แค่หัวข้อของกระทู้นี้ทุกคนอาจจะสงสัยว่ากันว่า "จะถามทำไม" แต่สำหรับตัวหนูเองแล้วหนูไม่เข้าใจความหมายของมันจริงๆเลย
ขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อว่า "เอ" (เป็นนามสมมุตินะคะ) ตอนนี้หนูอายุ18 ปีแล้วตอนนี้หนูกำลังอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ค่ะ หนูรู้สึกสงสัยว่าชีวิตของหนูมันแตกต่างจากชีวิตคนอื่นไหม เพราะที่หนูกำลังจะเล่าในกระทู้นี้เป็นเรื่องราวที่หนูเคยเจอมาตั้งแต่เด็กถึงตอนนี้
ชีวิตของเอตอนเด็กไม่ได้ดีมาก หนูเกิดมาในชีวิตฐานะยากจนตั้งแต่ที่หนูจำความได้ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 4-5 ขวบ เมื่อก่อนหนูเป็นเด็กที่ป่วยง่ายร่างกายค่อนข้างอ่อนแอเลยก็ว่าได้เลยค่ะ หนูเกาะยาแทนขนมได้เลยแหละตอนนั้น จำได้ว่าตอนนั้นหนูเป็นเด็กที่ร่างเริงมาก อารมณ์ดี เป็นเด็กน่ารัก ชอบอะไรใหม่ๆ แล้วก็ กล้าแสดงออก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมต่างที่หนูต้องเจอมาเลยทำให้หนูคิดว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่เพราะว่าทั้งคู่ท่านตัดสินใจแยกทางแล้วหย่ากันแล้วพวกท่านตัดสินใจฝากให้ยายเลี้ยงหนู ตอนแรกหนูก็จำไม่ได้มากว่าตัวเองมาอยู่กับยายได้ยังไงเพราะตอนนั้นหนูยังเด็กมากๆก่อนที่พวกท่านจะไปเขาถามหนูด้วยว่าจะเลือกอยู่กับใคร? "เอลูกจะเลือกอยู่กับใคร ระหว่าง.. ปะป๊า กับ แม่ " หนูเลือกอยู่กับใครเพราะว่าหนูไม่ชอบแม่ตัวเองเลย อั้นนั้นแหน่ะ! อยากรู้ล่ะสิเพราะอะไรแต่เอาไว้ก่อนนะคะเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ
หนูถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่งตอนนั้นหนูไม่มีเพื่อนคนไหนอยากเล่นด้วยเลย เลยจำเป็นต้องไปเล่นกับเด็กผู้ชายแทนตั้งแต่ป.1-2 ตอนนั้นหนูเหมือนกับเด็กทอมบอยมากๆเล่นแต่กับเด็กผู้ชายจนเพื่อนผู้หญิงไม่กล้าเข้าใกล้ หนูเลยได้นิสัยติดมากับเด็กผู้ชายมาเต็มๆทั้งดื้อทั้งซนชอบวิ่งเล่นไปทั่วเลยค่ะถึงเป็นแบบนั้นหนูจะมีความสุขดีจนมาถึงตอนหนูอยู่ ป.4-5-6 ในสมัยตอนนั้นเป็นยุคของเป็นบลูลี่และล้อชื่อพ่อแม่ซึ่งมันก็แน่นอนค่ะหนูกลายเป็นคนที่ถูกรังแกอยู่บ่อยๆครั้งจากเพื่อนผู้หญิงกลุ่มใหญ่ๆมีอยู่ประมาณ 6-7 คน หนูโดนรังแกมาเยอะมากๆไม่ว่าจะเป็น โดนเขียนโต๊ะด้วยคำพูดไม่ดี โดน
