ปัญหาคือ S23 Ultra ที่ซื้อมาพร้อมซื้อ Careplus เพิ่มไปอีกเป็น 2 ปี ใช้มาได้ 2 เดือน เกิดปัญหา เสียบชาร์จไม่ได้ หน้าจอมันขึ้นเตือน "ตรวจพบความชื้นถอดปลั๊กเครื่องชาร์จ" ทั้งที่ไม่ได้ทำตกน้ำ หรือโดนน้ำอะไรเลย แล้วเกิดตอนไป ตจว ด้วย ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าโดยเอาลมเย็นของไดร์เป่าผมที่โรงแรมมใช้ cottonbud เล็กๆถูพอร์ตทำความสะอาด แต่สรุปแล้วเป่าก็ไม่หายถูก็ไม่หาย เปลี่ยนสายทุกชนิดที่มีพกไป ก็ไม่หาย(ปรกติใช้สายชาร์จและที่ชาร์จแท้ samsung รวมถึงมีที่ชาร์จและสายชาร์จแท้หลากหลายยี่ห้อทั้ง ugreen , essager , aukey type c to c รวมถึง adaptor หลากหลายชนิด เพราะต้องพกกล้อง พก gadget ไปทำงานด้วย) ซึ่งตอนมีปัญหาดันเป็นวันที่ต้องไปภูเก็ต เที่ยวไป ทำงานไป กังวลแบตหมดไปอีก โชคดีที่ powerbank มันมี wireless charge แต่ก็อย่างว่ากว่าจะได้แต่ละเปอร์เซ็นต์
กลับถึง กทม วิ่งไปศูนย์ที่ the mall บางกะปิรอบแรก เจ้าหน้าที่เอาไปเป่าทำความสะอาดก็ใช้ได้ แต่อีกวันถัดมาก็เป็นอาการเดิมอีก และจะเป็นๆหายๆ ประมาณดี 2 วัน พัง 1 วัน จนต้องลงทุนซื้อ wireless ชาร์จแบบเสียบไฟบ้านมาใช้แก้ขัด พอรอจนมีเวลาว่างก็ไปเข้ารอบที่ 2 (ตอนไปเครื่องดันไม่ออกอาการ ผิดเองที่ไม่ได้ถ่าย clip ตอนมีอาการไว้) แต่ก็แจ้งอาการให้เจ้าหน้าที่ไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รับซ่อมอีก เพราะอาการไม่ออก เจ้าหน้าที่ก็ได้แต่โทษสายชาร์จ และไม่รับซ่อม(แฟนเอาไปซ่อมให้ และไม่ได้อธิบายว่าลองทุกวิธีแล้ว) กะว่ารอบที่ 3 ถ้าอาการโผล่มาปุ๊บจะทิ้งงานเอาไปส่งให้ดูตอนนั้นเลย และจะเอาหลักฐานพวกสายชาร์จที่ชาร์จใส่ถุงไปให้ดู และจะถ่าย clip เป็นหลักฐานให้ด้วย เผื่อไปถึงศูนย์อาการชาร์จไม่เข้าจะหายไป
คือที่อยากมาเล่า เพราะจริงๆ เข้าซ่อมครั้งแรกและอาการมันไม่หาย มาครั้งที่ 2 คุณก็มี data การแจ้งซ่อมลูกค้าแล้วหนิ ก็ควรจะหาวิธีอื่นหรือพยายามแก้ไขให้ลูกค้าได้แล้ว เช่นเปิดเครื่องดูบอร์ด เปลี่ยนพอร์ตชาร์จ ไม่ใช่โบ๊ยไปที่สายชาร์จ ซึ่งลูกค้าก็ไม่ได้โง่ในการที่จะไม่พยายามทดลองหาวิธีแก้ไขหรอก ถึงขั้นไปเดินหา wireless charge ที่สนามบินอ่ะคิดดู รู้อยู่โทรศัพท์มีปัญหาใครๆก็กังวลใจและไม่ได้มีเวลาว่างมากที่จะเทียวไปที่ศูนย์ 2-3 รอบขนาดนี้ ทีหลังถ้ามันจะเคลมยากเย็นขนาดนี้ ลงไว้ด้วยนะก่อนให้ลูกค้าซื้อเครื่องหรือขาย Careplus เพิ่มอ่ะ
Samsung S23 Ultra กับ Care plus 2 ปี ที่ไม่รู้จะมีประกันทำไมถ้ามันจะเคลมยากเย็นขนาดนั้น
กลับถึง กทม วิ่งไปศูนย์ที่ the mall บางกะปิรอบแรก เจ้าหน้าที่เอาไปเป่าทำความสะอาดก็ใช้ได้ แต่อีกวันถัดมาก็เป็นอาการเดิมอีก และจะเป็นๆหายๆ ประมาณดี 2 วัน พัง 1 วัน จนต้องลงทุนซื้อ wireless ชาร์จแบบเสียบไฟบ้านมาใช้แก้ขัด พอรอจนมีเวลาว่างก็ไปเข้ารอบที่ 2 (ตอนไปเครื่องดันไม่ออกอาการ ผิดเองที่ไม่ได้ถ่าย clip ตอนมีอาการไว้) แต่ก็แจ้งอาการให้เจ้าหน้าที่ไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รับซ่อมอีก เพราะอาการไม่ออก เจ้าหน้าที่ก็ได้แต่โทษสายชาร์จ และไม่รับซ่อม(แฟนเอาไปซ่อมให้ และไม่ได้อธิบายว่าลองทุกวิธีแล้ว) กะว่ารอบที่ 3 ถ้าอาการโผล่มาปุ๊บจะทิ้งงานเอาไปส่งให้ดูตอนนั้นเลย และจะเอาหลักฐานพวกสายชาร์จที่ชาร์จใส่ถุงไปให้ดู และจะถ่าย clip เป็นหลักฐานให้ด้วย เผื่อไปถึงศูนย์อาการชาร์จไม่เข้าจะหายไป
คือที่อยากมาเล่า เพราะจริงๆ เข้าซ่อมครั้งแรกและอาการมันไม่หาย มาครั้งที่ 2 คุณก็มี data การแจ้งซ่อมลูกค้าแล้วหนิ ก็ควรจะหาวิธีอื่นหรือพยายามแก้ไขให้ลูกค้าได้แล้ว เช่นเปิดเครื่องดูบอร์ด เปลี่ยนพอร์ตชาร์จ ไม่ใช่โบ๊ยไปที่สายชาร์จ ซึ่งลูกค้าก็ไม่ได้โง่ในการที่จะไม่พยายามทดลองหาวิธีแก้ไขหรอก ถึงขั้นไปเดินหา wireless charge ที่สนามบินอ่ะคิดดู รู้อยู่โทรศัพท์มีปัญหาใครๆก็กังวลใจและไม่ได้มีเวลาว่างมากที่จะเทียวไปที่ศูนย์ 2-3 รอบขนาดนี้ ทีหลังถ้ามันจะเคลมยากเย็นขนาดนี้ ลงไว้ด้วยนะก่อนให้ลูกค้าซื้อเครื่องหรือขาย Careplus เพิ่มอ่ะ