Oklahoma เคยแป็นพื้นที่แหล่งผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการขุดเจาะน้ำมันเชิงพาณิชย์ครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1889 และถูกผนวกเข้าเป็นมลรัฐในปี ค.ศ. 1907 ปัจจุบันรัฐโอคลาโฮมายังเป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของประเทศอยู่ แต่อาจจะไม่ได้ติดอันดับ 1-5 รัฐที่ผลิตน้ำมันมากที่สุด
ที่จะพูดถึงต่อไปเป็นเรื่องราวหน้าประวัติศาสตร์แห่งความด่างพร้อยหน้าหนึ่งของโอคลาโฮมาซึ่งเกิดขึ้นที่ Osage county ในช่วงทศวรรษ 1920 พื้นที่นี้เป็นเขตของชนพื้นเมืองเผ่า Osage (อ่านว่าโอ-เสจ) ซึ่งมีความพิเศษต่างจากชนพื้นเมืองกลุ่มอื่นตรงที่สามารถถือครองที่ดินได้และมีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในแร่หรือน้ำมันที่อยู่ใต้ดิน เมื่อมีการค้นพบน้ำมันในพื้นที่ใดก็ตาม เจ้าของที่ดินจะมีสิทธิได้รับค่ากรรมสิทธิ์หรือค่าภาคหลวงจากน้ำมัน ยิ่งมีน้ำมันมากเจ้าของที่ดินตรงนั้นก็ได้เงินมาก นำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นภัยแก่ตัวเองด้วย
ในปี 1921 สภาคองเกรสผ่านกฎหมายให้เด็ก/ผู้เยาว์ของชนเผ่า Osage จะต้องมีการระบุชื่อ “ผู้ปกครองหรือผู้คุ้มครอง” ไม่ว่าพ่อแม่ของเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม และให้สิทธิถือกรรมสิทธิ์ในน้ำมันสามารถส่งต่อให้ทายาทหรือผู้รับช่วงต่อที่
ไม่ใช่คนของชนเผ่า Osage ได้ ตรงนี้ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น การแก้กฎหมายในส่วนนี้ทำให้เกิดช่วงเวลาที่เรียกกันว่า The Osage Reign of Terror หรือยุคสมัยแห่งความหวาดผวาของชาว Osage
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ “ผู้ปกครองหรือผู้คุ้มครอง” ของเด็กชาว Osage กลับกลายเป็นคนผิวขาวหรือนักธุรกิจเกือบทั้งหมดแทนที่จะเป็นพ่อแม่ตัวจริงของเด็ก มีกรณีที่คนภายนอกจำนวนมากมายมาแต่งงานกับชนพื้นเมือง Osage เพื่อที่จะได้มีเอี่ยวในเงินค่ากรรมสิทธิ์จำนวนมหาศาล การขู่กรรโชกซื้อที่ดิน มีการฉ้อฉลหลอกลวง ไปจนถึงการฆ่าชนพื้นเมือง Osage เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จากน้ำมัน
ปี 1925 หน่วยงาน FBI ในตอนนั้นจัดว่าเป็นหน่วยงานใหม่ ทำงานเต็มรูปแบบได้ไม่นาน ก็ได้รับคำร้องเรียนให้สืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมชาว Osage ที่เกิดขึ้นหลายคดี และในปลายปีเดียวกันสภาคองเกรสก็ผ่านร่างแก้ไขกฎหมายให้สิทธิถือกรรมสิทธิ์ในน้ำมัน
ไม่สามารถส่งต่อให้ทายาทที่ไม่ใช่คนของชนเผ่า Osage ได้ ผลจากการแก้กฎหมายล่าสุดนี้ บวกกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไม่กี่ปีต่อมา โดยรวมแล้วทำให้ภาวะคุกคามต่อชาว Osage ลดลงได้
รัฐ Oklahoma กับยุครุ่งเรืองของการขุดเจาะน้ำมัน
ที่จะพูดถึงต่อไปเป็นเรื่องราวหน้าประวัติศาสตร์แห่งความด่างพร้อยหน้าหนึ่งของโอคลาโฮมาซึ่งเกิดขึ้นที่ Osage county ในช่วงทศวรรษ 1920 พื้นที่นี้เป็นเขตของชนพื้นเมืองเผ่า Osage (อ่านว่าโอ-เสจ) ซึ่งมีความพิเศษต่างจากชนพื้นเมืองกลุ่มอื่นตรงที่สามารถถือครองที่ดินได้และมีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในแร่หรือน้ำมันที่อยู่ใต้ดิน เมื่อมีการค้นพบน้ำมันในพื้นที่ใดก็ตาม เจ้าของที่ดินจะมีสิทธิได้รับค่ากรรมสิทธิ์หรือค่าภาคหลวงจากน้ำมัน ยิ่งมีน้ำมันมากเจ้าของที่ดินตรงนั้นก็ได้เงินมาก นำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นภัยแก่ตัวเองด้วย
ในปี 1921 สภาคองเกรสผ่านกฎหมายให้เด็ก/ผู้เยาว์ของชนเผ่า Osage จะต้องมีการระบุชื่อ “ผู้ปกครองหรือผู้คุ้มครอง” ไม่ว่าพ่อแม่ของเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม และให้สิทธิถือกรรมสิทธิ์ในน้ำมันสามารถส่งต่อให้ทายาทหรือผู้รับช่วงต่อที่ไม่ใช่คนของชนเผ่า Osage ได้ ตรงนี้ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น การแก้กฎหมายในส่วนนี้ทำให้เกิดช่วงเวลาที่เรียกกันว่า The Osage Reign of Terror หรือยุคสมัยแห่งความหวาดผวาของชาว Osage
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ “ผู้ปกครองหรือผู้คุ้มครอง” ของเด็กชาว Osage กลับกลายเป็นคนผิวขาวหรือนักธุรกิจเกือบทั้งหมดแทนที่จะเป็นพ่อแม่ตัวจริงของเด็ก มีกรณีที่คนภายนอกจำนวนมากมายมาแต่งงานกับชนพื้นเมือง Osage เพื่อที่จะได้มีเอี่ยวในเงินค่ากรรมสิทธิ์จำนวนมหาศาล การขู่กรรโชกซื้อที่ดิน มีการฉ้อฉลหลอกลวง ไปจนถึงการฆ่าชนพื้นเมือง Osage เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จากน้ำมัน
ปี 1925 หน่วยงาน FBI ในตอนนั้นจัดว่าเป็นหน่วยงานใหม่ ทำงานเต็มรูปแบบได้ไม่นาน ก็ได้รับคำร้องเรียนให้สืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมชาว Osage ที่เกิดขึ้นหลายคดี และในปลายปีเดียวกันสภาคองเกรสก็ผ่านร่างแก้ไขกฎหมายให้สิทธิถือกรรมสิทธิ์ในน้ำมันไม่สามารถส่งต่อให้ทายาทที่ไม่ใช่คนของชนเผ่า Osage ได้ ผลจากการแก้กฎหมายล่าสุดนี้ บวกกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไม่กี่ปีต่อมา โดยรวมแล้วทำให้ภาวะคุกคามต่อชาว Osage ลดลงได้