น้ำลายใส่หน้า โดนเหยียบหัว โดนขังไว้ในห้องตอนเข้าแถว โดนเอาน้ำสาดหนูในห้องน้ำบ้างทุกครั้งที่หนูโดนสาดน้ำใส่หนูตัวเปียกออกห้องน้ำมาทุกครั้งเลยค่ะ55555 แล้วก็สุดท้ายเอาปมด้อยของหนูมาแต่งเป็นกลอนส่งครูภาษาไทย หนูต้องอดทนแล้วก็พยายามมากกว่าจะผ่านมาได้ หนูร้องไห้กลับบ้านทุกวันพร้อมบอกกับยายตลอดเลยได้ "หนูอยากย้ายโรงเรียน" "หนูไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอยากตาย" คำพูดนั้นเหมือนพวกผู้ใหญ่ดูไม่ได้สนใจมันมากยายก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากบอกกับหนูว่า ให้หนูสวนพวกมันกลับบ้างแต่หนูทำไม่ได้เพราะพวกนั้นมีคนเยอะตัวหนูคนเดียวจะไปสู้อะไรได้นอกจากฟ้องครู หลังนี้ที่หนูฟ้องครูทุกอย่างมันยิ่งแย่กว่าเดิมมากๆหนูโดนรังแกหนักมากขึ้นกว่าเดิมมากๆจนหนูป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่หนูอายุยังน้อยตอนนั้นหนูกำลังอายุแค่11 ปีเองค่ะแต่หนูไม่รู้ตัวว่าเป็นมาตั้งแต่เด็กเพราะว่าหนูไม่ได้สังเกตแล้วก็ไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบนี้ใจจริงๆหนูไม่ได้อยากจะเป็นเลยแต่หนูก็ทำอะไรไม่มากหนูพึ่งมารู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามา 7-8 ปีแล้วเมื่อ2ปี ก่อนหนูเข้ารับรักษาโรคนี้โดยการช็อตไฟฟ้าบอกตามตรงมันทรนามมากๆหนูดิ้นไม่ได้ ทำได้แค่ร้องไห้เพราะว่าอดีตมันเจ็บปวดมากแล้วมันก็ยากที่จะลืมมันไปได้สาเหตุที่หนูเลือกที่จะอยู่กับปะป๊าเพราะว่า หนูโดนแม่ตัวเองทุบตีมาตั้งแต่เด็กๆตอนที่หนูยังอยู่ในศูนย์เด็กเล็กหนูดื้อกับแม่มากๆด้วยความที่หนูติดปะป๊ามากแต่ปะป๊าเหมือนจะไม่ว่างอยู่ตลอดเลยบางวันก็ไม่กลับบ้านเลยเพราะต้องทำงานหนักมากๆแม่เลยต้องเป็นคนเลี้ยงหนูตอนที่ปะป๊าไม่อยู่แต่ตอนที่ปะป๊าออกไปทำงานมักจะกลับบ้านดึกๆตลอดไม่มีเวลามาเล่นกับหนูบ้างเลย ปะป๊ากับแม่มักจะทะเลาะกันแรงงมากๆอยู่ตลอดเลยหนูต้องเห็นพ่อแม่ตัวเองทะเลาะกันทุกวันแบบนี้อยู่เป็นประจำจนกระทั่งแม่เริ่มมากลับหนูที่ศูนย์เด็กเล็กหนูคิดว่าจะได้กลับบ้านแต่แม่เริ่มพาหนูมาที่ร้านเหล้าตองทุกๆวันเอาหนูมาฝากกับเจ้าของร้านเพราะแม่สนิทกับพี่เจ้าของร้านมากๆจนอยู่มาวันหนึ่งหนูเริ่มงอแงกับแม่ว่าอยากกลับบ้านแต่ตอนนั้นแม่กำลังนั่งเล่นไพ่กินเหล้าสูบบุหรี่กับเพื่อนของแก หนูงอแงหนักมากร้องหาแต่ปะป๊าว่า "ปะป๊าอยู่ไหน หนูอยากไปหาปะป๊า" จนแม่เริ่มโมโหเลยตะคอกใส่หนูเสียงดังว่า "เอ่อ!! เดี๋ยวจะพาไปหาปะป๊า" หนูดีใจมากที่แม่จะพาไปหาปะป๊าแต่แม่ไม่ได้พาหนูไปหาปะป๊า แม่พาหนูกลับมาที่บ้านแล้วเริ่มทำร้ายร่างกายหนู หนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ หนูเจ็บมากๆร้องไห้ขอให้ปะป๊ามาช่วยแต่ก็ไม่มีใครมาช่วยหนูได้เลยจนหนูต้องยกมือไหว้ขอชีวิตกับแม่ตัวเองหนูต้องโดนแบบนั้นนานมากพอแม่ใจเย็นลงก็บอกให้หนูไปอาบน้ำเข้านอน แล้วแม่ก็ขี่รถกลับไปที่ร้านเหล้านั้นต่อ วันถัดๆมาตามตัวหนูมีรอยซ้ำจากการถูกทำร้ายเต็มตัว พอปะป๊าขอหนูเห็นรอยนั้นก็ฟ้องหย่ากับแม่ที่ผ่านมาหนูเจออะไรมาเยอะมากๆ หนูได้มารู้ความจริงทั้งหมดจากปะป๊าตอนหนูอายุ16 ปี