ขอวิธีจัดการคนในครอบครัวที่ติดยาหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาขอคำปรึกษาถึงแนวทางการจัดการคนในครอบครัวหน่อยค่ะ มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จริงๆ อึดอัดใจไปหมดเพราะคำว่า "คนในครอบครัว"
    คนในครอบที่ว่าคือ น้องชาย แท้ๆ ของเราเองค่ะ ปัจจุบันเขาอายุ 23 ปี มีนิสัยก้าวร้าว หัวรั้น มาตั้งแต่เด็กๆ พื้นฐาน พ่อ-แม่ หย่าร้าง ยายเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เราโตมาด้วยกัน เลี้ยงมาคู่กันละ แต่นิสัยต่างกันสิ้นเชิงค่ะ ยายเราเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่มีครอบครัวใหม่ มีน้องอีก 3 คน อาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ส่วนพ่อของพวกเราขาดการติดต่อไป 10 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เราอายุห่างจากน้อง 3 ปี เราอายุ 26 ออกจากบ้านไปเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ ม.4 เรียนมหาลัย แล้วก็ทำงาน ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ส่วนมากจะรับรู้เรื่องราวจากยายที่โทรมาระบายให้ฟัง
ตอนเรามาเรียนรร.ประจำ ช่วง ม.4 น้องชายเราเรียนอยู่ ม.2 ตอนนี้เขาเริ่มติดยาหนักมาก อาศัยอยู่กับยาย ตอนเรากลับบ้านไป น้องเริ่มเพ้อ หลอนยา ตอนนั้นเราสงสารมากไม่รู้จะทำยังไง เงินก็ไม่มี เรียนอยู่ด้วย จนช่วงเราเริ่มขึ้นมหาลัย น้องอาการหลอนยาหนักมาก ทำลายข้าวของในบ้าน ขอเงินยาย สร้างความน่ารำคาญ และนิสัยก้าวร้าวอย่างต่อเนื่อง ตอนกลับบ้านช่วงปิดเทอมเราก็ไปทะเลาะกับมัน เพราะมันเปิดเพลงเสียงดัง ทะเลาะกันจนกระทั่งที่ว่ามันจะเอามีดมาฟันเรา  และเมื่อมีปัญหาที่มันไม่ได้ดั่งใจมันจะงัดไม้เด็ดที่ว่า "เพราะแม่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ไม่มีใครเข้าใจมันหรอก"  แต่ด้วยนิสัยเอาแต่ใจของมัน โยนหม้อข้าวทิ้งเพราะบอกไม่สะอาด ฟันประตูบ้าน ขอเงินยายไปซื้อบุหรี่ ทำทุกอย่างที่มันน่ารำคาญ ทะเลาะกับคนที่บ้านอยู่หลายครั้ง จนมีเหตุการณ์เลือดตกยางออก ที่บ้านทนไม่ไหว แต่ไม่กล้าเเจ้งจับ ไม่อยากให้เข้าคุก เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุกมันโหดร้ายขนาดไหน รวมถึงกลัวว่าเข้าไปแล้วจะ ยิ้มกว่าเดิมบวกกลับมันก็จะมาโทษคนอื่นอีกว่า จับมันเข้าคุก เลยตัดสินใจส่งไปบำบัดที่ศูนย์จิตเวช ตอนนั้นศูนย์จิตเวชอยู่ใกล้ๆ มหาลัยเราพอดี เราเลยเป็นคนไปเยี่ยมมัน ซื้อขนมไปให้ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พร้อมเข้ารับฟังจากเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่แจ้งเราว่า "ตอนนี้สมองน้องเรารั่วไปแล้ว ต้องกินยาตลอดชีวิต" เราก็โอเค รักษากันต่อไป จนอาการมันเริ่มดีขึ้น มันยอมกินยาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีความหวังว่ามันจะดีขึ้น เริ่มคุยกันรู้เรื่องปรับความเข้าใจกันได้ดีมากขึ้น กินยาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ยอมเข้ารับการรักษา ถึงแม้ว่าตอนกินยาจะเบลอๆ แต่มันก็ยอมกินและไม่ไปยุ่งกับยาเสพติดอีก จนกระทั่งไปได้เมียแม่หม้าย อายุ 31 ปี ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างดีดูแลมันดี ยอมรับมันได้ ถึงแม้ว่าทางครอบครัวฝ่ายหญิงจะไม่ค่อยถูกใจน้องชายเราเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังทนอยู่กับน้องชายเรามาได้เรื่อยๆ ด้วยพื้นฐานน้องชายเป็นคนที่ขี้เกียจไม่รู้จักโต ไม่เคยทำงานหนักๆ ไปทำงานก็ทำไม่ทน น้องชายกับเมียมันเลยตัดสินใจไปหางานที่ชลบุรี ซึ่งตอนนี้แม่ของเราได้แยกทางกับสามีใหม่เรียบร้อยแล้ว (เนื่องด้วย สามีคนนี้ชอบตบตี นิสัยแย่ ใช้ความรุนแรง เข้ากับครอบครัวฝ่ายแม่ไม่ได้ และน่าจะเล่นยาด้วย มีเรื่องกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ปัจจุบันติดคุกอยู่ ) จนแม่ไปทำงานที่ชลบุรี และน้องชายกับเมียก็ขอไปพักด้วยที่ชลบุรี น้องเราไม่รู้จักโต เงินที่หามาได้ก็ใช้กินแบบสุรุ่ยสุร่าย จ่ายเฉพาะค่ากินตัวเองไม่ได้สนใจเรื่องค่าใช้จ่ายๆ อื่นๆ ภาระเริ่มไปตกอยู่ที่ฝ่ายหญิงที่ต้องบริหารเงินและเลี้ยงดูมันเหมือนลูกคนหนึ่ง ลาออกย้ายงานใหม่ไปหลายที่เพราะทำไม่ทน ขี้หึง ขี้หวง ทะเลาะกันอยู่ตลอด แล้วมันก็เริ่มไปเล่นยาอีก + ติดพนัน เอาเงินไปปั่นสล็อต พอเริ่มทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ ฝ่ายหญิงรู้สึกทนไม่ไหวและเลิกกับมัน ภาระมาตกอยู่ที่แม่ แม่เป็นคนออกค่าห้องค่าเครื่องใช้ต่างๆ ส่วนน้องชายไปทำงาน ส่งรถมอไซต์ 1 คัน และค่ากินส่วนตัว ข้าวกลางวันบริษัทเลี้ยง มื้อเย็นมากินกับแม่ แต่สุดท้ายเงินไม่เหลือใช้สักเดือน เพราะเอาเงินไปซื้อบุหรี่กับปั่นสล็อตหมด น่าจะเอาไปเล่นยาด้วย มันโทรยืมเงินเขาไปทั่ว คนรู้จักไม่รู้จักทักไปยืมหมด ตีสาม ตีสี่ ก็โทรไปยืม ใช้เหตุผลไม่เหลือเงินกินข้าวบ้าง น้ำมันหมดบ้าง แต่ความจริง เอาไปปั่นสล็อต ไปยืมคนที่เรารู้จัก เขาก็มาถามเราว่าใช่น้องเธอมั้ย บอกตามตรงตอนนั้นรู้สึกอายมาก ครั้งนึงเคยโทรมายืมเงินเรา แต่เราไม่ให้เพราะมันยืมไปหลายบาทแล้วไม่ยอมคืน มันบอกว่า กินข้าวเสร็จแล้วไม่มีเงินจ่าย จ่ายให้หน่อย เราก็ยอมจ่ายให้ แต่สุดจะทนเลยด่าไปหลายยกอยู่ ตอนอยู่กับแม่นอกจากจะไม่ช่วยจ่ายค่าห้องแถมยังกินอยู่กับเงินแม่ ข้าวของเครื่องใช้ใช้แบบไม่ประหยัด เพราะไม่ได้เป็นคนออกเงิน ทำตัวสกปรก นอนปั่นสล็อต เวลาแม่ด่า มันก็ด่ากลับ บางครั้งก็ปั่นประสาทโดยการเปิดเพลงดังๆ ตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง จนมีวันนึงมันทะเลากับแม่ มันล็อคประตูไม่ให้แม่เข้าห้อง จนเจ้าของหอขึ้นมาด่ามารบกวนคนอื่น เปิดประตูให้แม่หน่อย เพราะแม่ไม่รู้จะไปนอนไหน มันก็ทำตัวไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ยอมเปิด จนแม่ต้องไปหานอนที่อื่น เข้ามาตอนตีสามมันถึงเปิดประตูให้ จนกระทั่งวันนี้เป็นวันที่มันต้องไปเกณฑ์ทหาร มันกลับไปบ้านที่กำแพงเพชร เพื่อไปเกณฑ์ทหาร และไปหว่านล้อมเมียเก่ามันมาให้พาไปเกณฑ์ทหารหน่อย เมียมันก็ยอมมา ( คงจะยังรักอยู่ ทั้งๆ ที่ตัวเองเคยโดนซ้อมมาก่อน ) พอมาที่บ้าน มันก็กอดเขาไว้ไม่ให้ไปไหน ไม่ให้เข้าห้องน้ำ ไปกินข้าว ไปกินน้ำ ทะเลาะกันเสียงดังทั้งวันทั้งคืน จนยายเข้าไปด่า มันก็ใช้ประโยคเดิมที่ว่า "ยายไม่รู้หรอกว่ามันเจออะไรมาบ้าง" มันเอาแต่โทษคนอื่นว่าเขาด่ามัน แต่พฤติกรรมของมันแต่ละอย่างมันอดด่าไม่ได้จริงๆ เวลาที่มันไม่ได้ดั่งใจมันมักจะขู่ว่า "จะกลับไปอยู่บ้าน ไม่ทำอะไรทั้งนั้น" ซึ่งเรามองออกว่า มันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงยาย ถ้ามันกลับบ้านไปยายจะต้องเครียด ทุกคนกลัวการที่มันกลับไปอยู่บ้าน เราไม่รู้จะจัดการมันยังไงแล้ว ทั้งใช้ไม้อ่อนแบบเห็นใจมันก็ได้ใจ เอาแต่ใจ พอใช้ไม้แข็งด่าให้มันสำนึก มันก็วนกลับมาโทษ ว่าเป็นเพราะคนอื่นด่ามัน มันเลยต้องทำนิสัย ยิ้ม ไปเล่นยามันก็โทษว่าเพราะเมียทิ้ง แต่นิสัยแบบนั้นใครเขาจะทน
               ไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไปเล่นยาอยู่ เรากลัวอย่างเดียวเลยคือ กลัวมันทำร้ายยาย ยายอยู่กับน้องๆ เรียนหนังสืออยู่บ้านนอกมันก็ค่าใช้จ่ายน้อยหน่อย แล้วรอบข้างก็เป็นญาติๆ กันทั้งนั้น จะย้ายยายมาอยู่ด้วย ภาระการเลี้ยงดูน้องก็ตกไปอยู่ที่แม่อีก หาเงินกันไม่ไหว แต่ถ้ามันไปไหนไม่ได้ มันก็จะกลับไปอยู่บ้านนอนขี้เกียจ ก่อกวน สร้างความรำคาญให้ยาย ขอเงินยายไปซื้อของกินซื้อบุหรี่ อยู่ให้ยายเลี้ยง ไม่ได้ดั่งใจก็ด่า ขอเงินไม่ให้ก็ขู่บังคับเอา จะแจ้งตำรวจมาจับก็กลัวมันจะแค้นพอออกมาแล้วจะทำนิสัยแย่มากกว่าเดิม เราหมดหนทางแล้วจริงๆ ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง หรือที่เราทำอยู่เราทำผิด ขอแนวทางการแก้ปัญหากับเรื่องนี้หน่อยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่