี้ก็มีข่าวว่ามธ.ข้อสอบหลุดอีกจนทำให้คะแนนนั้นเฟ้อมากน่าจะเป็นส่วนบทความAI ซึ่งมันตั้ง5คะแนนมันกำหนดชีวิตของนักเรียนหลายๆคนเลย แต่ม.กลับยังไม่ได้ทำอะไรและน่าจะปล่อยผ่าน
ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเราโดนโกงอยู่รึปล่าว เราก็เรียนกวดวิชาเดียวด้วยแถมก็เสียตังพ่อแม่ไปเกือบครึ่งหมื่น เราก็อยากได้คะแนนที่มันออกมาดีๆไม่อยากเสียตังพ่อแม่ไปแบบว่างปล่าว แต่จขกท.ทำเต็มทีแล้วจริงๆเสียสุขภาพจิตไปเยอะมากจนรู้สึกไม่อยากเรียนกฎหมายละอยากไปวาดรูปแทน ไขว้เขวไปช่วงหนึ่งเลย แต่มาคิดดูดีๆความฝันเราเองแต่กลับทำตามความคาดหวังของคนอื่น
พ่อแม่บอกว่าทำไมเราถึงเลือกแค่ม.เดียว เพราะว่าใจจริงเรามีม.สำรองคือม.รามที่อยากเรียนต่ออยู่แล้ว ใจของเรามันอยู่ที่ม.รามอะ เพราะเพื่อนที่อยากเป็นผู้พิพากษาก็เรียนที่นั้นเราก็อยากเรียนเหมือนกัน แต่พออยากเรียนพ่อแม่กลับทำเป็นว่าลองม.ปิดก่อนไหม จุฬา ธรรมศาสตร์ ปู่ย่า ตายายเรียนที่นี่หมดเลยนะ ซึ่งเรารู้ตัวว่าจุฬาอะซิ่วไปกี่รอบก็คงไม่ติดเหรอมันเสียเวลา แถมยังต้องสอบ Tcas/a-level/คณิต1/ภาษาอื่นๆ เพื่อเข้าซึ่งรู้สึกว่าทำไมเรียนนิติต้องสอบคณิตด้วย ส่วนภาษาอะไม่มีภาษาอังกฤษ แถมเราก็เรียนห้องคำนวณเพราะคิดผิดว่าเราอาจจะไปเรียนบริหารแบบพ่อเพราะเราชอบค้าขายแต่ปรากฏว่าเราไม่ชอบเลขเลยแล้วก็ห่วยแตกมากตกตลอดไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ แต่ที่เกรดออกมาดีเพราะครูเห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ ซึ่งเราก็เลยไม่ตัดสินใจเอาจุฬา นิติถึงแม้จะมีแต่คนรอบข้างเชียร์แต่เรารู้ลึกๆอยู่แล้วว่าเราทำไม่ได้เหรอเราไม่เก่งเลขเลย+ภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่อังกฤษเราก็ต้องไปเรียนตั้งแค่แรกสู้คนที่เรียนห้องภาษาไม่ได้เหรอ เราเลยเลือกนิติ มธ.ถึงอาเราจะแอนตี้อยู่บ้างก็ตามที ซึ่งคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่าไม่ทำไม่สอบTcas/A-levelละ เพราะถ้าสอบก็จะมีตัวเลือกเพิ่มเช่น มช./เกษตร/มศว. คือเรามองว่าเราไม่อยากเข้าเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น มช.บ้านแม่อยู่เชียงใหม่ก็จริงแต่เราก็ต้องมาจากกรุงเทพมาเรียนเชียงใหม่อยู่คนเดียวแถมเรื่องฝุ่นอีกเรามีภูมิแพ้ เกษตร/มศว./อื่นๆ เรามองว่ามันไม่ได้เด่นหรือเก่งอะไรขนาดนั้น ทั้งอาจารย์ที่เรามีประสบการณ์ส่วนตัวกับม.เกษตรและมช.ที่เพื่อนเราไปแข่งขันแต่ไม่ชนะเพราะทัศนคติของอาจารย์(เรื่องนี้อยากให้เล่าเม้นมาได้นะ) แต่ก็ไม่ใช่เพียงเท่านี้เหรอว่ากันตรงๆ นอกจาก จุฬา/มธ./ราม เราก็ไม่อยากเข้าแล้วละ ม.กรุงเทพก็ได้แต่ค่าเรียนแพงมาก เราสงสารพ่อแม่