สภาพแวดล้อมแรงกดดันต่างๆที่หนูต้องเจอมาทำให้ยายเริ่มไม่เข้าใจทำไมหนูต้องร้องไห้ทุกวันหนูอาการหนักกว่าเดิมจนหนูเริ่มทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการกรีดแขนตั้งแต่ข้อมือจนถึงข้อพับของแขนจนเป็นรอยแผลเป็นที่กรีดทับกันอยู่หลายๆเส้นเต็มแขนทั้งสองข้าง พยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จอยู่หลายครั้ง จนหนูต้องถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงบาลจิตเวชแล้วก็พยายามรักษามาเรื่อยๆด้วยการกินยาที่หมอสั่งให้กินหนูเล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนหนูฟังพร้อมกับร้องไห้ไป
เขาก็ปลอบหนูแล้วก็พูดว่า ไม่เป็นไร "ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่นะ" ครั้งแรกที่หนูได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเขาหนูรู้สึกดีแล้วก็แย่ในเวลาเดียวกันรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูกแต่ก็ไม่เข้าใจความหมายของมันจริงๆเลย เรื่องราวที่หนูได้มาเล่าในกระทู้นี้เป็นความจริงที่หนูเจอมาทั้งหมดแล้วหนูได้มาเล่าประสบการณ์ในวัยที่แสนเลวร้ายให้ทุกวันได้ฟังกัน อย่าพึ่งหมดหวังในตัวเองนะคะ หนูเชื่อว่าต้องมีคนได้อ่าน ส่วนหนูขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆน้องๆทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ.
ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่ คืออะไร?
ขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อว่า "เอ" (เป็นนามสมมุตินะคะ) ตอนนี้หนูอายุ18 ปีแล้วตอนนี้หนูกำลังอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ค่ะ หนูรู้สึกสงสัยว่าชีวิตของหนูมันแตกต่างจากชีวิตคนอื่นไหม เพราะที่หนูกำลังจะเล่าในกระทู้นี้เป็นเรื่องราวที่หนูเคยเจอมาตั้งแต่เด็กถึงตอนนี้
ชีวิตของเอตอนเด็กไม่ได้ดีมาก หนูเกิดมาในชีวิตฐานะยากจนตั้งแต่ที่หนูจำความได้ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 4-5 ขวบ เมื่อก่อนหนูเป็นเด็กที่ป่วยง่ายร่างกายค่อนข้างอ่อนแอเลยก็ว่าได้เลยค่ะ หนูเกาะยาแทนขนมได้เลยแหละตอนนั้น จำได้ว่าตอนนั้นหนูเป็นเด็กที่ร่างเริงมาก อารมณ์ดี เป็นเด็กน่ารัก ชอบอะไรใหม่ๆ แล้วก็ กล้าแสดงออก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมต่างที่หนูต้องเจอมาเลยทำให้หนูคิดว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่เพราะว่าทั้งคู่ท่านตัดสินใจแยกทางแล้วหย่ากันแล้วพวกท่านตัดสินใจฝากให้ยายเลี้ยงหนู ตอนแรกหนูก็จำไม่ได้มากว่าตัวเองมาอยู่กับยายได้ยังไงเพราะตอนนั้นหนูยังเด็กมากๆก่อนที่พวกท่านจะไปเขาถามหนูด้วยว่าจะเลือกอยู่กับใคร? "เอลูกจะเลือกอยู่กับใคร ระหว่าง.. ปะป๊า กับ แม่ " หนูเลือกอยู่กับใครเพราะว่าหนูไม่ชอบแม่ตัวเองเลย อั้นนั้นแหน่ะ! อยากรู้ล่ะสิเพราะอะไรแต่เอาไว้ก่อนนะคะเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ
หนูถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่งตอนนั้นหนูไม่มีเพื่อนคนไหนอยากเล่นด้วยเลย เลยจำเป็นต้องไปเล่นกับเด็กผู้ชายแทนตั้งแต่ป.1-2 ตอนนั้นหนูเหมือนกับเด็กทอมบอยมากๆเล่นแต่กับเด็กผู้ชายจนเพื่อนผู้หญิงไม่กล้าเข้าใกล้ หนูเลยได้นิสัยติดมากับเด็กผู้ชายมาเต็มๆทั้งดื้อทั้งซนชอบวิ่งเล่นไปทั่วเลยค่ะถึงเป็นแบบนั้นหนูจะมีความสุขดีจนมาถึงตอนหนูอยู่ ป.4-5-6 ในสมัยตอนนั้นเป็นยุคของเป็นบลูลี่และล้อชื่อพ่อแม่ซึ่งมันก็แน่นอนค่ะหนูกลายเป็นคนที่ถูกรังแกอยู่บ่อยๆครั้งจากเพื่อนผู้หญิงกลุ่มใหญ่ๆมีอยู่ประมาณ 6-7 คน หนูโดนรังแกมาเยอะมากๆไม่ว่าจะเป็น โดนเขียนโต๊ะด้วยคำพูดไม่ดี โดนน้ำลายใส่หน้า โดนเหยียบหัว โดนขังไว้ในห้องตอนเข้าแถว โดนเอาน้ำสาดหนูในห้องน้ำบ้างทุกครั้งที่หนูโดนสาดน้ำใส่หนูตัวเปียกออกห้องน้ำมาทุกครั้งเลยค่ะ55555 แล้วก็สุดท้ายเอาปมด้อยของหนูมาแต่งเป็นกลอนส่งครูภาษาไทย หนูต้องอดทนแล้วก็พยายามมากกว่าจะผ่านมาได้ หนูร้องไห้กลับบ้านทุกวันพร้อมบอกกับยายตลอดเลยได้ "หนูอยากย้ายโรงเรียน" "หนูไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอยากตาย" คำพูดนั้นเหมือนพวกผู้ใหญ่ดูไม่ได้สนใจมันมากยายก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากบอกกับหนูว่า ให้หนูสวนพวกมันกลับบ้างแต่หนูทำไม่ได้เพราะพวกนั้นมีคนเยอะตัวหนูคนเดียวจะไปสู้อะไรได้นอกจากฟ้องครู หลังนี้ที่หนูฟ้องครูทุกอย่างมันยิ่งแย่กว่าเดิมมากๆหนูโดนรังแกหนักมากขึ้นกว่าเดิมมากๆจนหนูป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่หนูอายุยังน้อยตอนนั้นหนูกำลังอายุแค่11 ปีเองค่ะแต่หนูไม่รู้ตัวว่าเป็นมาตั้งแต่เด็กเพราะว่าหนูไม่ได้สังเกตแล้วก็ไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบนี้ใจจริงๆหนูไม่ได้อยากจะเป็นเลยแต่หนูก็ทำอะไรไม่มากหนูพึ่งมารู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามา 7-8 ปีแล้วเมื่อ2ปี ก่อนหนูเข้ารับรักษาโรคนี้โดยการช็อตไฟฟ้าบอกตามตรงมันทรนามมากๆหนูดิ้นไม่ได้ ทำได้แค่ร้องไห้เพราะว่าอดีตมันเจ็บปวดมากแล้วมันก็ยากที่จะลืมมันไปได้สาเหตุที่หนูเลือกที่จะอยู่กับปะป๊าเพราะว่า หนูโดนแม่ตัวเองทุบตีมาตั้งแต่เด็กๆตอนที่หนูยังอยู่ในศูนย์เด็กเล็กหนูดื้อกับแม่มากๆด้วยความที่หนูติดปะป๊ามากแต่ปะป๊าเหมือนจะไม่ว่างอยู่ตลอดเลยบางวันก็ไม่กลับบ้านเลยเพราะต้องทำงานหนักมากๆแม่เลยต้องเป็นคนเลี้ยงหนูตอนที่ปะป๊าไม่อยู่แต่ตอนที่ปะป๊าออกไปทำงานมักจะกลับบ้านดึกๆตลอดไม่มีเวลามาเล่นกับหนูบ้างเลย