ในปี90 มีข่าวที่ฉาวไปทั่วเมกา(สร้างจากเรื่องจริง) เมื่อครูวัย36 แอบมีความสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนอายุ13 (โจ) เรื่องมันซับซ้อนตรงที่เกรต้านั้นมีสามี มีครอบครัวอยู่แล้ว สุดท้ายเกรต้าต้องติดคุกในข้อหาพรากผู้เยาว์และได้คลอดลูกของโจในคุก เมื่อออกมาจากคุกก็มาอยู่กินกับโจจนถึงปัจจุบันที่มีลูกด้วยกัน 3 คน ซึ่งเรียนจบกำลังเข้ามหาลัย แต่หนังจะไม่ได้เแบคกราวให้เราเห็นแต่แรก(อ้าว) แต่จะเล่าผ่านตัวละคร อลิซาเบธ ดาราสาวที่ต้องแสดงเป็นเกรซี่ ในหนังที่หยิบยกเรื่องราวเหตุการณ์ "นั้น" มาปัดฝุ่นอีกครั้ง ซึ่งตัวอลิซจะเข้ามาเพื่อสำรวจบุคลิค ทำความเข้าใจตัวเกรซี่ เพื่อนำไปถ่ายทอดในหนัง ทำให้คนดูจะได้ทำความเข้าใจและสืบเรื่องราวไปพร้อมๆกับอลิซ ว่าทั้งโจและเกรซี่มีความเป็นมาอย่างไร มีแรงขับเคลื่อนอะไรถึงเกิดเหตุการ์ณนั้น และสังคมรอบข้างของทั้งสองคนว่ามองเรื่องนี้เป็นยังไง ทั้งคู่โดนปฏิบัติตัวยังไง ซึ่งจากครอบครัวโจ-เกรซี่ที่ผ่านร้อนผ่านน้อยจนชีวิตอยู่ตัว มีลูก มีเพื่อนบ้านที่น่ารัก การมาของอลิซได้เป็นตัวจุดชนวนเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างไปตลอดกาล...
จุดเด่นของหนังคือ การที่ให้เราได้ค่อยๆรู้เรื่องราวไปพร้อมๆกับอลิซ โดยที่หนังก็ไม่ได้เล่าออกมาโต้งๆ แต่จะผ่านบริบทตัวละคร หรือแม้แต่สีหน้าท่าทาง คำพูดบางอย่าง คนดูต้องจับชิ้นส่วนมาต่อเองนิดหน่อย แต่ไม่ได้ยากมาก ถือว่าเป็นสิ่งที่ตรึงความสนใจคนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมเข้าไปในโรงโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคดีจริง ต้องใช้เวลาประมาณ 1/3 ของเรื่องถึงจับต้นชนปลายถูก เลยคิดว่าถ้าพอรู้เรื่องคดีมาก่อนน่าจะอินกับหนังได้ง่ายขึ้น หนังมีการบิ้วอารมณ์คนดูด้วยซาวด์ และสร้างบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจตลอดทั้งเรื่อง เหมือนกับระเบิดที่รอวันระเบิด ตัวละครทุกตัวมีความเป็นมนุษย์สูง การแสดงโดยรวมก็ทำได้ดีทุกคน โดยเฉพาะ นาตาลี พอร์ตแมน(อลิซาเบธ) ที่การันตีเรื่องฝีมืออยู่แล้ว ก็ยังคงทำได้ดีที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงบุคลิคของตัวละครไปในตอนท้าย จนมีลักษณะท่าทางการพูดเหมือนกับของเกรซี่ในตอนองค์สาม ตัวละครโจ ถือว่าแสดงได้น้อยแต่มาก อย่างแท้จริง มีมิติ และได้เห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างชัดเจน อีกส่วนที่ชอบคือ พอหนังไม่ได้เล่าอะไรมาโต้งๆ มันเลยมีพื้นที่ให้เราได้เติมความคิด จินตนาการเราเข้าไปในเรื่องราวเอง(แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ) จนถึงตอนจบหนังก็จะไม่ได้เผยเจตนาของตัวละครแบบตรงๆเหมือนกัน
จุดด้อยของหนัง การที่ไม่ได้ recap คดีที่เกิดขึ้นในปี 90 (ซึ่งมีใส่ไว้ในข้อดีด้วย เพราะเป็นดาบสองคม มันช่วยให้เราตรึงกับหนังแต่ถ้าใครหลุด ช่วง1/3ของเรื่อง ก็อาจจะไม่อินท้ายๆเรื่องไปเลย เพราะตัวหนังก็ไม่ได้เล่าตรงๆ) เรื่องนี้เด่นที่บทฟาดฟันกัน ขายการแสดง ถ้าใครหวังว่าไคลแม็กซ์เวอร์ๆอาจจะผิดหวัง แอบผิดหวังนิดหน่อยในองค์สาม เพราะก่อนหน้านั้นหนังบิ้วทุกอย่างมาเหมือนภูเขาไฟที่รอวันประทุ แน่นอนว่ามันได้ระเบิดในองค์สาม แต่ผมแค่คาดหวังให้มันวายป่วงกว่านี้ รู้สึกว่ามันสามารถตึงเครียดได้มากกว่านี้
รีวิว MayDecember (2023) สนุกมาก แต่พีคได้อีก!