สรุปเลยก็คือ เราเลยเลือกมธ.แต่กลับผิดหวังกลับหลายอย่างๆตั้งแต่ตัวข้อสอบหรือข่าวที่ออกมา ว่าเขาไม่เห็นค่าคนที่ตั้งใจสอบขนาดนี้เลยเหรอถึงไปเอาบทความที่น่าจะเห็นได้ตามอินเตอร์เน็ต แทนที่แต่งบทความขึ้นมาใหม่แบบนี้คนดวงดีก็ติดนะซิ
ไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายสมมติอีกที่จะสมมติมาจากไหนก็ได้แต่อันนี้เราไม่ค่อยติดเพราะต้องวัดกันที่ความสามารถในการอ่านมาตราและตีความ
ส่วนตัวบทความเป็นถึง40%ของข้อสอบ แต่งขึ้นมาใหม่ก็จะแฟร์มากกว่าอาจารย์ก็มีเยอะแยะไม่ใช่เหรอ
นั้นแหละอาจจะเหมือนคนขี้แพ้โวยวายก็ได้แต่นั้นเป็นความจริงทั้งหมด ซึ่งผลออกมาเราก็ยอมรับว่าเราอาจจะประมาทจริงเก่งไม่พอเพราะคนที่เตรียมมาดีก็ได้90 เขาเป็นคนที่ตั้งใจจริงๆมากกว่า แต่ก็มีคนทีาไม่เรียนก็มีที่ได้80ถึงเซฟโซน ซึ่งความจริงแล้วเราไม่มีปัญหาอะไรเลยนอกจากข่าวที่พึ่งออกมา
สรุปจากทั้งหมดที่กล่าวมา จขกท.สอบนิติมธ.คะแนนออกมาแล้วแต่คิดว่าไม่น่าจะติด ซึ่งเราก็สัญญาไว้กับพ่อแม่แล้วว่าเราจะติดให้ได้ แต่กลับไม่ติด จขกท.กลัวว่าพ่อแม่จะผิดหวังและไม่เข้าใจว่า มีPlan Bแล้วนั้นก็คือเรียนม.รามให้จบ เทียบโอนหน่วยกิตที่เรียนพรีดีกรีมา เราไม่ได้อยากเรียนมหาลัยท็อป3ขนาดนั้นและก็ไม่ได้อยากเรียนม.รัฐอื่นๆด้วยเรารู้สึกว่าเสียเวลา เราอยากเป็นผู้พิพากษาแต่กลับต้องมาติวข้อสอบของมหาลัยนั้นๆ แทนที่จะรีบเรียนให้จบแล้วออกไปหาประสบการณ์ ถึงหนทางนี้อาจจะทำให้สอบผู้พิพากษาไม่ติดก็ไม่เป็นไรเพราะใจของเราทุ่มเทให้หมดแล้วแต่พ่อแม่ก็คงอยากให้เรียนม.รัฐ กลัวที่จะไม่มีรุ่น ไม่มีเพื่อน ไม่มีคอนเนคชั่น ซึ่งม.รามถามว่าคอนเนคชั่นจะดีเท่ามธ./จุฬาไหม ก็คงไม่เท่าเหรอแต่เราไม่อยากไปเสียเวลากับการสอบเข้าแล้วเราอยากอ่านกฎหมายไม่ใช่คณิต/ภาษา/Tgat เราอยากเรียนม.รามให้จบเกรดออกมาดีๆซึ่งเพื่อนที่อยากจะเป็นผู้พิพากษาเรียนโคตรเก่งเขาก็ไม่เข้าระบบTcasเหมือนกันเพราะเขามองว่าเสียเวลาชีวิต เสียสุขภาพจิต ซึ่งเราก็คิดเหมือนกันถึงตัดสินใจเข้ามธ.เพราะเข้ารับตรงวิชาเฉพาะ100% เราไม่อยากจะซิ่วแล้วมันเหนื่อยเราอยากเรียนในสิ่งที่ชอบไม่ใช่มาสอบอะไรก็ไม่รู้เพื่อสิ่งที่ชอบ พ่อแม่ก็คงหวังให้เราเข้าม.