ปะป๊ากับแม่มักจะทะเลาะกันแรงงมากๆอยู่ตลอดเลยหนูต้องเห็นพ่อแม่ตัวเองทะเลาะกันทุกวันแบบนี้อยู่เป็นประจำจนกระทั่งแม่เริ่มมากลับหนูที่ศูนย์เด็กเล็กหนูคิดว่าจะได้กลับบ้านแต่แม่เริ่มพาหนูมาที่ร้านเหล้าตองทุกๆวันเอาหนูมาฝากกับเจ้าของร้านเพราะแม่สนิทกับพี่เจ้าของร้านมากๆจนอยู่มาวันหนึ่งหนูเริ่มงอแงกับแม่ว่าอยากกลับบ้านแต่ตอนนั้นแม่กำลังนั่งเล่นไพ่กินเหล้าสูบบุหรี่กับเพื่อนของแก หนูงอแงหนักมากร้องหาแต่ปะป๊าว่า "ปะป๊าอยู่ไหน หนูอยากไปหาปะป๊า" จนแม่เริ่มโมโหเลยตะคอกใส่หนูเสียงดังว่า "เอ่อ!! เดี๋ยวจะพาไปหาปะป๊า" หนูดีใจมากที่แม่จะพาไปหาปะป๊าแต่แม่ไม่ได้พาหนูไปหาปะป๊า แม่พาหนูกลับมาที่บ้านแล้วเริ่มทำร้ายร่างกายหนู หนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ หนูเจ็บมากๆร้องไห้ขอให้ปะป๊ามาช่วยแต่ก็ไม่มีใครมาช่วยหนูได้เลยจนหนูต้องยกมือไหว้ขอชีวิตกับแม่ตัวเองหนูต้องโดนแบบนั้นนานมากพอแม่ใจเย็นลงก็บอกให้หนูไปอาบน้ำเข้านอน แล้วแม่ก็ขี่รถกลับไปที่ร้านเหล้านั้นต่อ วันถัดๆมาตามตัวหนูมีรอยซ้ำจากการถูกทำร้ายเต็มตัว พอปะป๊าขอหนูเห็นรอยนั้นก็ฟ้องหย่ากับแม่ที่ผ่านมาหนูเจออะไรมาเยอะมากๆ หนูได้มารู้ความจริงทั้งหมดจากปะป๊าตอนหนูอายุ16 ปี สภาพแวดล้อมแรงกดดันต่างๆที่หนูต้องเจอมาทำให้ยายเริ่มไม่เข้าใจทำไมหนูต้องร้องไห้ทุกวันหนูอาการหนักกว่าเดิมจนหนูเริ่มทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการกรีดแขนตั้งแต่ข้อมือจนถึงข้อพับของแขนจนเป็นรอยแผลเป็นที่กรีดทับกันอยู่หลายๆเส้นเต็มแขนทั้งสองข้าง พยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จอยู่หลายครั้ง จนหนูต้องถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงบาลจิตเวชแล้วก็พยายามรักษามาเรื่อยๆด้วยการกินยาที่หมอสั่งให้กินหนูเล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนหนูฟังพร้อมกับร้องไห้ไป
เขาก็ปลอบหนูแล้วก็พูดว่า ไม่เป็นไร "ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่นะ" ครั้งแรกที่หนูได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเขาหนูรู้สึกดีแล้วก็แย่ในเวลาเดียวกันรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูกแต่ก็ไม่เข้าใจความหมายของมันจริงๆเลย เรื่องราวที่หนูได้มาเล่าในกระทู้นี้เป็นความจริงที่หนูเจอมาทั้งหมดแล้วหนูได้มาเล่าประสบการณ์ในวัยที่แสนเลวร้ายให้ทุกวันได้ฟังกัน อย่าพึ่งหมดหวังในตัวเองนะคะ หนูเชื่อว่าต้องมีคนได้อ่าน ส่วนหนูขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆน้องๆทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ.