คือผมได้มีโอกาสเรียนห้องเดียวกันกับเธอตั้งเเต่ ม.ต้น
ผมก็ใช้ชีวิตปกติตอน ม.1 พูดคุยกับเธอธรรมดา
จนมารู้ตัวว่าชอบอีกที ก็ตอน ม.2 ตอนนี้เธอน่าจะมีเเฟนอยู่เเล้วก็เลิกกันตอนม.3 จากการใช้ชีวิตปกติธรรมดาพอรู้ตัวว่าชอบผมก็รู้สึกเขินๆจนไม่กล้าพูดไม่กล้าอยู่ใกล้เธอ
ในตอนเรียนก็จะมีงานกลุ่มคือตั้งเเต่ม.1-2 ไม่เคยได้อยู่กลุ่มกับเธอเลย จนมีวันนึงตอนม. 3 มีงานกลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ ครูให้ประดิษฐ์เหมือนรถบังคับ อะไรสักอย่างเเบบใส่มอเตอร์ต่อกับล้อเเล้วให้มันวิ่งอะไรประมาณนั้น ครูให้อยู่กลุ่มละ 7 คน ผมมีกลุ่มกับเพื่อนรวมผมก็ 5 คนเเล้ว ตอนนั้นเพื่อนสนิทของเธอก็ขอเข้ากลุ่มทำให้เธอต้องเข้ากลุ่มด้วย ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากกก
ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายคนเดียวของกลุ่มเเละเหมือนมีความรู้ทางด้านนี้ ความหวังของเพื่อนก็ตกอยู่ที่เรา เราก็อยากโชว์ทำรถให้ดู เพราะอยากให้เธอชม เเต่เหมือนตลกร้ายเราทำไม่ได้เลยไม่รู้ทำยังไงให้มันวิ่งได้ เเล้วเพื่อนผู้หญิงก็เอาไปให้พ่อทำที่บ้านวันนั้นรู้สึกเซ็งๆ เเต่มีโมเมนต์ที่ประทับใจก็คือ เธอได้ซ้อนรถกับผมไปกินข้าวด้วยกัน ถึงเเม้จะเป็นระยะที่สั้น เเต่มันก็อยู่ในความทรงจำผมเสมอ พอตอนจบม.3 เพื่อนก็ได้ไปกินเลี้ยงกันเธอก็ได้ไปด้วย ด้วยความที่รู้สึกเขินเราก็เลยไม่ได้ไปด้วย ก็เลยพลาดโอกาสที่จะเริ่มคุยกับเธอไป เเต่เราก็เริ่มคุยกับเธอในโลกออนไลน์เเทน ถึงการจะไปต่อม.ปลายที่ไหน เเละเธอก็บอกเรียนที่เดิมนั่นเเหละ ทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนเเปลงตัวเองเป็นเด็กเรียน เพื่อที่จะได้อยู่ห้องกับเธออีกในตอน.ปลาย ด้วยความที่เรามาจากห้องคิง/1 กันทั้งคู่ทำให้รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องสอบได้เข้าห้องคิง/1 ม.ปลายเป็นอย่างเเน่นอน เเต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกอีกละ โควิดมาทำให้ไม่มีการสอบ ดังนั้นต้องคละห้องกันเเทน ห้องที่เราอยู่ก็ไม่ได้ติดกันเเบบ/3 ,/4 ด้วย อย่างน้อยๆก็ควรยืนเเถวเคารพธงชาติข้างกันก็น่าจะดี555
ช่วงม.4 ชวนเธอคุยเรื่องต่างๆ ถามเกี่ยวกับงานบ้าง อะไรบ้างเพื่อที่จะได้มีเรื่องคุย ก็คุยกันมาเรื่อย จนตอนม.5 ผมก็ไม่ได้ทักไปเธอก็ไม่ได้ทักมาก็เลยไม่ได้คุยกันจนถึงม.6 ตอนนั้นก็เข้าค่ายรด.อยู่ เห็นเธอลงสตอรี่ก็เลยทักไป เเล้วตอนนั้นเข้าค่ายไม่ค่อยเจอหน้ากันอะไรดลบรรดาลใจไม่รู้ทำให้ผมบอกชอบเธอไป เธอก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบผมกลับ เเล้วก็กลับมาเรียนปกติเธอเห็นหน้าผมเธอก็รู้เเล้วว่าผมชอบเธอ เธอก็เหมือนไม่ได้รังเกียจอะไรเจอหน้ากันเธอก็ทักทายผมปกติเเต่ไม่ได้คุยกันมาก ส่วนใหญ่เราคุยกันในโลกออนไลน์มากกว่าเเบบเหมือนสนิทกันเลยเเต่พอโลกความจริงก็นั้นเเหละครับ555
ผมก็ทักไปจีบเธอบ้าง เล่นมุกบ้าง เเรกๆเธอก็เหมือนจะไม่เล่นด้วย เเต่พอทักไปเรื่อยไปเธอเล่นด้วยเฉยเลย จนคืนวันนึงผมทักไปเขาก็บอกอ่านหนังสืออยู่ ผมเองก็อ่านอยู่
ก็เลยท้าว่าเเข่งกันไหมใครนอนก่อนเเพ้
ถ้าเธอเเพ้เธอเป็นเเฟนเรา
เเต่ถ้าเราเเพ้เราเป็นเเฟนเธอ
เราก็พิมพ์ไปเอาฮาเเต่เธอเล่นด้วยตอบตกลงเฉยเลย
วันนั้นก็เกือบเที่ยงคืนผมก็ขอยอมเเพ้ เธอก็พิมพ์ว่ามาต้องเป็นเเฟนเธอ ผมนี่เขินตัวบิดอีกนิดเป็นเกลียว
ความรักของเราก็อยู่ในโลกออนไลน์พอเจอหน้ากันก็เหมือนปกติมียิ้มให้กันบ้าง จนถึงวันหนึ่งผมต้องไปเข้าค่ายรด.ภาคสนาม กลับมาผมก็ไม่กล้าทักเธอไปประมาณ 10 วัน เจอหน้ากันผมก็เหมือนเมินๆด้วย เพราะผมไม่มีความมั่นใจเลยหัวโล้นๆเเบบนั้น พอผ่านไปประมาณ 10 วัน ผมก็เริ่มทักเธอไปเเต่เหมือนเธอไม่ออนเพราะตอนนั้นเธอไม่สบายดี จนผมก็คิดไปต่างหากวาเธอคงไม่รักเเล้วเพราะก่อนหน้านี้ชวนไปไหนก็ไม่ไปด้วยเหมือนไม่อยากชัดเจน จากนั้นเธอก็พิมพ์กลับมา เราก็ได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ เเละผมก็ได้ถามเธอว่ายังรักกันอยู่ไหม เธอก็บอกว่าเริ่มเฉยๆเเล้ว คือตอนนั้นเหมือนเราเลิกกันไปเเล้ว ถึงเธอจะบอกกับผมว่าเธอเฉยๆกับผมเเล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ขอรั้งเธอไว้เเละเธอก็okที่จะอยู่ เหมือนทุกอย่างมันจะดีขึ้นเเต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย หลายวันผ่านมาผมก็พยายามถามซ้ำๆว่ายังเฉยๆอยู่ไหม ตอนเเรกผมก็ไม่เชื่อพอเธอลงสตอรี่ไอจีว่าไม่มีเเฟนเท่านั้นเเหละ ผมรู้ตัวเลยว่าไม่ควรทักไปอีก หลายวันผ่านมาอีกผมก็ยังไม่ยอมอยากจะรั้งเธอไว้เพราะอะไรที่พังอะผมอยากลองซ่อมดูก่อน ผมก็ได้บอกเธอว่าถ้าจะจากกันอะบอกเหตุผลกันซักหน่อย เพราะก่อนหน้านี้เธอหายไปเลย เธอก็ได้บอกเหตุผลมาว่าเธออยากอยู่คนเดียว เธอดีไม่พอ เธอไม่ใส่ใจ
พอเธอบอกดีไม่พอ ผมก็บอกเธอนะดีมาก
เเต่ถ้าอยากอยู่คนเดียวผมก็ok ที่จะไม่รบกวนอีก
คือความผูกพันธ์เราก็ไม่ได้มากขนาดนั้นเพราะเราเเทบไม่ได้อยู่ด้วยกันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเลย เเละอีกอย่างตอนคบกันมาเธอก็เเทบไม่ค่อยใส่ใจผมเลย
เเต่ทำไมผมกลับmoveonยาก เวลาฝันผม
ยังฝันถึงเธออยู่เลย
รู้สึกยังไงเวลาได้คบกับคนที่เเอบชอบ
ผมก็ใช้ชีวิตปกติตอน ม.1 พูดคุยกับเธอธรรมดา
จนมารู้ตัวว่าชอบอีกที ก็ตอน ม.2 ตอนนี้เธอน่าจะมีเเฟนอยู่เเล้วก็เลิกกันตอนม.3 จากการใช้ชีวิตปกติธรรมดาพอรู้ตัวว่าชอบผมก็รู้สึกเขินๆจนไม่กล้าพูดไม่กล้าอยู่ใกล้เธอ
ในตอนเรียนก็จะมีงานกลุ่มคือตั้งเเต่ม.1-2 ไม่เคยได้อยู่กลุ่มกับเธอเลย จนมีวันนึงตอนม. 3 มีงานกลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ ครูให้ประดิษฐ์เหมือนรถบังคับ อะไรสักอย่างเเบบใส่มอเตอร์ต่อกับล้อเเล้วให้มันวิ่งอะไรประมาณนั้น ครูให้อยู่กลุ่มละ 7 คน ผมมีกลุ่มกับเพื่อนรวมผมก็ 5 คนเเล้ว ตอนนั้นเพื่อนสนิทของเธอก็ขอเข้ากลุ่มทำให้เธอต้องเข้ากลุ่มด้วย ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากกก
ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายคนเดียวของกลุ่มเเละเหมือนมีความรู้ทางด้านนี้ ความหวังของเพื่อนก็ตกอยู่ที่เรา เราก็อยากโชว์ทำรถให้ดู เพราะอยากให้เธอชม เเต่เหมือนตลกร้ายเราทำไม่ได้เลยไม่รู้ทำยังไงให้มันวิ่งได้ เเล้วเพื่อนผู้หญิงก็เอาไปให้พ่อทำที่บ้านวันนั้นรู้สึกเซ็งๆ เเต่มีโมเมนต์ที่ประทับใจก็คือ เธอได้ซ้อนรถกับผมไปกินข้าวด้วยกัน ถึงเเม้จะเป็นระยะที่สั้น เเต่มันก็อยู่ในความทรงจำผมเสมอ พอตอนจบม.3 เพื่อนก็ได้ไปกินเลี้ยงกันเธอก็ได้ไปด้วย ด้วยความที่รู้สึกเขินเราก็เลยไม่ได้ไปด้วย ก็เลยพลาดโอกาสที่จะเริ่มคุยกับเธอไป เเต่เราก็เริ่มคุยกับเธอในโลกออนไลน์เเทน ถึงการจะไปต่อม.ปลายที่ไหน เเละเธอก็บอกเรียนที่เดิมนั่นเเหละ ทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนเเปลงตัวเองเป็นเด็กเรียน เพื่อที่จะได้อยู่ห้องกับเธออีกในตอน.ปลาย ด้วยความที่เรามาจากห้องคิง/1 กันทั้งคู่ทำให้รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องสอบได้เข้าห้องคิง/1 ม.ปลายเป็นอย่างเเน่นอน เเต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกอีกละ โควิดมาทำให้ไม่มีการสอบ ดังนั้นต้องคละห้องกันเเทน ห้องที่เราอยู่ก็ไม่ได้ติดกันเเบบ/3 ,/4 ด้วย อย่างน้อยๆก็ควรยืนเเถวเคารพธงชาติข้างกันก็น่าจะดี555
ช่วงม.4 ชวนเธอคุยเรื่องต่างๆ ถามเกี่ยวกับงานบ้าง อะไรบ้างเพื่อที่จะได้มีเรื่องคุย ก็คุยกันมาเรื่อย จนตอนม.5 ผมก็ไม่ได้ทักไปเธอก็ไม่ได้ทักมาก็เลยไม่ได้คุยกันจนถึงม.6 ตอนนั้นก็เข้าค่ายรด.อยู่ เห็นเธอลงสตอรี่ก็เลยทักไป เเล้วตอนนั้นเข้าค่ายไม่ค่อยเจอหน้ากันอะไรดลบรรดาลใจไม่รู้ทำให้ผมบอกชอบเธอไป เธอก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบผมกลับ เเล้วก็กลับมาเรียนปกติเธอเห็นหน้าผมเธอก็รู้เเล้วว่าผมชอบเธอ เธอก็เหมือนไม่ได้รังเกียจอะไรเจอหน้ากันเธอก็ทักทายผมปกติเเต่ไม่ได้คุยกันมาก ส่วนใหญ่เราคุยกันในโลกออนไลน์มากกว่าเเบบเหมือนสนิทกันเลยเเต่พอโลกความจริงก็นั้นเเหละครับ555
ผมก็ทักไปจีบเธอบ้าง เล่นมุกบ้าง เเรกๆเธอก็เหมือนจะไม่เล่นด้วย เเต่พอทักไปเรื่อยไปเธอเล่นด้วยเฉยเลย จนคืนวันนึงผมทักไปเขาก็บอกอ่านหนังสืออยู่ ผมเองก็อ่านอยู่
ก็เลยท้าว่าเเข่งกันไหมใครนอนก่อนเเพ้
ถ้าเธอเเพ้เธอเป็นเเฟนเรา
เเต่ถ้าเราเเพ้เราเป็นเเฟนเธอ
เราก็พิมพ์ไปเอาฮาเเต่เธอเล่นด้วยตอบตกลงเฉยเลย
วันนั้นก็เกือบเที่ยงคืนผมก็ขอยอมเเพ้ เธอก็พิมพ์ว่ามาต้องเป็นเเฟนเธอ ผมนี่เขินตัวบิดอีกนิดเป็นเกลียว
ความรักของเราก็อยู่ในโลกออนไลน์พอเจอหน้ากันก็เหมือนปกติมียิ้มให้กันบ้าง จนถึงวันหนึ่งผมต้องไปเข้าค่ายรด.ภาคสนาม กลับมาผมก็ไม่กล้าทักเธอไปประมาณ 10 วัน เจอหน้ากันผมก็เหมือนเมินๆด้วย เพราะผมไม่มีความมั่นใจเลยหัวโล้นๆเเบบนั้น พอผ่านไปประมาณ 10 วัน ผมก็เริ่มทักเธอไปเเต่เหมือนเธอไม่ออนเพราะตอนนั้นเธอไม่สบายดี จนผมก็คิดไปต่างหากวาเธอคงไม่รักเเล้วเพราะก่อนหน้านี้ชวนไปไหนก็ไม่ไปด้วยเหมือนไม่อยากชัดเจน จากนั้นเธอก็พิมพ์กลับมา เราก็ได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ เเละผมก็ได้ถามเธอว่ายังรักกันอยู่ไหม เธอก็บอกว่าเริ่มเฉยๆเเล้ว คือตอนนั้นเหมือนเราเลิกกันไปเเล้ว ถึงเธอจะบอกกับผมว่าเธอเฉยๆกับผมเเล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ขอรั้งเธอไว้เเละเธอก็okที่จะอยู่ เหมือนทุกอย่างมันจะดีขึ้นเเต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย หลายวันผ่านมาผมก็พยายามถามซ้ำๆว่ายังเฉยๆอยู่ไหม ตอนเเรกผมก็ไม่เชื่อพอเธอลงสตอรี่ไอจีว่าไม่มีเเฟนเท่านั้นเเหละ ผมรู้ตัวเลยว่าไม่ควรทักไปอีก หลายวันผ่านมาอีกผมก็ยังไม่ยอมอยากจะรั้งเธอไว้เพราะอะไรที่พังอะผมอยากลองซ่อมดูก่อน ผมก็ได้บอกเธอว่าถ้าจะจากกันอะบอกเหตุผลกันซักหน่อย เพราะก่อนหน้านี้เธอหายไปเลย เธอก็ได้บอกเหตุผลมาว่าเธออยากอยู่คนเดียว เธอดีไม่พอ เธอไม่ใส่ใจ
พอเธอบอกดีไม่พอ ผมก็บอกเธอนะดีมาก
เเต่ถ้าอยากอยู่คนเดียวผมก็ok ที่จะไม่รบกวนอีก
คือความผูกพันธ์เราก็ไม่ได้มากขนาดนั้นเพราะเราเเทบไม่ได้อยู่ด้วยกันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเลย เเละอีกอย่างตอนคบกันมาเธอก็เเทบไม่ค่อยใส่ใจผมเลย
เเต่ทำไมผมกลับmoveonยาก เวลาฝันผม
ยังฝันถึงเธออยู่เลย