รัฐให้ได้เพราะเขาอาจจะถูกปลูกฝังมาแบบนั้นแต่เราก็แค่อยากเรียนอะไรก็ได้ที่มีงานมีเงินแล้วก็ชอบ เราอยากเรียนม.รามให้จบแล้วอาจจะไปต่อโท จุฬา/ธรรมศาสตร์/ไม่ก็หาทุนไปเรียนกฎหมายที่ต่างประเทศในป.โท เรารู้ว่าเรียนรามก็อาจจะหาหลู่ทางยากกว่าแต่เรามุ่งมั่นจริงๆเรามีความรับผิดชอบในการเรียนเพราะเราชอบ เราไม่ได้ถูกบังคับให้เรียนอยู่แล้ว เราเรียนเพราะเราชอบจริงๆ
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เพราะเขาก็คงจะไม่ภูมิใจในตัวเราเราสอบไม่ได้ คงทำหน้าผิดหวัง คิดว่าเราขี้เกียจไม่ยอมสอบแบบชาวบ้าน ทำไมไม่เข้าม.รัฐซักอันไม่เลือกซักคณะอะไรก็ได้ที่เป็นม.รัฐแล้วถามว่าเราเรียนแล้วเราจะอยากเรียนไหม อะไรก็ได้ที่เป็นม.รัฐก็คงต้องทรมานไปอีก4ปี เราชอบทุกอย่างของราม สังคมและเพื่อนๆที่ช่วยกันเรียน กิจกรรม แม้กระทั่งอาจารย์เราพอใจแล้วที่จะเรียนม.นี้แต่เข้ากลับใส่ไฟให้ไปเรียนม.อื่น เราไม่เข้าใจว่าทำไม มันไม่ดีตรงไหน ถึงมันจะไม่ดีแต่เราก็อยากเรียนม.นี้ ถึงผลจะออกมาแย่แต่เราเป็นคนเลือกเองเราพอใจแล้ว แล้วพยายามทำตามที่เขาบอกแล้วแต่มันกลับไม่เป็นผลสำเร็จ แต่มธ.ความจริงแล้วก็เพราะเราอยากเรียนด้วยแหละ แต่ปัจจุบันนี้คงต้องนอปีหน้าแล้ว
เรายังไม่บอกพ่อแม่เพราะผลออก 23เม.ษ.ทางการจริงๆ แต่เราไม่รู้จะพูดอย่างไงให้เขาเข้าใจ พ่อแม่รักเราจริงๆอยู่แล้วแต่แค่เขาไม่เข้าใจเราซักทีแล้วมันเหนื่อยที่จะต้องเก็บไว้คนเดียว ปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องใส่ใจแต่ความจริงก็ไม่เป็นอย่างงั้น ถึงเราจะอธิบาย พอเราเรียนรามได้Aมาเขาก็คงจะทำหน้างั้นๆ เพราะไม่ใช่ม.รัฐ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เรียนโรงเรียนเอกชนแล้ว ถึงเราจะเกรด4เกือบทุกวิชาก็ตาม บางอย่างเราก็เข้าใจผิดไปบ้างก็มีแต่นี้ก็คือความรู้สึกของจขกท.จริงๆ อาจจะยาวไปหน่อยเพราะเก็บกดมากก แต่ตอนนี้พร้อมที่จะMoveonไปทำในวิ่งที่ชอบแล้ว แต่พ่อแม่ก็ยังคงคาดหวัง ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี คิดไม่ออกเลยจริงๆ
ส่วนเรื่องเรียนตอนเรียนพรีดรีกรีม.รามเราเรียนได้อยู่นะ ขนาดอ่าน2-3วันสอบก็ยังผ่าน แต่เกรดก็ตามสภาพ แต่เรากะว่ากลับไปจะตั้งใจทำให้เกรดมันดีขึ้น ตอนนี้รู้สึกท้อแท้แล้วก็ไม่ค่อยมีกำลังจะเรียนอะไรแล้ว อยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆว่าถ้าเป็นแบบนี้ควรจะทำยังไงดี