จุดเด่นของหนังคือ การที่ให้เราได้ค่อยๆรู้เรื่องราวไปพร้อมๆกับอลิซ โดยที่หนังก็ไม่ได้เล่าออกมาโต้งๆ แต่จะผ่านบริบทตัวละคร หรือแม้แต่สีหน้าท่าทาง คำพูดบางอย่าง คนดูต้องจับชิ้นส่วนมาต่อเองนิดหน่อย แต่ไม่ได้ยากมาก ถือว่าเป็นสิ่งที่ตรึงความสนใจคนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมเข้าไปในโรงโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคดีจริง ต้องใช้เวลาประมาณ 1/3 ของเรื่องถึงจับต้นชนปลายถูก เลยคิดว่าถ้าพอรู้เรื่องคดีมาก่อนน่าจะอินกับหนังได้ง่ายขึ้น หนังมีการบิ้วอารมณ์คนดูด้วยซาวด์ และสร้างบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจตลอดทั้งเรื่อง เหมือนกับระเบิดที่รอวันระเบิด ตัวละครทุกตัวมีความเป็นมนุษย์สูง การแสดงโดยรวมก็ทำได้ดีทุกคน โดยเฉพาะ นาตาลี พอร์ตแมน(อลิซาเบธ) ที่การันตีเรื่องฝีมืออยู่แล้ว ก็ยังคงทำได้ดีที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงบุคลิคของตัวละครไปในตอนท้าย จนมีลักษณะท่าทางการพูดเหมือนกับของเกรซี่ในตอนองค์สาม ตัวละครโจ ถือว่าแสดงได้น้อยแต่มาก อย่างแท้จริง มีมิติ และได้เห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างชัดเจน อีกส่วนที่ชอบคือ พอหนังไม่ได้เล่าอะไรมาโต้งๆ มันเลยมีพื้นที่ให้เราได้เติมความคิด จินตนาการเราเข้าไปในเรื่องราวเอง(แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ) จนถึงตอนจบหนังก็จะไม่ได้เผยเจตนาของตัวละครแบบตรงๆเหมือนกัน
จุดด้อยของหนัง การที่ไม่ได้ recap คดีที่เกิดขึ้นในปี 90 (ซึ่งมีใส่ไว้ในข้อดีด้วย เพราะเป็นดาบสองคม มันช่วยให้เราตรึงกับหนังแต่ถ้าใครหลุด ช่วง1/3ของเรื่อง ก็อาจจะไม่อินท้ายๆเรื่องไปเลย เพราะตัวหนังก็ไม่ได้เล่าตรงๆ) เรื่องนี้เด่นที่บทฟาดฟันกัน ขายการแสดง ถ้าใครหวังว่าไคลแม็กซ์เวอร์ๆอาจจะผิดหวัง แอบผิดหวังนิดหน่อยในองค์สาม เพราะก่อนหน้านั้นหนังบิ้วทุกอย่างมาเหมือนภูเขาไฟที่รอวันประทุ แน่นอนว่ามันได้ระเบิดในองค์สาม แต่ผมแค่คาดหวังให้มันวายป่วงกว่านี้ รู้สึกว่ามันสามารถตึงเครียดได้มากกว่านี้